Chapter 13
สองเดือนต่อมา
สิ่งแรกที่ยาหยีมักมองหาตอนตื่นนอน ก็คือ ‘เขา’ และเมื่อหันไปเจอคนตัวสูงสวมใส่ชุดออกกำลังกายกำลังจะเปิดประตูออกจากห้อง ยาหยีก็รีบเอ่ยถามทันที
“เฮียจะไปไหนคะ...” ถามทั้งที่ชุดของเขาบ่งบอกได้หมดแล้ว
“ฉันจะไปวิ่งออกกำลังกายซะหน่อย”
“หนูขอไปวิ่งด้วยได้ไหมคะ”
“จะไปก็รีบลุกจากที่นอนสิ”
“โอเคค่าาาา ~” ยาหยีตอบรับเสียงหวาน แล้วดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง วิ่งเข้าห้องแต่งตัวด้วยความเร็วแสง
“ถ้าล้มหัวแตก ฉันฟาดซ้ำนะ”
“ไม่ล้ม ๆ” ยาหยีตอบกลับน้ำเสียงกลั้วหัวเราะกับคำขู่ไล่หลังของเขา
สิบห้านาทีต่อมา...
ยาหยีวิ่งออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยเสื้อสปอร์ตบราสีน้ำเงิน กางเกงรัดรูปสีเดียวกัน โดยที่มือของเธอหิ้วรองเท้าผ้าใบสีขาวเอาไว้
เมื่อไม่เห็นวายุอยู่ในห้องนอน ยาหยีก็โยนรองเท้าลงบนพื้นก่อนจะสวมมันลวก ๆ แล้ววิ่งออกจากห้องทันที แต่พอเห็นคนตัวสูงยืนรออยู่หน้าบ้าน หญิงสาวก็เบรกตัวโก่ง ยืนอยู่กับที่แป๊บหนึ่ง ก่อนจะเดินไปยืนข้างคนตัวสูง
“ไปกันค่ะเฮีย หนูพร้อมแล้ว”
“จะรีบอะไรขนาดนั้น” วายุที่เห็นเชือกรองเท้าของหญิงสาวหลุดลุ่ยออกมา เขาใช้นิ้วชี้เคาะปลายจมูกเชิดรั้นเบา ๆ เหมือนหยอก ก่อนที่จะนั่งยอง ๆ ผูกเชือกรองเท้าให้หญิงสาว
ความใส่ใจของเขา ทำเอาใจดวงน้อยฟูฟ่องราวกับจะทะลุออกจากอก จนเธอแอบคิดว่า เขาจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่มันเต้นอย่างบ้าคลั่งหรือเปล่านะ?
“อื้อ...เฮีย” ยาหยีสะดุ้งเล็กน้อยที่โดนเขาบีบแก้ม
“ง่วงก็กลับไปนอนต่อ...” ก็เพราะเมื่อคืนเขาเห็นเธอนั่งทำการบ้านจนดึกดื่น ก็เลยคิดว่าที่ยาหยียืนทำตาลอยราวกับจะหลับกลางอากาศ เพราะเธออาจจะนอนไม่เต็มอิ่ม
“ไม่เลย หนูไม่ได้ง่วง” เมื่อกี้เธอทำหน้าง่วงอย่างงั้นเหรอ? บ้าไปแล้ว ใครง่วงนอนกัน? เธอเกือบตัวลอยเพราะเขาเทกแคร์ต่างหากล่ะ
“ถ้าไม่ง่วง ก็ไปกันเถอะ...” พูดจบ เขาก็วิ่งเหยาะ ๆ นำไปก่อน แต่ด้วยความที่เขาขายาว ทำให้แต่ละก้าวของเขาดูเหมือนวิ่งเร็ว
“แฮก ๆ” ยาหยีหอบหายใจถี่ ๆ เสียงดัง เหงื่อเม็ดโตแตกพลั่กตามกรอบหน้า ที่เธอดูเหนื่อยง่ายทั้งที่เพิ่งวิ่ง ความจริงแล้วเธอไม่ได้มีนิสัยรักการออกกำลังกายเท่าไรนัก แต่ที่ขอเขามาวิ่งด้วย แค่อยากมาวิ่งตามผู้ชายคนนี้ คนที่เป็นสามีตีทะเบียน คนที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาจากวันแต่งงานจนถึงวันนี้ มันดีขึ้นกว่าเดิม ถึงเขาจะยังนิ่ง ๆ แต่เขาไม่ได้เฉยชาและไม่ได้ใจร้ายกับเธอเหมือนเก่า
วายุที่ได้ยินเสียงหอบแฮก ๆ ตามหลัง เขาหยุดวิ่งทันที ก่อนจะจับคนตัวเล็กที่วิ่งเร็วจนขาขวิดให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ “หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหอบหายใจถี่เร็ว มีใบหน้าแดงก่ำเหมือนจะเป็นลม เขาก็จับแขนเรียวชูขึ้นสูงเหนือศีรษะ “สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ”
ยาหยีทำตามอย่างว่าง่าย เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วปล่อยลมหายใจออกช้าๆ “ฟู่วววว”
แต่ในขณะที่หญิงสาวกำลังดื่มด่ำกับอากาศบริสุทธิ์ด้วยความฉ่ำปอด เธอก็ต้องร้องครางอื้อเสียงหลง เมื่อโดนคนตัวสูงฉกจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว
และถึงแม้หญิงสาวจะไม่ทันตั้งตัว แต่เธอไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปง่าย ๆ หญิงสาวจึงจูบตอบด้วยการดูดปากหยักเกี่ยวตวัดลิ้นสากมั่ว ๆ แต่กลับได้รับความหวานจากโพรงปากหยักอย่างน่าพึงพอใจ
“ดีขึ้นไหม” คนตัวสูงถามด้วยรอยยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์
รอยยิ้มแพรวพราวของเขาเหมือนร่ายมนตร์สะกดให้หญิงสาวร้องขอจูบกับเขาอีกครั้ง
“ดีขึ้นมากเลยค่ะ แต่หนูขออีกทีได้ไหม” ยาหยีชูนิ้วชี้ขึ้นพร้อมทำปากจู๋อย่างน่ารัก ทำเอาวายุหลุดยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะขยับใบหน้าไปจุมพิตที่หน้าผากมนอย่างอ่อนโยน
เมื่อเขาจูบผิดตำแหน่ง ยาหยีก็เลยเอานิ้วชี้ทาบไปบนปากเล็ก ก่อนพูดอย่างฉอเลาะว่า... “ตรงนี้ค่ะ เฮียจูบผิดที่”
“ทำตัวน่าหมั่นไส้จังวะ” น่าหมั่นไส้ของเขาก็เท่ากับน่ารัก ชายหนุ่มก็เลยจับล็อกใบหน้าสวยแล้วเอาปากหยักบดขยี้ปากเล็กอย่างหนักหน่วงให้สมกับที่เธอร้องขอ
“อื้อ ๆ” ยาหยีส่งเสียงร้องประท้วง เมื่อโดนเขาจูบ จนเริ่มจะหายใจไม่ทัน
“คิดว่าจะแน่” เขาใช้มือสากบีบปากเล็กที่บวมเจ่อเบา ๆ ก่อนจะยกแขนแกร่งโอบกอดลำคอคนตัวเล็กที่สูงระดับอกของเขา พาเดินออกกำลังกายไปพร้อมกัน
พอผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ ซึ่งก็เดินไกลจากบ้านพอสมควร ดวงตากลมโตไปสะดุดเข้ากับจักรยานคันสีขาว ทำให้หญิงสาวถึงกับตาลุกวาวราวกับว่าตัวเองกำลังจะได้ปีนขึ้นขอบสวรรค์ก็ไม่ปาน
“เฮียบนเกาะมีรถจักรยานด้วยค่ะ...” ยาหยีเอ่ยบอกคนตัวสูงด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“แล้ว?...” เขาเลิกคิ้วขึ้น หันไปมองจักรยานคันสีขาวอย่างไม่ค่อยแปลกใจนัก เพราะมันเป็นจักรยานที่พี่น้องของเขาจัดเตรียมเอาไว้ขี่บนเกาะเวลามาพักผ่อนที่นี่
“เฮียอยากปั่นจักรยานไหมคะ”
“ไม่” วายุตอบอย่างไม่เสียเวลาคิด
“ไม่ปั่นจริงเหรอคะ ลองคิดดี ๆ หนูให้เฮียคิดอีกที” ยาหยีถามย้ำ เพื่อให้เขาตอบใหม่ เพราะคำตอบของเขามันไม่ถูกใจเธอนัก
“แล้วเธอต้องการให้ฉันตอบแบบไหนล่ะ” วายุถามหยั่งเชิง เพราะแค่ฟังเธอถามซ้ำ ๆ ก็ดูออกแล้วว่ายาหยีอยากให้เขาปั่นจักรยานเหลือเกิน
“หนูอยากให้เฮียเปลี่ยนจากวิ่งมาปั่นจักรยานดูบ้าง เพราะการปั่นจักรยานเป็นการออกกำลังกายที่ดีเลยทีเดียว หนำซ้ำยังมีเบาะหลังให้อีกคนซ้อนท้ายได้ด้วย”
“ที่พูดร่ายยาวอ้อมโลก สรุปสั้น ๆ คือเธออยากใช้แรงงานฉัน โดยให้ฉันปั่นจักรยานให้เธอนั่ง?”
“หนูขอค้านนิดหนึ่งนะคะ หนูไม่ได้จะใช้แรงงานเฮีย หนูแค่อยากให้เฮียออกกำลังกายหลาย ๆ ท่า ขาจะได้แข็งแรง”
“ขาของฉันแข็งแรงดีและเดินได้ปกติแล้ว” ใช่...ตอนนี้เขากลับมาเดินได้ปกติแล้ว แต่ทว่ายังคงอยู่ที่นี่ต่อเพราะยังจับคนร้ายไม่ได้
“โอเค ๆ หนูยอมรับก็ได้ว่าหนูเมื่อยขา อยากให้เฮียปั่นจักรยานให้หนูซ้อนท้ายได้ไหมคะ?” พอกล่อมเขาไม่สำเร็จ เธอก็ยอมสารภาพความจริงพร้อมทั้งอ้อนเขาไปด้วย เพราะถ้าจะให้เดินต่อ เธอคงได้เดินขาลากกลับบ้านแน่
“เธอเนี่ยมันน่าโดนฟาดก้นสักที...” เขากอดรัดคนตัวเล็กไว้แน่นอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะผละตัวออกเดินไปขึ้นคร่อมจักรยาน
“ขึ้นมา” เขาทำเหมือนจะดุ แต่ก็ตามใจเธอ ก็เพราะยาหยีคอยเป็นกำลังใจที่ดีให้เขาตลอดที่อยู่ที่นี่ เขาจะใจอ่อนยวบทำตามเสียงอ้อนก็ไม่แปลก
“รับทราบค่าาาา” ยาหยีวิ่งดุ๊กดิ๊กไปนั่งซ้อนท้ายจักรยานพร้อมทั้งเอามือจับที่ชายเสื้อของเขา แต่ทว่าวายุกลับดึงมือเล็กขยับมาสวมกอดที่เอวสอบ