ตอนที่14

1880 คำ
ร่างสูงทอดสายตามองทิวทัศน์ยามค่ำผ่านกระจกใสบานใหญ่ มือแกร่งถือแก้ววิสกี้ที่พร่องไปกว่าครึ่งราวกับต้องการให้รสขมช่วยกลบความคิดในใจ เบื้องนอกคือเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ตึกระฟ้าสูงเสียดฟ้าเรียงรายส่องแสงไฟละลานตาราวกับเป็นดอกไม้ไฟยักษ์บานสะพรั่งอยู่กลางอากาศ เสียงหวูดของเรือนำเที่ยวดังแว่วมาจากแม่น้ำสายหลักที่ทอดยาวอยู่ไม่ไกล ลำเรือถูกประดับด้วยแสงไฟหลากสี บรรเลงดนตรีขับกล่อมผู้โดยสารให้เคลิบเคลิ้มไปกับค่ำคืนที่ชวนให้หลงใหล ดวงตาคมทอดมองไกลออกไปสุดสายตา สีหน้าดูสงบนิ่ง หากแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยตะกอนความรู้สึกที่ขุ่นมัว ซ่อนอยู่ในแววตาที่เหมือนจะว่างเปล่า บรรยากาศเช่นนี้ พาให้ใจย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีก่อน ครั้งที่เขายังเป็นนักศึกษาปีสุดท้าย กำลังจะก้าวพ้นรั้วมหาวิทยาลัยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ชายหนุ่มรูปหล่อเจ้าของใบหน้าคมคายที่เคยเป็นขวัญใจสาว ๆ ทั่วทั้งสถาบัน หนึ่งในห้าหนุ่มฮอตที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วคณะ และเป็นคนที่มีเจ้าของหัวใจคนที่สอง รองจากเพื่อนสนิทที่ชื่อว่าเศรษฐ์ พราวฟ้า...ดาวเด่นประจำคณะ ผู้หญิงที่ทั้งสวย ฉลาด และมีฐานะดี ครอบครัวของเธออยู่ในสังคมชนชั้นเดียวกับเขา ทุกอย่างในตัวเธอล้วนเหมาะสมงดงามราวกับถูกขีดเขียนมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ เธอคือคนที่ครอบครองหัวใจของไบรอันอย่างสิ้นเชิงในเวลานั้น พวกเขาคบกันมาตั้งแต่ปีสอง และไม่ว่าใครที่พบเห็นก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทั้งคู่คือกิ่งทองใบหยก เขาหล่อ ร่ำรวย เธอสวย ฉลาด และมาจากครอบครัวที่มีฐานะใกล้เคียงกัน ไบรอันทุ่มเทความรักทั้งหมดที่มีให้เธออย่างไม่เผื่อใจ วาดฝันถึงอนาคตที่มีเธอเคียงข้าง ใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนบทนิยายรักในอุดมคติ แม้เพื่อนสนิทจะเตือนให้ระวัง…แต่เขาไม่ใส่ใจ ความรักในตอนนั้นคือโลกทั้งใบของเขา และพราวฟ้าก็คือศูนย์กลางของโลกใบนั้น เขาหลงใหลจนไม่อาจมองเห็นความเป็นจริง หลงอยู่ในโลกสีชมพูจนไม่อาจแยกแยะระหว่างความรัก...กับภาพฝัน แต่แล้ววันหนึ่ง ทุกอย่างก็พังครืนลงโดยไม่ทันตั้งตัว… ข่าวลือกระพือไปทั่วว่าบริษัทของพ่อเขากำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต อาจถึงขั้นล้มละลาย เนื่องจากเกิดการทุจริตภายในองค์กร ข่าวนั้นแพร่สะพัดรวดเร็วราวไฟลามทุ่ง ทันทีที่เขารับรู้ก็เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน และในวันเดียวกันนั้นเอง พราวฟ้า...ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ ได้ตัดสัมพันธ์สามปีลงอย่างเลือดเย็น "เราเลิกกันเถอะ" เสียงของเธอราบเรียบ มั่นคง ราวกับไม่เคยมีเยื่อใยใดระหว่างกัน ไบรอันรู้สึกเหมือนท้องฟ้าถล่มลงตรงหน้า ใจเขาร่วงหล่นราวถูกเหวี่ยงจากที่สูงสุดสู่จุดต่ำสุดในพริบตา "...ทำไม?" เสียงเขาแผ่วเบาแทบไม่หลุดจากลำคอ "ฟ้ามีคนใหม่แล้ว" เธอยอมรับตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ไม่อธิบายเพิ่มเติม ไม่มีแม้แต่แววสำนึกหรือเศษเสี้ยวของความเสียใจ จากนั้น...เธอหันหลังเดินจากไป ไม่เหลียวกลับมา ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ถาม ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีแม้แต่คำปลอบใจ ความรักสามปีจบลงในเวลาไม่กี่วินาที เหลือไว้เพียงความเงียบที่เจ็บปวดเกินบรรยาย “เสี่ยครับ” เสียงเรียกของเฟยเย่ดึงเขาให้หลุดออกจากห้วงความคิด ร่างสูงถอนหายใจ ยกมือขึ้นลูบหน้าแรงๆ ก่อนจะยกแก้ววิสกี้ในมือกระดกรวดเดียวจนหมด แล้วจึงหันกลับไปมองคนที่มายืนรอรายงานอยู่ด้านหลัง “อืม ว่าไง” “เรื่องบ้านเรียบร้อยแล้วครับ” เฟยเย่รายงานอย่างนอบน้อม แม้ในใจจะยังอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ แต่เขาก็ไม่กล้าถามถึงเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย เพราะรู้ดีว่าเสี่ยไม่ชอบให้ใครก้าวล้ำเขตแดน แม้จะรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้านายแทบทุกเรื่อง แต่ครั้งนี้เฟยเย่ไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าทำไมเสี่ยจึงตัดสินใจลงทุนเลี้ยงดู “เด็ก” คนนี้แบบไม่อั้น ทั้งบ้าน ทั้งรถ แม้กระทั่งจ้างแม่บ้านประจำ หากเป็นเด็กคนก่อน ๆคงเป็นของแบรนด์เนมไม่ก็เงินสดสักก้อนหลังจบความสัมพันธ์ “อืม ดีแล้วล่ะ...ช่วงนี้ฉันอาจจะยุ่งๆ สักพัก คงไม่ได้แวะมาที่นี่ ฝากนายดูแลด้วยนะ” “ครับผม” “กับเด็กคนนั้นก็...เพลาๆ มือหน่อย รอยเต็มตัวแบบนั้น ลูกค้าเห็นเข้าอาจเข้าใจผิด คิดว่าเธอรับงาน” คำพูดของเจ้านายทำเอาเฟยเย่ชะงักไปเล็กน้อย ไม่ใช่แค่เขาที่รู้เรื่องของเสี่ย เสี่ยก็จับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาเช่นกัน เฟยเย่ไม่ได้ตอบอะไรออกมา เพียงแต่ก้มศีรษะรับคำเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปเงียบๆ ...ต้องไปเตือนยัยเด็กนั่นอีกแล้ว เตือนกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังไม่เข็ด ใส่เสื้อผ้าโชว์เนื้อหนังแบบนั้นไม่รู้จักเจียมตัวบ้างเลย... อลิสาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่เมื่อสองวันก่อน เจ้าของหอเก่าที่เธอพักอาศัยกับน้องชายมานานไม่ได้คัดค้านอะไร กลับบอกด้วยซ้ำว่าเป็นเรื่องดี เพราะช่วงนี้ย่านนั้นมีปัญหาเรื่องยาเสพติดระบาดหนัก เจ๊เป็นห่วงว่าอลันจะถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดี อีกทั้งยังเกิดเหตุงัดห้องบ่อยครั้ง หากมีทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ก็ยินดีให้ย้ายออกโดยไม่ว่าอะไร ในช่วงวันหยุด อลิสาใช้เวลาเคลียร์ของให้เข้าที่เข้าทาง โชคดีที่เธอและอลันมีข้าวของติดตัวไม่มาก การจัดบ้านจึงเสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมี “พดด้วง” แม่บ้านที่เจ้าของบ้านตัวจริงส่งมาช่วยดูแลงานภายในอีกแรง แม้อลิสาจะคัดค้านอย่างหนักแน่นว่าเธอดูแลบ้านได้ด้วยตัวเอง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม “เก็บแรงไว้ใช้กับฉันบนเตียงดีกว่า” คนลามกบอกมาแบบนั้น สุดท้ายก็ต้องยอมให้มีแม่บ้านอีกคนเข้ามาช่วยงานในบ้านจนได้ ห้องนอนของอลิสาและอลันอยู่คนละห้อง แต่อยู่ตรงข้ามกันพอดี ห้องของอลันแม้จะเล็กกว่า แต่ก็ไม่ได้คับแคบ ภายในตกแต่งเรียบง่าย มีเตียงขนาดสามฟุต ชั้นวางหนังสือที่ประดับด้วยหุ่นกันดั้มตัวใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ด้านข้าง พร้อมโต๊ะเขียนหนังสือและตู้เสื้อผ้าขนาดพอเหมาะ ที่สำคัญคือมีเครื่องปรับอากาศติดผนัง ช่วยคลายร้อนในวันที่แดดแรง ไม่ต้องนั่งพัดวีให้เหนื่อยเหมือนตอนอยู่ห้องเช่าเล็กๆ อีกต่อไป ยามค่ำคืนในหน้าหนาว เขาก็มีผ้าห่มผืนใหญ่ลายซูเปอร์ฮีโร่ตัวโปรดคลุมกาย อลันชอบห้องนี้มาก ถึงขั้นเคยบอกพี่สาวว่า ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากอยู่ที่นี่ไปตลอด แม้อลิสาจะย้ำว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงที่พักชั่วคราว พวกเขาจะอยู่ถึงแค่ถึงวันที่เธอเรียนจบเท่านั้น แล้วจึงค่อยหาทางย้ายออกไปเริ่มต้นใหม่ ส่วนห้องนอนของอลิสาก็คล้ายคลึงกัน เพียงแค่กว้างขวางกว่า มีเตียงขนาดคิงไซส์ปูผ้าสีขาวสะอาด เครื่องใช้และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องครบครัน ห้องนอนอีกห้องที่อยู่ชั้นล่างของบ้านถูกปรับเปลี่ยนเป็นห้องออกกำลังกาย ภายในมีอุปกรณ์ฟิตเนสทุกชนิดครบครัน ราวกับยกยิมขนาดย่อมมาไว้ในบ้าน “บางวันฉันจะมาค้างด้วย” เพราะคำพูดนั้นที่เขาเอ่ยไว้ อลิสาจึงเลือกแยกห้องนอนกับน้องชาย อีกเหตุผลหนึ่งก็คืออลันกำลังโตเป็นหนุ่ม เขาควรมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องนอนเบียดกับพี่สาวเหมือนเมื่อก่อน “พี่แอล ทีวีจอใหญ่มากเลย!” อลันอุทานด้วยความตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายขณะนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรดที่กำลังฉายอยู่บนจอภาพขนาดยักษ์ ทีวีเพิ่งติดตั้งเสร็จเมื่อวาน วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ได้ลองเปิดใช้งานจริงจัง “อย่าดูใกล้มากสิอัน เดี๋ยวสายตาเสียนะ ยิ่งจอใหญ่ แสงก็ยิ่งแรงขึ้นด้วย” อลิสาเตือนเสียงนุ่ม น้องชายจึงยอมขยับออกจากหน้าจอทีวี ถอยมานั่งบนโซฟาที่ห่างออกมาเล็กน้อย “คุณแอลคะ” เสียงเรียกของหญิงร่างท้วม สูงเพียงร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตร พร้อมรอยยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวเดินตรงเข้ามา มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์บ้านที่กำลังมีสายรออยู่ “บอกแล้วไงคะว่าเรียกแอลเฉยๆ ก็พอ” อลิสายิ้มบาง เธอไม่ได้เป็นคุณหนูที่ไหน แค่ผู้อาศัยธรรมดาคนหนึ่ง การถูกเรียกด้วยคำว่า ‘คุณ’ ฟังดูห่างเหินเกินจำเป็น “ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวพี่โดนไล่ออก!” พดด้วงพูดพร้อมส่ายหน้าระคนขำ “อย่าเพิ่งมาเถียงกันตอนนี้เลยค่ะ คุณเขารอสายอยู่นะ” ว่าจบก็ยื่นโทรศัพท์บ้านให้ อลิสารับสายต่อโดยไม่อิดออด “ค่ะ” “โทรเข้ามือถือ แต่เธอไม่รับ” เสียงปลายสายฟังเรียบนิ่ง ทว่าแฝงด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ “ขอโทษค่ะ หนูลืมมือถือไว้บนห้อง” อลิสารีบตอบอย่างรู้สึกผิด “อืม ไม่มีอะไรหรอก แค่จะบอกว่าคืนนี้ฉันจะเข้าไป เตรียมตัวไว้ให้พร้อม” คำพูดสั้นๆ แต่คนฟังถึงกับหน้าแดงซ่าน คำว่า ‘เตรียมตัว’ คงหมายถึงชุดนอนสุดเซ็กซี่ที่เขาเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ก่อนเธอย้ายเข้ามา “ค่ะ...” อลิสาตอบรับเบาๆ เธอจะปฏิเสธคนที่อุปการะเธอได้อย่างไร “บ้านโอเคใช่ไหม? มีอะไรขาดเหลือหรือเปล่า?” สิ่งที่เธอได้รับอยู่ตอนนี้...ห่างไกลกับคำว่า ‘ขาดเหลือ’ ไปไกลมาก บ้านหลังใหญ่โตพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน มีแม่บ้านดูแลทุกอย่าง บัตรเครดิตวงเงินไม่จำกัดที่เขายื่นให้หนึ่งใบ พร้อมเงินโอนเข้าบัญชีเป็นค่ารายเดือนอีกต่างหาก และรถยนต์คันใหม่เอี่ยมป้ายแดงที่จอดรออยู่ในโรงรถ แม้จะเป็นยี่ห้อไม่หรูหรา แต่ราคาก็เฉียดล้าน “ไม่มีค่ะ...ออกจะเยอะไปหน่อยด้วยซ้ำ” คำตอบสุดท้าย เธอพูดเบาๆ ราวกับจะบ่นกับตัวเอง เพราะสิ่งที่เขาให้มันมากเกินกว่าที่ตกลงกันไว้ “งั้นก็ดีแล้ว แค่นี้นะ ฉันต้องทำงานต่อ” ปลายสายวางไปทันที อลิสายื่นโทรศัพท์คืนให้พดด้วง จากนั้นก็เดินขึ้นห้อง เปิดตู้เสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ให้ ค่อยๆ ลากนิ้วไปตามผืนผ้านุ่มลื่นของชุดนอนที่แขวนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ แค่จินตนาการถึงค่ำคืนนี้ แก้มของเธอก็ร้อนผ่าว ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันนิดๆ เห็นแก่ความใจดีของเขา...คืนนี้จะลองเอาใจดูสักหน่อยก็แล้วกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม