Chapter 12
แสงตะวันเล็ดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง ทำให้หญิงสาวที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงปรือตาตื่น พอลืมตาปุ๊บผิวขาว ๆ ของร่างสูงก็กระแทกตาปั๊บ ยาหยีก็เลยจ้องมองคนตัวสูงที่กำลังฝึกเดินด้วยสายตาชื่นชมที่เขาลุกขึ้นมาทำกายภาพตั้งแต่เช้า
“โห...เฮียขา เดินได้เท่มากเลย” ยาหยีทำเสียงว้าว แล้วเดินไปใกล้ ๆ เขา
“หึหึ...” วายุหลุดยิ้มกับคำยกยอของยาหยี ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามเธอว่า “แล้วหลังของเธอเป็นยังไงบ้าง หายปวดหรือยัง”
“พอเฮียทายาให้เมื่อคืน ตื่นมาหนูก็หายปวดหลังเลยค่ะ” ยาหยีตอบเขาอย่างฉอเลาะด้วยรอยยิ้มแป้นราวกับเด็ก ๆ จนทำให้วายุยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูหญิงสาว แต่ยังไม่ทันที่วายุจะพูดอะไรกับยาหยีต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“พี่หมอมาแล้วแน่เลยค่ะ” ยาหยีเอ่ยบอกวายุ ก่อนที่เธอจะเดินไปเปิดประตู และพอเป็นหมอสายลมตามที่คาดการณ์เอาไว้ ยาหยีก็ยกมือไหว้หมอสายลมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะพี่หมอ”
“สวัสดีครับน้องยาหยี” สายลมทักทายยาหยีด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องกว้างที่มีเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ทำกายภาพครบครัน
“สุดยอดไปเลยเฮีย อีกไม่กี่วันก็เดินได้เหมือนเดิมแล้ว” สายลมยกมือเยี่ยมให้พี่ชายของเขา
“เออ...กูก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
“เราเตรียมฉลองได้เลยค่ะพี่หมอ เดี๋ยวเฮียก็วิ่งได้แล้ว” คำพูดของยาหยีทำให้วายุหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...
“หนูไปเรียนก่อนนะคะ”
“ทำไมเธอถึงใส่เสื้อนักศึกษารัดตัวแบบนั้น เธอไม่อึดอัดเหรอยาหยี” วายุไล่สายตามองยาหยีตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่เธอใส่เสื้อนักศึกษารัดตัว จนเห็นบริเวณช่วงหน้าอกได้อย่างชัดเจน
“หนูไม่อึดอัดเลยค่ะเฮีย”
“แต่ฉันคิดว่าเสื้อของเธอมันแน่นไปนะ ใส่เสื้อรัดมาก ๆ เดี๋ยวก็เรียนไม่รู้เรื่อง” วายุยังคงพูดวนเวียนอยู่กับเสื้อนักศึกษาของยาหยี จนยาหยีแปลกใจว่าวันนี้เขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงโฟกัสที่เสื้อของเธอนัก ทั้งที่เธอก็แต่งตัวแบบนี้เป็นประจำเวลาไปเรียน
“รีบไปขึ้นเครื่องได้แล้วยาหยี เดี๋ยวจะไปเรียนสายนะ” สายลมที่เห็นพี่ชายของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม เขาก็พูดขัดขึ้นพร้อมทั้งเอามือจับไหล่ยาหยี แล้วดันหญิงสาวให้รีบเดินออกจากบ้านไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัว
เมื่อยาหยีเดินออกจากบ้านไปแล้ว สายลมก็หันไปปะทะเข้ากับแววตาคมดุที่จ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ สายลมก็เลยแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่อีกคนกลับไม่ปล่อยผ่านไปง่าย ๆ
“อย่าแตะตัวยาหยีแบบนั้นอีก น้องเป็นผู้หญิง”
“ยาหยีก็เหมือนน้องสาวของผมนะเฮีย”
“แต่ยาหยีเป็นพี่สะใภ้มึงไอ้ควาย”
“อ๋อ...ที่แท้ก็หวงเมียเด็กนี่เอง” สายลมยิ้มออกมาทันทีที่เห็นพี่ชายของเขาออกอาการหวงยาหยีมากขนาดนี้
“...” หลังจากสายลมมองเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ วายุก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนที่เขาจะเดินช้า ๆ ไปนั่งบนรถวีลแชร์ แล้วกดปุ่มเคลื่อนรถไปยังระเบียงบ้าน จากนั้นเขาก็แหงนมองเครื่องบินที่กำลังบินอยู่บนฟากฟ้าด้วยความรู้สึกหลากหลายที่แทรกซึมเข้ามากลางใจ
20.00 น.
“มานั่งทำไรตรงนี้ครับเฮีย...” สายลมที่เพิ่งตื่นนอน เดินเข้ามาหาพี่ชายที่นั่งอยู่หน้าบ้านเหมือนรอใครสักคน
“กูก็นั่งตากลมไปเรื่อย ว่าแต่มึงเถอะ มาดูแลกูหรือมานอนกันแน่ไอ้หมอ” วายุเอ่ยถามน้องชายของเขา ที่ผลัดเวรมาดูแลเขาแทนยาหยี ในวันที่หญิงสาวต้องไปเรียน แต่ทว่าสายลมกลับนอนหลับตั้งแต่บ่าย กลายเป็นว่าเขาเป็นคนนั่งเฝ้าสายลมที่นอนหลับสบายใจเฉิบ
“เมื่อคืนดึกไปหน่อย”
“เที่ยวดึก”
“อยู่เวรดึกดิเฮีย ผมยังไม่ได้นอนเลย ตอนเช้าก็ต้องรีบบินมาดูแลเฮียเนี่ย”
“มึงไม่ได้มาดูแลกู แต่มึงมานอน”
“ก็ผมง่วงอะ”
“งั้นมึงโทรถามยาหยีซิ เรียนเสร็จยัง? จะกลับบ้านกี่โมง? ทำไมเรียนสัปดาห์นี้ถึงกลับดึกกว่าที่ผ่านมา โทรถามยาหยีสิว่าถึงไหนแล้ว มึงจะได้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน”
“คิดถึงน้องก็กดโทรหาเองเลยสิเฮีย จะหลอกใช้ผมทำไมเนี่ย” สายลมยื่นมือถือของเขาให้วายุ ที่ออกอาการอยากรู้เรื่องยาหยีเหลือเกิน และดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างวายุและยาหยีกำลังเป็นไปด้วยดีจนเขาสัมผัสได้
“กูบอกให้มึงโทร มึงก็โทรสิวะ จะเดาเชี่ยอะไรนักหนา”
“แล้วผมเดาถูกไหมล่ะ” สายลมยังจี้ถามต่อจนวายุเงียบไป
“...”
“เงียบแบบนี้ แสดงว่าหลงน้องแล้วอะสิ ถึงได้ว้าวุ่นใจที่น้องยังไม่กลับบ้าน”
“มึงเป็นหมอก็ดีอยู่แล้ว อย่ามาถามจี้เหมือนเป็นตำรวจได้ปะ”
“หว่า...ดีใจด้วยนะเฮีย น้องกลับบ้านแล้ว” สายลมเอ่ยแซวขึ้นทันที เมื่อได้ยินเสียงเครื่องบินกำลังลงจอดที่เกาะพอดี
“พูดมาก รีบกลับบ้านไปเลย”
“โห...พอน้องยาหยีกลับมาบ้านปุ๊บ ก็ไล่ผมเลยนะ”
“กูเหม็นหน้ามึง”
“โห...พูดงี้ผมเสียใจนะเฮีย ฮ่า ๆ งั้นผมกลับบ้านก็ได้” สายลมหัวเราะร่าไม่ได้ถือสาคำพูดของพี่ชายแม้แต่น้อย
และในขณะที่สายลมกำลังเดินออกจากบ้าน เป็นจังหวะที่ยาหยีเดินเข้ามาในบ้านพอดี สายลมก็เลยเดินเข้าไปใกล้ยาหยี ก่อนจะยกมือลูบหัวยาหยีอย่างอ่อนโยน
“เป็นไงบ้าง วันนี้เรียนเหนื่อยไหมน้องยาหยี”
ภาพตรงหน้าทำเอาวายุใจกระตุก จนเขาต้องตะโกนก้องออกไปเสียงดุ “ไอ้หมอ มึงรีบกลับบ้านไปเลย”
“ไล่จริง ๆ โว้ย ฮ่า ๆ” สายลมหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นเครื่องบินไป
“ทำไมพี่หมอถึงรีบกลับจังเลยคะ” ยาหยีเอ่ยถามอย่างงุนงง เพราะเธอยังไม่ทันได้ตอบคำถามสายลมเลยด้วยซ้ำ แต่วายุกลับเอาแต่ไล่หมอสายลมให้กลับบ้านท่าเดียว
“ไม่ต้องไปสนใจมัน เธอมาสนใจฉันนี่”
“...” ยาหยีนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของเขา อะไรคือให้เธอสนใจแต่เขา คำพูดของเขาทำให้มือไม้ทั้งสองข้างของเธอมันเกะกะไปหมด จนต้องหาเรื่องชวนคุยกับเขาเพื่อแก้เขิน ที่จู่ ๆ เขาก็พูดจาทำให้เธอหัวใจเต้นแรง
“เฮียกินข้าวยังคะ”
“ยังไม่ได้กิน แล้วเธอล่ะ”
“หนูกินมาแล้วค่ะ”
“ไปกินกับใครมา” วายุถามยาหยีน้ำเสียงเข้มขึ้น
“กับเพื่อนค่ะ”
“เพื่อนคนไหน”
“เพื่อนที่เรียนด้วยกันค่ะ”
“คนไหนล่ะ” น้ำเสียงของเขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ
“แป้งร่ำค่ะ”
“อืม”
“วันนี้อยู่กับพี่หมอเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เหมือนอยู่กับเธอหรอก”
“เพราะอยู่กับหนูดีกว่าพี่หมอใช่ไหมคะ”
“งั้นมั้ง”
ยาหยีตั้งใจถามกวน ๆ แต่คำตอบของเขากลับเกินคาด “เฮียอย่าเล่นกับใจหนู ใจหนูก็มีอยู่เท่านี้” ยาหยียกมือขึ้นทำมือเล็กมือน้อยด้วยใจเต้นโครมคราม
“งั้นเหรอ?...” เขายิ้มมุมปากพราวเสน่ห์ ก่อนที่จะกดปุ่มเคลื่อนรถวีลแชร์เข้าบ้าน
“เฮียไม่สบายหรือเปล่าคะ” ยาหยีเอ่ยถามไล่หลังให้แน่ใจ เผื่อคำพูดกำกวมของเขาจะเกิดจากผลข้างเคียงที่เขาไม่สบาย
“หึหึ...” เขาหัวเราะในลำคอ จากนั้นชายหนุ่มก็เข้าห้องไป โดยที่ยาหยีได้แต่มองตามเขาด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะพูดเสียงเบา
“หนูยังรอให้เฮียกลับมาเป็นคนเดิม แต่ตอนนี้แค่เฮียหัวเราะกับหนู ใจดีกับหนู หนูก็ดีใจมาก ๆ แล้ว”
หนึ่งเดือนต่อมา...
“เฮีย!!...” ยาหยีเอ่ยเรียกวายุเสียงดังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เสียงดังอะไรแต่เช้า”
“เย่ ๆ เฮียเดินได้แล้ว” ยาหยีดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะกระโดดเต้นดุ๊กดิ๊กด้วยความดีใจที่เขาเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ช่วยพยุง
“เมี้ยว ๆ ...” ยูริลุกเดินจากที่นอนเบาะนุ่มเข้ามาหายาหยี
“ยูริ...คุณลุงเดินได้แล้ว หม่ามี้ดีใจที่สุดเลย” ยาหยีโน้มตัวอุ้มยูริขึ้นมากอด ก่อนยกมือยูริชูขึ้นแล้วส่ายไปมาด้วยรอยยิ้มแป้น บ่งบอกว่าเธอนั้นดีใจที่สุด
“ทำไมฉันถึงได้เป็นแค่ลุงของยูริ” เขาถามอย่างสงสัย เพราะเวลาเธอพูดกับเจ้าแมวอ้วน มักจะเรียกเขาว่าลุงเสมอ
“หรือเฮียอยากเป็นปะป๊าของยูริไหมคะ” ยาหยีถามด้วยรอยยิ้มกริ่ม
“ก็น่าสนใจดี” เขาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนที่จะเดินช้า ๆ ไปที่ระเบียง แล้วทอดมองท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ถึงแม้แววตาของเขาจะจ้องมองไปยังน้ำทะเลสีคราม แต่ภายในใจของเขากลับไม่ได้นึกถึงสิ่งตรงหน้า เพราะในหัวของเขามีแต่รอยยิ้มดีใจของแม่เจ้ายูริผุดเข้ามาในความคิด จนมันซึมซาบลงในอกด้วยความรู้สึกสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับเธอมาก่อน...