ตอนที่ 7 คนละระดับกัน

1997 คำ
สายลมอุ่นร้อนปะทะใบหน้าท่ามกลางการจราจรคลาคล่ำวุ่นวายของกรุงเทพมหานคร กลิ่นไหม้จากท่อไอเสียและร้านอาหารริมฟุตบาทลอยเข้าจมูกแต่กลับไม่ได้ทำให้อารมณ์หงุดหงิดอย่างเช่นทุกวัน บางทีอาจเพราะวันนี้คนซ้อนท้ายคือคนที่อยู่ในใจทุกอย่างเลยดีไปหมด ก่อนหน้านี้นทีเคยรับส่งลดาอยู่บ้างแต่ระยะทางก็แค่จากมหาวิทยาลัยไปยังป้ายรถเมล์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาส่งหญิงสาวถึงหน้าบ้าน ซึ่งสำหรับเขามันเป็นก้าวสำคัญ นทีจอดมอเตอร์ไซค์เทียบรั้วเหล็กทาสีหน้าบ้านเดี่ยวสองชั้นที่ค่อนข้างผ่านระยะเวลามานานพอควร ลดาลงจากรถด้วยท่าทีที่อ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัดทำให้ชายหนุ่มนึกห่วงจนอยากโอบอุ้มเข้าด้านใน “ลดาเดินไหวไหม” เขาถามอย่างสุภาพ “ไหว ขอบคุณมากนะที่มาส่ง ลดาดีขึ้นมากแล้ว” ลดาส่งยิ้มหวานหยดให้ นทีเอื้อมคว้ามือนุ่มของลดามากุมไว้แน่น “ลดาพักผ่อนนะ อย่าคิดอะไรมากล่ะ” เขาไม่เอ่ยชื่อของจัสมินออกมาเลยด้วยซ้ำเพราะกลัวจะกระทบกระเทือนจิตใจของหญิงสาว “อื้ม” ลดาระบายยิ้มแต่ในใจกลับเต้นแรง เธอไม่ได้ตื่นเต้นกับการกระทำของชายหนุ่มแต่กลัวคนแถวนี้มาเห็นแล้วเอาไปพูดกันสนุกปาก “งั้นเรากลับบ้านก่อนนะ” นทีรู้สึกหัวใจพองโตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นับตั้งแต่รู้จักกับลดาจะว่านี่คือการใกล้ชิดกันมากที่สุดก็ว่าได้ “ขับรถกลับดี ๆ นะ”ลดาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ราวกับเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนที่สุดในโลก เธอโบกมือลาเขาก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้าน ทันทีที่ลดาเดินผ่านประตูบ้าน เธอก็ต้องชะงักงันเมื่อเห็นบรรเจิด พ่อของเธอนั่งอยู่บนโซฟาหนังตัวเก่าในห้องรับแขก สีหน้าของเขาขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด “นั่นใครมาส่งแกน่ะ ลดา!” บรรเจิดถามเสียงดังจนเกือบเป็นการตวาด “เพื่อนที่คณะค่ะ” ลดาตอบเสียงเรียบ ความอ่อนหวานที่หน้ารั้วบ้าน ถูกแทนที่ด้วยความอึดอัด บรรเจิดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปที่หน้าต่างที่มองเห็นหน้าบ้านเขามองนทีที่กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปและเมื่อเห็นว่ามันเป็นแค่มอเตอร์ไซค์เก่า ๆ เขาก็สบถออกมาอย่างดูถูกดูแคลนก่อนหันมาจ้องหน้าลูกสาว “วันหลังถ้าแกไม่มีปัญญาโหนรถเมล์ก็เดินมา ไม่ใช่ซ้อนท้ายผู้ชายพรรค์นั้นกลับบ้าน!” “แต่พ่อคะ...” “แกอย่ามาเถียงฉันนะ! หึ! ฉันละผิดหวังในตัวแกจริง ๆ ทำไมเหรอลดา