จัสมินพุ่งตัวเข้าห้องนอนแล้วปิดประตูล็อกกลอนอย่างรุนแรงก่อนทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดสภาพ น้ำตาแห่งความคับแค้นไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือชิ้นดี
‘คนละระดับ! คนละระดับงั้นเหรอ!’ เสียงของนทีก้องอยู่ในหัว คำดูถูกที่ออกจากปากของเขามันรุนแรงยิ่งกว่าการถูกตบหน้ากลางสี่แยกเสียอีก จัสมินพยายามดึงอารมณ์ตัวเองลงมาให้หยุดตรงที่การเอาชนะ แต่ท้ายที่สุด เธอก็ต้องการให้เขาเจ็บเท่าที่เธอเจ็บ
‘ถ้าพี่เกลียดฉันนัก ฉันก็จะทำให้พี่ทรยศความเชื่อใจคนที่พี่รัก’
ความคิดน่ากลัวและบ้าบิ่นที่สุดแล่นเข้ามาในสมอง การกลั่นแกล้งไม่พออีกต่อไป และการทำให้เขาอับอายก็ไม่พอเช่นกัน เธอต้องการทำลายเกียรติยศและความสัมพันธ์ของนทีกับลดาให้พังพินาศ เพื่อแสดงให้รู้ว่าผู้หญิงที่เขารังเกียจคนนี้มีอำนาจเหนือเขา
จัสมินลุกขึ้นออกจากที่นอน ใบหน้ายังเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา แต่ดวงตากลับฉายแววอำมหิตเด่นชัด เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและต่อสายถึงใครบางคนที่สามารถหาให้ทุกสิ่งให้เธอได้
“ฉันเปลี่ยนแผนแล้ว ฉันไม่ต้องการยาถ่าย ฉันต้องการยาปลุกเซ็กซ์!” เสียงของจัสมินทั้งหนักแน่นและเย็นชาจนน่ากลัว “เอาชนิดที่แรงที่สุด! และฉันต้องการมันก่อนงานเลี้ยง! เท่าไรฉันก็จ่ายได้!”
ความดื้อดึงเอาแต่ใจได้นำพาหญิงสาวพุ่งเข้าสู่ห้วงอันตรายเพื่อสนองความเจ็บปวดและเคียดแค้นที่ถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง โดยไม่คำนึงว่าอะไรจะตามมาหลังจากนั้น
และแน่นอนว่าเรื่องครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงจัสมินคนเดียวที่ชอกช้ำจากการโดนดูถูกเหยียดหยาม เพราะยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่พกมันเสียเต็มกระเป๋าจนน่ากลัวไม่ต่างกัน
ลดาก้าวลงจากรถเมล์สายที่ขึ้นประจำหลังเลิกเรียน ทว่าครั้งนี้เธอไม่ได้ตรงกลับบ้านเหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอด แต่แวะลงห้างสรรพสินค้าชื่อดังแทน ความคับแค้นใจที่ถูกจัสมินตอกกลับด้วยเรื่องสถานะและทรัพย์สิน มันบาดลึกยิ่งกว่าคำด่าหยาบคายใด ๆ ในโลก
‘ทำไม! ทำไมฉันต้องมาเจอคนแบบนี้ ใช่สิ! เธอมันไม่เคยต้องดิ้นรน! เธอไม่เคยต้องกังวลว่าเงินจะพอใช้ไหมเหมือนฉันนี่!’
เสียงในใจที่แสดงความโกรธแค้นต่อจัสมินได้แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังต่อทุกสิ่งที่เป็นตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ต้องใส่ซ้ำ ๆ บ้านที่ไม่หรูหราเหมือนเมื่อเก่าก่อน และที่สำคัญที่สุดคือความจนที่สลัดไม่หลุดสักที
ลดาเดินอย่างไม่มีจุดหมายท่ามกลางแสงไฟของห้างสรรพสินค้า ดวงตาของเธอมองไปยังป้ายแบรนด์เนมต่าง ๆ ด้วยความอยากได้ ความรู้สึกนี้มันก็คล้ายกับความเจ็บป่วยเรื้อรังที่ไม่มียาใดรักษา
ลดาหยุดอยู่ที่โซนน้ำหอมแบรนด์ดังที่มีเคาน์เตอร์หรูหราพร้อมพนักงานที่แต่งตัวดี เธอเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้าพลางลองฉีดน้ำหอมกลิ่น ต่าง ๆ ด้วยท่าทีดูเหมือนคนรวยทั่วไป
แต่แล้วมือของเธอก็หยุดอยู่ที่ขวดแก้วรูปทรงแปลกตา และเมื่อฉีดมันลงบนข้อมือกลิ่นหอมฟุ้งโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ก็ลอยเข้าจมูกทันที
ใช่มันคือกลิ่นเดียวกับที่จัสมินใช้ กลิ่นที่บ่งบอกถึงความมั่งคั่งและความมั่นใจอย่างเหลือล้น ลดาหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อซึมซับกลิ่นนั้น มันไม่ใช่แค่กลิ่น แต่เป็นสิ่งที่เธอต้องการจะเป็น
“ขวดนี้ราคาเท่าไหร่คะ?”
แต่เมื่อพนักงานแจ้งราคาตัวเลขห้าหลักที่สูงลิ่วก็ทำให้รอยยิ้มของลดาต้องเหือดหายไปทันที เธอไม่จำเป็นต้องเปิดกระเป๋าดูเลยด้วยซ้ำก็รู้ว่าในนั้นมีไม่พอ มันจึงกลายเป็นความจริงที่ตบหน้าลดาอย่างจังว่าจัสมินสามารถฉีดน้ำหอมกลิ่นที่เธอไม่มีปัญญาซื้อได้ทุกวัน
ลดาทำได้เพียงยิ้มขอโทษพนักงานแล้วเดินออกจากเคาน์เตอร์มาอย่างเงียบ ๆ แต่กลิ่นหอมยังคงติดอยู่ที่ข้อมือของเธอทำให้ความปรารถนากรีดร้องออกมา
‘ไม่ได้! ฉันต้องมีมัน! ฉันต้องมีกลิ่นนี้!’
และในท้ายที่สุดลดาเดินออกจากห้างสรรพสินค้าพร้อมถุงกระดาษแบรนด์ดังจนได้ แม้ว่ามันจะแลกมาด้วยเงินเก็บทั้งหมดที่มี เธอกอดถุงนั้นไว้แน่นราวกับเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในโลก เธอรู้ตัวเองดีว่าได้ทิ้งความมั่นคงทางการเงินเพื่อแลกกับอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเท่าเทียมกับจัสมิน ถึงจะแค่ชั่วคราวก็ตาม
วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเดียวกันกับการจัดงานเลี้ยงศิษย์เก่า แต่ก่อนจะถึงช่วงเวลานั้นลดาก็โผล่ออกจากมุมเสาแล้วกวักมือเรียกนทีที่กำลังเตรียมเก็บหนังสือลงกระเป๋า
“ว่าไงลดา” ชายหนุ่มขานรับพลางเดินเข้าหา
ลดาไม่ได้ตอบเป็นคำพูดแต่ยื่นข้อมือของตัวเองไปใกล้นทีช้า ๆ “นทีลองดมดูสิ”
นทียื่นหน้าเข้าไปใกล้ข้อมือของลดา มันเป็นกลิ่นหอมฟุ้งที่เหมือนเคยได้กลิ่นมาก่อนแต่ก็ไม่ได้สงสัยที่มา เพราะในมหาวิทยาลัยคนออกจะเยอะแยะมากมายจะซ้ำกันบ้างก็ไม่แปลก
“หอม”
“ลดาเพิ่งไปซื้อมา” เธอหยุดเล็กน้อยพลางยิ้มอย่างสดใส “ลดาคิดว่ามันน่าจะเข้ากับลดาได้ดีกว่ากลิ่นเก่า ๆ”
นทีไม่ทันสังเกตความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่ในการกระทำเหล่านี้เลย ในสายตาของเขาเห็นเพียงผู้หญิงแสนดีที่กำลังพยายามทำให้ตัวเองสดใสขึ้นหลังถูกรังแก
“ดีแล้ว แค่ลดายิ้มแบบนี้ก็ดีแล้ว”
ลดาซบศีรษะลงบนไหล่ของนทีอย่างพึ่งพา กลิ่นน้ำหอมแพงลิบลิ่วที่เธอทุ่มเงินเก็บซื้อได้เสริมความมั่นใจแบบผิด ๆ ว่าเธอก้าวเข้าสู่ ‘ระดับ’ ที่สูงกว่าจัสมินเรียบร้อยแล้ว
ค่ำวันนั้น ณ โรงแรม S Hotel
บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูเต็มไปด้วยศิษย์เก่าและคณาจารย์ผู้ทรงเกียรติ จัสมินในฐานะดาวคณะนิเทศฯ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนต้อนรับที่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง คืนนี้เธอสวมชุดราตรียาวเรียบหรูแต่แฝงไปด้วยความสง่างามตามแบบฉบับคนรวยทำให้เธอโดดเด่นจนเป็นที่จับตามองของบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ไปจนถึงวัยใกล้เกษียณ
ส่วนนทีเขาอยู่ในชุดสูทที่ดูภูมิฐานผิดจากชุดนักศึกษา แต่สีหน้ายังคงเคร่งเครียดเพราะกำลังวุ่นอยู่กับการควบคุมระบบเครื่องเสียงของงาน ทั้งคู่สบตากันเพียงเสี้ยววินาทีหนึ่งแต่ไม่มีใครเลือกที่จะทักทายหรือปะทะคารมกันเหมือนที่เคยเป็นมา
‘เกมกำลังจะเริ่ม’ จัสมินยกยิ้มแล้วทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อย ๆ อย่างใจเย็น ในขณะที่กระเป๋าคลัตช์ใบเล็กของเธอมีของที่สรรหาได้มาตามความต้องการนอนนิ่งอยู่
“เครื่องดื่มครับ”
นทีเงยหน้ามองตามเสียงเรียกของพนักงานโรงแรมที่ถือถาดน้ำผลไม้มายืนข้าง ๆ เพราะก่อนหน้านี้เขามัวแต่ก้มหน้าก้มตาตรวจเช็กสายสัญญาณเสียงเลยไม่เห็นว่าพนักงานเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร
“ขอบคุณครับ” นทีรับแก้วมาดื่มอึกใหญ่อย่างไม่ระแวง เนื่องจากเขาหงุดหงิดกับงานที่ค้างอยู่และรู้สึกกระหายน้ำจากการใช้สมาธิ
ผ่านไปไม่นานของที่จัสมินสรรหามาประเคนให้ก็เริ่มออกฤทธิ์ ใบหน้าของนทีเริ่มแดงก่ำ ดวงตาคมดุพร่ามัวและเบลอลงช้า ๆ เหงื่อไหลซึมตามไรผมและที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่อยู่ในกางเกงที่แข็งขันจนควบคุมไม่ได้
‘ร้อน ทำไมมันร้อนจังวะ!’
ชายหนุ่มพยายามประคองตัวเองแต่ขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรง จนต้องใช้มือยันตัวไว้กับโต๊ะควบคุมเสียง
พนักงานโรงแรมตัวจริงที่จัสมินเตรียมไว้ล่วงหน้าเห็นท่าทางไม่ดีของนทีจึงรีบปรี่เข้ามาประคอง “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ให้ผมช่วยพาออกไปพักด้านนอกก่อนดีไหม เดี๋ยวผมจะไปแจ้งอาจารย์ให้ทีหลัง”
นทีรีบพยักหน้าเพราะความรู้สึกร้อนวูบวาบทำให้เขารู้สึกทรมานแปลก ๆ
“มาครับ” พนักงานหนุ่มรีบประคองเขาออกจากห้องจัดเลี้ยงทันที
กระทั่งถึงโถงทางเดินที่ค่อนข้างลับตา จัสมินที่ซ่อนตัวอยู่ก็ได้สลับตัวกับพนักงานคนนั้นอย่างรวดเร็ว โดยที่นทีไม่มีสติพอจะรับรู้ถึงความแตกต่าง
จัสมินสวมเสื้อคลุมสีเข้มทับชุดราตรีเพื่อความสะดวกก่อนประคองนทีเข้าไปในลิฟต์เพื่อก้าวไปยังแผนขั้นต่อไปของตัวเอง
สติสัมปชัญญะอันเลือนรางทำให้นทีซบใบหน้าลงตำแหน่งใกล้กับคอของหญิงสาว เขาเผลอสูดกลิ่นหอมฟุ้งจากตัวเธออย่างไม่ตั้งใจและกลิ่นนั้นมันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ลดาเพิ่งให้เขาดมมา
“ลดา... ลดามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” ชายหนุ่มพึมพำและซวนซบเธอมากขึ้นกว่าเดิม โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขากำลังเกิดขึ้น
“ลดาอะไรของพี่เนี่ย”
“ลดา... ลดา” นทีพร่ำเรียกชื่อของผู้หญิงที่เขาเข้าใจว่าเป็นคนที่อยู่ในใจมาตลอดไม่ขาดปาก
นทีคว้าตัวจัสมินเข้ามากอดแน่นด้วยเรี่ยวแรงของคนที่ถูกยาปลุกเซ็กซ์แบบเต็มพิกัดเต็มอัตรา เขาซบหน้าลงกับซอกคอเธอและเริ่มซุกไซ้สูดกลิ่นอย่างเร่าร้อน
“ลดา... เราไม่ไหวแล้ว” นทีพึมพำเสียงแหบพร่า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่สามารถควบคุมได้
ส่วนจัสมินที่ถูกเขากอดรัดซุกไซ้ไปทั่ว แม้จะรู้สึกถึงความหวาดกลัวแต่ความคับแค้นที่เคยถูกตัดสินว่า ‘น่ารังเกียจ’ ก็เข้ามาแทนที่อย่างง่ายดาย
‘ฉันจะทำให้พี่เป็นของฉันให้ดู!’ จัสมินใช้เสียงในใจข่มความรู้สึกของตัวเองไว้จนหมดสิ้น
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์ชั้นที่ห้องถูกจองไว้เปิดออกหลังเสียงเตือนเล็กน้อย จัสมินพยายามประคองร่างร้อนรุ่มและเต็มไปด้วยเพลิงสวาทของนทีไปยังห้องนั้นอย่างยากลำบากเพราะเขาเอาแต่ซุกไซ้ซุกซนมาตลอดทางกว่าจะเปิดปิดประตูห้องพักได้จัสมินก็ต้องใช้เท้ามากกว่ามือ
แสงไฟสีส้มสลัวจากเพดานห้องส่องกระทบพื้นพรมสีอ่อนเพิ่มความโรแมนติกให้คนที่ถูกยาปลุกเซ็กซ์อย่างไม่มีเหตุผล
“หึ!” จัสมินทิ้งชายหนุ่มลงบนพื้นพรมเพราะเหนื่อยที่ต้องแบกน้ำหนักมาพักใหญ่
“ลดา เราไม่ไหวแล้ว...” นทีพึมพำ น้ำเสียงของเขาช่างน่าสงสารและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการต่อสู้กับความรู้สึกภายใน
กลิ่นน้ำหอมราคาแพงของจัสมินที่ลอยมาตามทิศทางลมของเครื่องปรับอากาศได้ทำลายกำแพงอันชื่อว่า ‘สติ’ ของเขาไปจนหมดสิ้นและในห้วงความคิดที่พร่าเบลอนั้น นทีเชื่ออย่างสนิทใจว่าผู้หญิงตรงหน้าคือ ลดา หญิงสาวอ่อนหวานผู้นั่งอยู่ในหัวใจของเขาอยู่เสมอ
จัสมินยืนกอดอกจ้องมองร่างสูงใหญ่ที่กำลังเผชิญกับความทรมานบนพื้นพรมอย่างพึงพอใจ เธอรู้สึกถึงชัยชนะและความคับแค้นที่ในที่สุดก็ถูกระบายออกไปเสียที
“ถึงเวลารับกรรมแล้วค่ะ พี่นที” เสียงหวานเอ่ยขึ้นท่ามกลางความร้อนระอุของอารมณ์