จากที่คิดว่าจะกลับมาจัดการคนดื้อที่กล้าพยศใส่ต่อหน้าคนอื่น แต่กลับไม่เป็นอย่างใจคิด เมื่อกลับมาถึงบ้านกลับเห็นว่าประตูบ้านยังล็อกไว้เหมือนเดิม
หกโมงเย็นแล้วก็แล้ว เข้าสู่ทุ่มหนึ่งก็ยังไม่เห็นหน้า โทรไปหาก็ไม่รับสาย ความกระวนกระวายเริ่มเกาะกินในใจ จนเริ่มโมโหกับความเหลวไหลของคนที่หายไป
เริ่มเข้าสองทุ่มก็ยังไร้วี่แววของคนที่รอ แก้วบรั่นดีรสชาติเยี่ยมถูกกรอกเข้าไปในโพรงปากทีเดียวจนหมดแก้ว เมื่อตอนนี้ปาเข้าไปสามทุ่มครึ่ง แต่คนที่ต้องการตัวก็ยังไม่มา มิหนำซ้ำยังปิดเครื่องหนีหายไปอีกต่างหาก
อย่านะ อย่าให้เห็นว่ากลับมานะ เขาจะลงโทษเธออย่างสาสม ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน จะทำให้จำไปจนวันตาย ว่าอย่าคิดผยองพองขนสู้ถ้าไม่อยากคลานลงจากเตียง
แต่เชื่อเถอะว่าวันนี้ไม่รู้จะได้ลงโทษคนเก่งหรือไม่ เพราะตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มเข้าไปแล้วก็ยังไม่เห็นแม้เงา นั่งรอจนเมื่อย จนขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าจิบบรั่นดีก็แล้ว ขนมหวานก็ยังไม่กลับ
และเสียงเรียกเข้าของสมาร์ทโฟนที่เขวี้ยงทิ้งไว้บนเตียงนอนก็ส่งเรียกร้องน่ารำคาญขึ้นมา ยิ่งเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอก็ยิ่งไม่อยากคุย เพราะไม่มีอารมณ์จะเสวนาด้วย ครั้นไม่รับสายไปหนึ่งครั้ง ปลายสายก็ยังไม่ละความพยายามต่อสายมาใหม่ นี่เขาจะเห็นแก่ความพยายามแล้วกัน นิ้วแกร่งจึงจิ้มกดรับไป
“มีอะไรวะ...ห๊ะ! มึงว่าอะไรนะไอ้เหนือ...ที่ไหน...มึงส่งโลมาให้กูเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็เฝ้าไว้อย่าไปไหน เดี๋ยวกูไป” ไม่ต้องนงต้องนอนมันแล้วเวลานี้ รีบเปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงยีนออกไปยังจุดหมายในทันที
ส่วนคนที่บอกให้นั่งเฝ้าตอนนี้ก็ไม่รู้จะเฝ้ายังไงไหว เพราะตอนนี้คนที่ตัวเองนั่งเฝ้ากำลังโยกย้ายร่างกายตามเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน ร่างบอบบางเต้นอย่างสนุกสุดเหวี่ยงเหมือนกำลังปลดปล่อยความทุกข์ที่สะสมมานาน
“วู้! สนุกจังเลยเวล ขนมชอบจัง วันหน้าเรามาอีกนะ” ขนมหวานร้องแข่งกับเสียงเพลงบอกเพื่อนชาย แขนเรียวสองข้างยกขึ้นมาคล้องลำคอเวลตันไว้เป็นหลักยึด เพราะตอนนี้รู้สึกเหมือนแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปตั้งแต่หัวค่ำเริ่มออกฤทธิ์และออกฤทธิ์มากด้วยซ้ำ จนหญิงสาวแทบจะประคองตัวเองไม่ไหว
“ได้สิ”
“จะได้มาหรือจะได้เลือดกันแน่ ขนมนะขนม” ใบบัวบ่นให้เพื่อน พลางถอนหายใจออกมา
“ขนม กลับเหอะ ดึกแล้วนะ จะเที่ยงคืนแล้ว”
“ไม่! ไม่อยากกลับ เบื่อบ้าน เบื่อคนใจร้าย ฉันไปนอนกับแกนะบัว” ขนมหวานเดินเซซ้ายเอียงขวาเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างใบบัว จับมือเพื่อนสาวมากุมไว้ส่งสายตาขอร้องออกไป
กลับไปบ้านก็มีแต่เรื่องน่าเบื่อ มีแต่ความเจ็บปวด เสียใจ กลับไปก็คงต้องเจอคนใจร้ายพูดจาจิกกัดทำให้เสียใจ เธอไม่อยากกลับ เธออยากไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้าน ที่ต้องไม่เจอผู้ชายใจร้ายคนนั้น
“เออๆ กลับห้องฉันก็กลับ เวลแกเช็กบิลทีนะ เดี๋ยวฉันพาขนมไปรอที่รถ”
“เออ ไปเหอะ”
“ไปขนม” ขนมหวานยื่นมือสองข้างมาหาเพื่อน คล้ายกับต้องการให้ใบบัวประคองออกไป ด้วยรู้ดีว่าสภาพตัวเองตอนนี้ หากเดินไปเองอย่างเก่งคงได้ไม่ถึงห้าก้าวก็คงล้มพับลงไปนั่งที่พื้น
“มาๆ” ใบบัวก็เข้าไปประคองเพื่อนสาวไว้ คว้ากระเป๋าคว้าสัมภาระทุกอย่างมาถือ และพาขนมหวานออกจากร้านอย่างทุลักทุเล สองสาวเดินออกมายังลานจอดรถตรงไปยังรถที่จอดอยู่อีกไม่ไกล
แต่จู่ๆ ก็มีรถยนต์วิ่งมาจอดเทียบข้าง ก่อนเจ้าของรถคันนั้นจะเปิดประตูรถลงมา ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉย ทว่าสายตากลับมองไปยังผู้หญิงที่ยืนคอพับคออ่อนให้เพื่อนประคองอย่างไม่พอใจ
“ท่านอธิการ!”
ประโยคที่เพื่อนสาวเอ่ยออกมา ทำให้คนที่ยืนสะลึมสะลือปรือตาที่หนักอึ้งขึ้นมอง หันไปรอบกายจนปะทะเข้ากับใบหน้าของผู้ชายใจร้ายที่ไม่อยากเจอ
“มาทำไม ใครให้มา ไปกันเถอะบัว รำคาญจะแย่” คนเมามักพูดในสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกออกมา และนั่นก็คือสิ่งที่ขนมหวานคิดในตอนนี้
อชิระหน้าตึง สายตาคมฉายแววไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้คนเมาที่สติไม่เต็มร้อย กระชากแขนเรียวดึงร่างบางให้มาอยู่ข้างตนเอง
“เอ๊ะ! ปล่อยสิ ปล่อยนะ บัวช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากไปกับเขา ปล่อยสิ โอ๊ย!! มือเหนียวจังวะ”
“ขนม...” ใบบัวก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไง นั่นพี่ชายเพื่อนเลยนะ และยังเป็นมากกว่าพี่อีก
“เดี๋ยวผมพาขนมกลับเอง คุณกลับไปเถอะ” คนเมาชักโมโห พยายามแกะมือของอชิระออกจากแขนตัวเอง เมื่อแกะไม่ได้ก็เริ่มตีเเรงๆ
“ก็บอกว่ามาไปไงล่ะ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ หูหนวกไง”
“หุบปากเดี๋ยวนี้ขนม ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“ไม่หุบ คนที่หุบคือคุณนั่นแหละ ไอ้คนใจร้าย นี่ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยนะ” ระดมฝ่ามือทุบตีอชิระลงไป พยายามดิ้นหนีให้หลุดพ้นออกจากมือที่จับไว้ แต่ไม่ง่ายเลยจริงๆ มิหนำซ้ำยังถูกร่างสูงจับอุ้มพาดบ่าเสียด้วยซ้ำ
“เลิกโวยวายได้แล้ว น่ารำคาญ” พูดจบก็แบกคนเมาเดินไปยังรถที่จอดอยู่ เปิดประตูและจับขนมหวานยัดเข้าไป โดยมีใบบัวมองรถยนต์ที่วิ่งผ่านหน้าไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสาว แต่จะให้เธอยื่นมือเขาไปแส่ก็คงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือภาวนาขอให้ขนมหวานไม่ถูกอชิระทำร้ายก็เป็นพอ
ส่วนคนเมาเมื่อเข้ามาอยู่ในรถ พิษสงที่แสดงออกไปก่อนหน้าก็ค่อยๆ หายไป เพราะความเย็นของแอร์ที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนขึ้นมา จากโวยวายในคราแรกก็ค่อยๆ เงียบไป จนคนที่นั่งโมโห อารมณ์เสียเริ่มแปลกใจกับความเงียบผิดปกติ หันมองข้างกันก็พบว่าคนเมาที่สร้างเรื่องชวนโมโห นั่งคอพับคออ่อนหมดฤทธิ์ไปแล้ว
“เป็นบ้าอะไรวะ ถึงได้เมาขนาดนี้” ยื่นมือมาดึงร่างบางให้เอียงมาซบบนไหล่ตัวเอง โดยที่คนเมาก็เอนตัวมาซบอย่างว่าง่าย
จนกระทั่งรถขับเข้ามาจอดลงตรงหน้าบ้าน อชิระเดินลงจากรถไปเปิดประตูบ้านและเดินกลับมาเปิดประตูรถฝั่งที่ขนมหวานนั่งอยู่ ช้อนร่างบางขึ้นอุ้มเดินเข้าไปในบ้าน ตรงขึ้นไปยังห้องนอนของหญิงสาว
บรรจงวางร่างบางลงบนเตียงนอนอย่างเบามือ ไม่อยากให้เธอตื่นมาโวยวายหนวกหูในยามดึกดื่น แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะคนที่หลับในคราแรกตอนนี้ตื่นเป็นที่เรียบร้อย
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือบางตวัดฟาดลงบนแก้มสากเต็มแรงอย่างเจ็บใจ เล่นเอาคนถูกตบงุนงงเข้าไปใหญ่
“เป็นบ้าอะไรมาตบฉันทำไม” ตะโกนถามเสียงดัง คนถูกถามพยุงตัวเองลงจากเตียงมายืนจ้องหน้ากัน
“อยากตบ อยากตบมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ไอ้คนใจร้าย” พุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายของอชิระด้วยความเร็ว สองมือเล็กทุบตีลงบนลำตัวของชายหนุ่มเท่าที่จะทำได้ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเพราะถูกอชิระรวบมือทั้งสองเอาไว้
“เป็นบ้าอะไรของเธอ สติเสียไปแล้วหรือไง ถ้าเมาก็นอน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาคิดบัญชีกับเธอทีหลัง” ผลักร่างบางจนล้มลงไปนอนที่เตียงตามเดิม ขนมหวานปรือตาขึ้นมองคนใจร้าย ใจดำ ใจอำมหิต ที่ทำร้ายเธอด้วยความเจ็บ
“ทำไมใจร้ายจัง” เอ่ยถามเสียงสั่นเครือที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ฉันไม่เคยเป็นคนใจดี แล้ววันนี้เป็นอะไร เป็นบ้าหรือไงถึงได้ออกไปดื่มเมามายมาแบบนี้ หรือว่าร่านจนอยากออกไปหาผัวใหม่ มาสนองความอยากของตัวเอง” คนถูกดูถูกแสยะยิ้มออกมา ร่างบางพยุงตัวขึ้นนั่งอีกครั้ง ขยับตัวถอยไปนั่งกลางเตียงนอน
สายตาทอดมองอชิระไม่มีหลบ พร้อมกันนั้นก็จัดการปลดเปลื้องชุดที่ใส่ออกจากร่างกาย เหลือเพียงกายงามขาวเนียนน่าสัมผัส
“อยากเหรอ ถึงได้แก้ผ้ายั่วฉันขนาดนี้” ขนมหวานไม่ตอบ ขยับตัวไปนั่งพิงหัวเตียงไว้ ขาเรียวแยกออกจากกันจนเห็นบุปผางามสีชมพูสวยเบ่งบาน มือบางเลื่อนขึ้นมาลูบไล้ทรวงอกคู่งามอวบใหญ่ทั้งซ้ายและขวา ส่วนมืออีกข้างก็ลูบกายสาวแผ่วเบา
นิ้วเรียวสวยสัมผัสคลึงวนเกสรเล็กที่ยื่นออกมา มืออีกข้างก็บีบบี้ยอดอกตัวเองไปพลาง ใบหน้าสวยแหงนเงยขึ้นมองเพดาน ดวงตากลมโตหลับพริ้ม ริมฝีปากเผยอปล่อยเสียงครางออกมา
“อื้อ...ซี๊ดดด”
อชิระคอแห้งผาก มองภาพความสวยงามอย่างรัญจวนชวนกระสัน ความใหญ่โตที่หลับใหลตื่นตัวขึ้นมาทีละนิดจนเริ่มคับในกางเกง
นี่ขนมหวานเป็นบ้าอะไรเนี่ย
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม” ถามเสียงแหบพร่า จัดการถอดเสื้อยืดออกจากกายหนา เข็มขัดถูกปลดออกจากกันรูดซิปกางเกงไว้รอ
ขนมหวานปรือตาหวานฉ่ำขึ้น หันมองอชิระที่พร้อมมอบความสุขให้ตัวเองก็ยิ้มหวานให้ มือก็บีบเคล้นทรวงอกตัวเองลงไป แผ่นหลังบางแอ่นโค้งมากขึ้นดั่งสะพาน กัดริมฝีปากยั่วยวน ส่วนเบื้องล่างก็ลูบไล้ร่องสวาทฉ่ำน้ำหวานขึ้นลง
“ซี๊ด...อ้า...คุณอชิ อ้ะ...อยาก...อื้อ...อยากรักขนมเหรอคะ” ริมฝีปากหยักยกยิ้ม จัดการถอดกางเกงชั้นในทิ้งไป ความใหญ่โตดีดเด้งผงกหัวรับ ร่างสูงเดินไปยืนอยู่ปลายเตียง สายตาจับจ้องบุปผางามที่หญิงสาวกำลังลูบไล้ ความแข็งขึงก็ใหญ่ขึ้นจนปวดหนึบไปทั้งลำ
“ก็เธออยากไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะช่วยสงเคราะห์ให้ ถือว่าเอาบุญ” ขนมหวานหัวเราะออกมาราวกับสิ่งที่อชิระพูดนั้นคือเรื่องตลก
“จุ๊ๆๆ ไม่ต้องช่วยก็ได้ค่ะ ขนมช่วยตัวเองได้...อื้อ” สิ้นเสียงนิ้วกลางเรียวก็กดลึกเข้าไปในผนังอ่อนนุ่มด้านใน ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันเมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับเข้าออก ไม่ได้สนใจคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงแต่อย่างใด
“ขนม” คำรามในลำคอ เมื่อถูกอีกคนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย และยังใช้นิ้วมอบความสุขให้ตัวเองเสียด้วยซ้ำ เป็นการท้าทายและปฏิเสธอย่างร้ายกาจ
ร่างสูงก้าวขึ้นมาบนเตียง เดินเข้ามายืนหน้าขนมหวาน จับผมดำของหญิงสาวให้หญิงสาวเงยหน้ามองกัน
“กินมันซะ แล้วฉันจะช่วย ฉันรู้ว่าแค่นิ้วมันไม่ทำให้เธอมีความสุขถึงใจเหมือนเอ็นใหญ่ของฉันหรอก” ขนมหวานมองสบสายคมไม่ยอมหลบ รอยยิ้มเย้ยหยันเผยบนใบหน้าสวยคล้ายกลับกำลังท้าทายชายหนุ่มไปในที เรียวลิ้นเล็กเลียริมฝีปากตัวเองอย่างยั่วยวน
“ขนมต้องทำ”
“ขนม อย่าดื้อได้ไหม” เริ่มแล้วนะ เริ่มจะหมดความอดทนลงทุกขณะ ขนมหวานนี่ยังไง เวลาเมานี่ดื้อใช่ย่อยเลยนะ
“เด็กดื้อต้องโดนอะไรเหรอคะ”