เพราะที่บ้านตกต่ำแกเลยทำตัวให้ตกต่ำตามงั้นรึ! แกเป็นใคร?! แกเคยเป็นถึงอดีตลูกสาวของเจ้าของบริษัทอันดับห้าของประเทศ! แกเคยเกิดมาใช้ชีวิตบนกองเงิน! ทำไมแกถึงได้ใฝ่ต่ำขนาดนี้กัน!!” คนเป็นพ่อต่อว่าอย่างรุนแรงด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจต่ออดีตที่เขาสูญเสียไป ทำให้ลดาต้องก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวด ทำไมเธอจะจำช่วงเวลาที่เคยร่ำรวยเดินอยู่ในงานเลี้ยงหรูหราไม่ได้กันล่ะ แต่ความตกต่ำตอนนี้เธอเป็นผู้สร้างมันหรือไร “ถ้าแกไม่อยากเรียน อยากมีผัวจนตัวสั่นขนาดนั้น แกก็หาคนรวย ๆ คนที่จะดึงเรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ ไม่ใช่ไอ้คนจนที่แม้แต่มอเตอร์ไซค์ก็ยังต้องสตาร์ทเป็นสิบครั้งกว่าจะติดนั่น!!” ลดาไม่สามารถทนฟังคำดุด่าอย่างรุนแรงของบิดาได้อีกต่อไป เธอจึงหันหลังแล้วรีบวิ่งหนีขึ้นมาห้องนอน ทันทีที่กลอนประตูห้องกดล็อกความเกรี้ยวกราดและคับแค้นใจก็ฉายฉาบบนใบหน้าจนความอ่อนหวานไม่มีเหลืออยู่ เธอทิ้งตัวลงกับที่นอนแข็ง ๆ อย่างแรง สายตาเหม่อมองไปรอบห้องที่ไม่ได้ตกแต่งใหม่มาหลายปีแล้ว ห้องของเธอไม่ได้แย่ก็จริงแต่มันเทียบไม่ได้เลยกับคฤหาสน์ของจัสมินที่เธอเคยเห็นผ่านสื่อออนไลน์ “ฮึ่ย!” มือขาวทุบบนที่นอนดังตุบตับจนฝุ่นฟุ้ง เธอเกลียดทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้ เธอเกลียดความยากจนที่กำลังเผชิญ เธอเกลียดคำพูดดูถูกของพ่อและทั้งหมดนี้มันได้ถูกโอนถ่ายไปยังบุคคลเพียงคนเดียว “จัสมิน!” ลดาพึมพำเสียงเย็น เธอนึกถึงภาพจัสมินที่เดินถือชานมแบรนด์ดังยื่นให้นที เธอไม่ได้หึงหวง แต่ชานมแก้วละหลายร้อยแก้วนั้นมันคือชาที่หากเธอต้องการจะดื่มก็ต้องประหยัดอดออมหรือไม่ก็ต้องรอโอกาสพิเศษ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอจะดื่มกี่แก้วก็ได้ และภาพที่จัสมินกล้าใช้คำพูดหยาบคายเย้ยหยันใส่เธอ เชื่อหรือไม่ว่าลดาแทบไม่ได้ฟังคำพวกนั้นเลยด้วยซ้ำเพราะสายตาของเธอมองไปที่เสื้อนักศึกษาที่ทำจากผ้าเนื้อดีที่ดูก็รู้แล้วว่าสั่งมาเป็นพิเศษ กระโปรงทรงเอก็เป็นของแบรนด์เก่าแก่จากต่างประเทศ ยิ่งรองเท้ายิ่งไปกันใหญ่ ถ้ามองว่ามันก็แค่รองเท้าคัทชูธรรมดาเธอคงกล้าบอกว่าราคาของมันเกินครึ่งหนึ่งของเงินเดือนพ่อเธอเสียด้วยซ้ำ ซึ่งทั้งหมดมันตอกย้ำว่าทุกสิ่งที่ลดาต้องการ คนที่มีมันสมบูรณ์พร้อมคือจัสมิน และในที่สุดความรู้สึกพวกนั้นที่ลดาไม่อาจให้คำจำกัดความได้ว่ามันคืออะไรก็ได้ครอบงำจิตใจเธออย่างสมบูรณ์ “ขอโทษนะจัสมิน เธอคงต้องตกลงมาให้ฉันเป็นคนเหยียบเธอขึ้นไปแทนแล้วล่ะ!” ณ คฤหาสน์หลังหนึ่งย่านชานเมือง จัสมินนอนแผ่กางแขนกางขาอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ท่ามกลางความหรูหราของห้องนอน ดวงตาของเธอบวมช้ำขณะมองโคมไฟระย้าสไตล์โมเดิร์นที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่เดือนก่อน เธอรู้สึกว่าความสวยงามของห้องไม่สามารถกลบความว่างเปล่าและความเจ็บปวดในใจได้เลย คำว่า ‘น่ารังเกียจ’ และ ‘เหยียบย่ำความรู้สึกคนอื่น’ ที่มหานทีตวาดใส่ยังคงก้องอยู่ในหู มันไม่ใช่แค่การถูกปฏิเสธแต่มันคือการถูกตัดสินทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร “ทำไม ทำไมถึงเป็นแบบนี้” จัสมินพึมพำกับตัวเองก่อนหยิบหมอนขนห่านเกรดพรีเมียมมากดทับใบหน้าเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกไป ความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกคนที่สนใจเกลียดชังอย่างไม่เป็นธรรม มันรุนแรงเกินกว่าที่จัสมินจะยอมรับได้ และเมื่อนึกถึงผู้หญิงอีกคนที่แสร้งทำตัวเป็นแม่ดอกบัวขาวอ่อนแอสร้างความเข้าใจผิดให้นทีหลงเชื่อ จัสมินที่ปกติก็เป็นคนไม่ยอมใครอยู่แล้วก็ยิ่งอยากเอาชนะมากขึ้น ไฟแค้นที่ก่อนหน้านี้ก็เพียงแค่ถูกจุดติด ตอนนี้กลับมีสายลมกระพือให้มันลุกโชนอย่างอลังการ ครืดด ครืดดด ครืดดด เสียงสมาร์ทโฟนราคาแพงสั่นบนที่นอนทำให้เธอจำต้องเอาหมอนออกจากหน้าเพื่อดูว่าเป็นสายของใคร “ฮัลโหล ว่าไงยัยทราย” (จัสมิน! อาจารย์แจ้งเรื่องงานเลี้ยงศิษย์เก่าที่โรงแรมหรือยัง เขาให้แกไปร่วมด้วยนะ ในฐานะดาวคณะนิเทศฯ) ทรายพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “อืม ไปก็ไป” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่แล้วทรายก็กระซิบข้อมูลที่ทำเอาจัสมินต้องเบิกตากว้างในเวลาต่อมา (นี่แก! ฉันแอบรู้มาว่าพี่นทีของแกก็ไปร่วมงานด้วยนะ เพราะพี่เขาเป็นตัวแทนนักศึกษาวิศวะฯ ปีสุดท้าย) ทันทีที่ได้ยินชื่อของนที ความเศร้าเสียใจทั้งหมดของจัสมินก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มเย็น ๆ ดูเหมือนสวรรค์จะมอบโอกาสให้เธอเร็วเสียจริง แต่จะเป็นด้วยวิธีไหนก็ค่อยว่ากันอีกที “เอ้อ ยัยทราย ฉันจะถามแกหน่อยว่ายัยลดานั่นไปด้วยไหม” (ฉันไม่แน่ใจนะ แต่ขอเช็คก่อน) “ถ้ายังไงแกก็บอกฉันด้วยละกัน ส่วนเงินเดี๋ยวฉันโอนไปให้” จัสมินกดวางสายก่อนจัดการค่าจ้างให้เพื่อนแล้วเข้าไลน์กลุ่มกิจกรรมเพื่ออ่านรายละเอียดของงานเลี้ยงศิษย์เก่าที่เธอต้องเข้าร่วม “งานปีนี้จัดที่โรงแรมซะด้วย เอาไงดีนะ” จัสมินนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเพื่อคิดแผนการแก้แค้นชายหนุ่ม ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วจัสมินก็ยังคิดไม่ออกแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากสมองใช้ความคิดไปกับการหาวิธีแกล้งชายหนุ่มจนเก็บไปฝัน จัสมินก็มามหาวิทยาลัยตามปกติราวกับเรื่องพวกนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แม้ว่าจะมีสายตาและชี้มือมาที่เธออยู่บ้างแต่เธอก็ไม่สนใจ กระทั่งมีเวรกรรมอะไรสักอย่างดลใจให้จัสมินเลือกเดินอ้อมไปทางสนามบอลเพื่อที่จะได้ไม่ต้องผ่านคณะวิศวะไปยังร้านข้าวที่เธอนัดกับกลุ่มเพื่อนไว้ ซึ่งเวรกรรมที่ว่าก็คือการเห็นนทีกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งข้างสนาม โดยมีลดาคอยยื่นผ้าเย็นและขวดน้ำให้อย่างอ่อนโยน จัสมินยืนจ้องมองภาพนั้นอย่างเงียบ ๆ ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและคับแค้นใจจากการถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมว่า ‘น่ารังเกียจ’ กลับมาอีกครั้ง เธอเบือนหน้าหนีไปอีกทางก่อนก้าวเดินไปข้างหน้า ทว่าในจังหวะที่จัสมินกำลังจะเดินจากไปเพื่อสงบสติอารมณ์ ลดาที่ตาไวก็เห็นจัสมินเข้าพอดีก่อนเงยหน้ายิ้มหวานให้นทีแล้วพูดบางอย่างกับเขา นทีหันตามสายตาของลดาและเห็นจัสมินยืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าอิ่มสุขของเขาเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดแทบจะทันที ก่อนคว้ามือของลดาจูงเดินตรงมาหาจัสมิน “เธอมาทำอะไรที่นี่! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ามายุ่งกับฉัน กับลดา!" นทีกล่าวเสียงห้วน จัสมินกรอกตามองวนหนึ่งรอบและพยายามระงับอารมณ์เต็มพิกัด “จัสมินแค่เดินผ่านมา” “เดินผ่านหรือมาตามหาเรื่องลดาอีก? ลดาเสียหายเพราะเธอมากพอแล้ว” นทีตัดบทอย่างรวดเร็ว “ถ้าเธออยากได้ความสนใจจากฉันจริง ๆ ล่ะก็...” เขาหยุดมองจัสมินตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่เหยียดหยามและรังเกียจอย่างเปิดเผย “ไม่ดีกว่า ฉันไม่มีวันลดตัวไปสนใจผู้หญิงที่เอาแต่วิ่งตามผู้ชายอย่างเธอ! จำไว้! เธอกับลดามันคนละระดับกัน ทั้งนิสัยและจิตใจ” จัสมินยืนนิ่งกำมือแน่นแต่มันก็ไม่หยุดสั่น ใบหน้าของเธอขาวซีดด้วยความโกรธจัดจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ความตั้งใจเดิมที่แค่อยากจะกลั่นแกล้งให้เขาอับอายถูกไฟแค้นเผาผลาญจนหมดสิ้น เธอไม่ได้ยินกระทั่งคำพูดปลอบโยนของลดาที่พยายามเอ่ยอย่างจอมปลอมภายหลัง “เหอะ!” จัสมินหัวเราะเย้ยหยันออกมาทีนึง “มันก็คงจริงอย่างทีพี่นทีว่านั่นแหละค่ะ จัสมินกับพี่ลดามันคนละระดับกัน” เธอพุ่งสายตาเหยียดหยามที่ได้รับมาจากนทีคืนกลับไปให้ลดา “ทั้งสถานะและทรัพย์สิน” จัสมินยกมุมปากให้ลดาอย่างยียวนก่อนเบนสายตาเกรี้ยวกราดกลับไปที่นทีอีกครั้ง “อันที่จริงพี่นทีไม่ควรใช้คำว่าคนละระดับกับจัสมินนะ” พูดจบเธอก็หันเดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเสียงตะโกนของนทีที่ดังตามหลังมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม