1
โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
หลังจากสอบวันสุดท้ายน้ำใสก็เดินออกมารอรถประจำทางเพื่อตรงกลับบ้าน หญิงสาววัยย่างสิบแปดปีรูปร่างกะทัดรัด ทว่าสัดส่วนไม่ธรรมดา หน้าอกหน้าใจใหญ่เด้งจนกลายเป็นอาหารตาของหนุ่มๆ
บั้นท้ายกลมกลึงน่ามอง ยามที่ร่างเล็กก้าวเท้าเดินส่งผลให้เนื้อแน่นนั้นเบียดเสียดกัน ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักตามแบบฉบับพิมพ์นิยมของชายไทย
ดวงตากลมโตบ๊องแบ๊ว ปลายจมูกโด่งกำลังดี ไม่พุ่งและไม่ต่ำจนเกินไป รับกับริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ องค์ประกอบทุกส่วนบนใบหน้าและร่างกายขับให้น้ำใสดูสวยและโตเกินกว่าวัยไปไม่น้อย
“ขอเบอร์หน่อยได้เปล่า ?” ขณะที่นั่งรอรถอยู่ก็มีรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยอื่นที่บังเอิญผ่านมาแถวนี้ตรงเข้ามาขอเบอร์
“ไม่ได้ค่ะ” เธอกล่าวปฏิเสธทันควัน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้ชายเข้ามาขอเบอร์ และแน่นอนว่าที่ผ่านมาน้ำใสไม่เคยให้เบอร์ใคร
“อย่าหยิ่งสิ น่ารักแบบเธอเราสเปกเราจริงๆ”
“ไม่ได้หยิ่งแต่ให้ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมให้ไม่ได้”
“ไม่มีโทรศัพท์”
“….”
จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าเธอไม่มีโทรศัพท์มือถือ แต่เป็นเพราะยังไม่อยากสนใจเรื่อวความรัก จึงเลือกที่จะโกหกไปแบบนั้น
สุดท้ายชายหนุ่มจำใจต้องยอมจากไปทั้งที่ไม่ได้เบอร์ แต่ก็ยังไม่วายนึกบ่นน้ำใสในใจ
‘โตจนนมตั้งแล้วไม่มีโทรศัพท์ใช้ได้ไงวะ’
บ้าน
เมื่อมาถึงบ้านน้ำใสก็รีบเอาของขึ้นไปเก็บแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดที่เธอจะอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์
หลังจากจัดการตัวเองเสร็จน้ำใสก็ขี่จักรยานออกไปที่ตลาดเพื่อซื้อเค้กวันเกิดให้ตัวเอง โดยเงินนั้นก็มาจากค่าขนมในแต่ละวันที่เธอเก็บเล็กผสมน้อย
จอดจักรยานเสร็จน้ำใสก็รีบพุ่งตัวไปยังร้านเค้กเจ้าประจำ เรียกได้ว่ามาซื้อแทบทุกปี
กริ้ง~
“มาเอาเค้กค่ะ” เธอทักทายเจ้าของร้านอย่างสนิทสนม
“รอแป๊บนึงนะจ๊ะคนสวย” จูนคลี่ยิ้มด้วยความเอ็นดูแล้วเดินไปหยิบเค้กขนาดครึ่งปอนด์มายื่นให้น้ำใส
“เท่าไหร่คะ”
“เจ้ไม่คิดเงินหรอก”
“ไม่เอาค่ะ ถึงหนูจะจนแต่ก็ไม่อยากเอาเปรียบใคร”
“ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดจากเจ้แล้วกัน”
น้ำใสลังเลว่าจะทำอย่างไรดี เธอเกรงใจแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าอยากประหยัดเงิน
“นี่ ไม่ต้องคิดมาก เจ้บอกว่าให้ก็ให้ รีบเอากลับไปเป่าสิเดี๋ยวละลายไม่รู้นะ”
เพราะคิดไว้แล้วว่าน้ำใสคงลำบากใจที่จะรับเค้กฟรีๆ จูนจึงทำเป็นเค้กไอศกรีมเพื่อให้เธอรีบนำกลับไปที่บ้านก่อนมันจะละลาย
“เค้กไอติมเหรอคะ ?”
“จ้ะ”
“จริงเหรอเจ้! โหยเจ้อะ!” หญิงสาวเบิกตาโตด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากร้าน ขับจักรยานตรงกลับไปที่บ้าน
ราคาเค้กไอศกรีมที่ร้านราคาค่อนข้างสูง จึงทำให้เธอกลัวว่ามันจะละลายและเสียของซะก่อน
เมื่อมาถึงบ้านน้ำใสก็รีบเอาเค้กไอศกรีมเข้าไปแช่ในตู้เย็นทันที จากนั้นก็ทำการบ้านรอผู้เป็นแม่กลับมาจากการขายก๋วยเตี๋ยว
สองชั่วโมงผ่านไป
“อีน้ำใสมาช่วยเอาของเข้าไปเก็บหน่อย!” เสียงแหลมดังขึ้นจากทางหน้าบ้าน น้ำใสรีบดีดตัวลุกขึ้นวิ่งออกไปช่วยแม่ถือของเข้ามาเก็บ
“ทำไมวันนี้วิ่งออกมาไว ปกติกูต้องเรียกจนปากจะฉีก” นงเหล่มองลูกสาวอย่างไม่ไว้ใจ
“ก็วันนี้…”
“จะวันอะไรก็ช่าง กูจะบอกว่าช่วยขยันให้มันได้แบบนี้ทุกวันด้วย” พูดจบก็เดินนำหน้าลูกสาวเข้าไปในบ้าน
น้ำใสรู้สึกใจเหี่ยวเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าผู้เป็นแม่จะลืมวันเกิดของเธอ
หญิงสาวเดินคอตกเอาของเข้าไปเก็บไว้ในครัว แต่ระหว่างนั้นเสียงแม่ก็ตะโกนดังขึ้นมา
“อีน้ำใสหยิบถุงสีขาวเล็กๆ ออกมาให้กูด้วย”
“จ้าแม่!”
เสียงลมหายใจถูกพ่นออกมาเบาๆ ก่อนที่น้ำใสจะหยิบถุงสีขาวใบเล็กแล้วเดินเอาไปให้ผู้เป็นแม่
“อะแม่”
“เอาไปสิ”
“ให้หนูเหรอ”
“ให้หมามั้ง”
น้ำใสประมวลผลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะปรากฏบนใบหน้า แม่ไม่ได้ลืมวันเกิดของเธอ เพียงแค่อยากเซอร์ไพรส์เท่านั้น
เธอรีบแกะถุงนั้นออกด้วยความตื่นเต้น ปรากฏว่าเป็นลิปสติกสีที่เคยขอให้แม่ซื้อให้ ซึ่งตอนนั้นนอกจากแม่จะไม่ยอมซื้อให้แล้วเธอยังถูกต่อว่าอีกต่างหาก
“แม่!”
“โอ๊ย! กูก็นั่งอยู่ตรงนี้มึงจะตะโกน…”
ไม่รอให้แม่พูดจนจบประโยค น้ำใสรีบพุ่งเข้าไปสวมกอดท่านทันที ทำเอานงชะงักเงียบไป
“ขอบคุณนะแม่”
ความเงียบเข้าครอบงำอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่นงจะเป็นฝ่ายผละตัวออก
“กูซื้อให้เพราะสงสารหรอก เอาไว้ใช้ตอนที่อยู่บ้านเท่านั้น อย่าให้กูเห็นว่าทาไปเรียน”
“จ้าแม่~”
น้ำใสขานรับเสียงหวานแล้วเก็บลิปสติกใส่ถุงไว้อย่างเดิม แม้ว่าลิปสติกแท่งนี้จะไม่ได้หรูหราหรือแพงมากมายอะไร แต่เธอก็ดีใจเพราะได้มันมาจากผู้เป็นแม่
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในครัว ร่างเล็กหยิบเค้กออกมาปักเทียนแล้วอธิษฐานก่อนเป่า โดยมีแม่คอยร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้ ก่อนที่ทั้งสองจะนั่งกินก๋วยเตี๋ยวน้ำใสด้วยกัน
บรรยากาศท่ามกลางวันเกิดอายุครบสิบแปดปีของน้ำใสคละคลุ้งไปด้วยรักและความอบอุ่น