ตอนที่13

2437 คำ
อลิสารีบกดโทรศัพท์หาคนต้นเรื่องทันที หลังจากวางแก้วน้ำบนโต๊ะอย่างลนลาน รอไม่นาน ปลายสายก็กดรับ พร้อมเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม “ว่าไง ชอบหลังไหน?” คำถามสั้น ๆ ของเขาทำเอาอลิสาเงียบไปอึดใจ ก่อนจะตั้งสติได้แล้วรีบพูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “มันหมายความว่ายังไงคะ? คุณให้หนูมาดูบ้านทำไม เราไม่เคยตกลงกันเรื่องนี้” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ เท่าที่จำได้ ข้อตกลงระหว่างเขากับเธอก็แค่ดูแลกันช่วงเวลาสามเดือน ระหว่างที่เธอเรียน และช่วยออกค่าเทอมให้อลันจนจบประถม ปลายสายตอบกลับมาทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น “ฉันบอกว่าจะดูแล ก็ต้องดูแลให้ดีสิ” เว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “อีกอย่าง ห้องพักโทรม ๆ แบบนั้นไม่เหมาะกับเด็กกับผู้หญิงเลยสักนิด เธอเองก็รู้ว่าสภาพแถวนั้นเป็นยังไง มีแต่ขี้ยาเต็มไปหมด สิ่งแวดล้อมแย่มาก... น้องชายเธอเป็นผู้ชาย โตมาแล้วโดนล่อลวงขึ้นมาจะทำยังไง?” อลิสาเถียงไม่ออก มันก็จริงอย่างที่เขาว่า ย่านที่เธออยู่ตอนนี้มีพวกขายของผิดกฎหมายให้เห็นแทบทุกวัน ยาเสพติดขายกันเกลื่อนซื้อขายง่ายพอๆกับขนม บางครั้งยังมีเสียงทะเลาะวิวาทกลางดึก แต่ที่เธอยอมอยู่เพราะค่าเช่าถูก และเจ้าของห้องก็ใจดีพอจะให้ค้างจ่ายได้หลายเดือน เธอไม่มีทางเลือกอื่น และนั่นก็เป็นที่เดียวที่พอประคองให้ได้หลบแดดหลบฝน “แต่มันก็แค่สามเดือนเองนะคะ…” เสียงเธอเบาลงเล็กน้อย แต่ยังคงหนักแน่น “ถ้าหนูย้ายออกจากที่เดิม แล้วมีคนมาเช่าต่อ... แล้วหลังจากนั้นหนูจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ?” เธอพยายามพูดให้เขาเข้าใจถึงความกังวลที่ฝังลึกอยู่ในใจ ถึงแม้บ้านหลังนี้จะน่าอยู่แค่ไหน แต่เวลาที่มีแค่สามเดือนมันก็ไม่มากพอให้เธอยอมสละ ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ที่เธอพยายามรักษาไว้ “ไม่เอาหรอกค่ะ... ยังไงหนูก็สะดวกไปหาคุณอยู่แล้ว” เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย “ส่วนน้องชายหนู... เขาเป็นเด็กดีค่ะ หนูมั่นใจ เขาไม่ยุ่งกับของไม่ดีพวกนั้นแน่นอน หนูเลี้ยงเขามารู้ว่าเขาเป็นเด็กดี” “หนูดื้อมากนะ… กลับไปฉันจะลงโทษ” เสียงถอนหายใจหนักดังลอดมาตามสาย ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเด็ดขาด “หนูอยู่ที่นั่นได้จนกว่าจะเรียนจบ มีงานทำ และพร้อมจะมีที่อยู่ที่ดีกว่านั้น” อลิสาเบิกตากว้าง เธอยังไม่ทันได้ตั้งหลักกับคำแรกดี เขาก็พูดต่ออย่างไม่เปิดช่องให้ปฏิเสธ “ทุกอย่างในบ้าน ฉันเป็นคนจ่ายทั้งหมด หนูมีหน้าที่แค่ตั้งใจเรียน เก็บเงิน และตั้งตัวให้ได้มากที่สุด เข้าใจไหม? แล้วก็...เลิกดื้อเสียที” น้ำเสียงสุดท้ายเข้มขึ้นอย่างหงุดหงิดปนเป็นห่วง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนลงเล็กน้อย “ตอนนี้น้องชายหนูยังเด็ก ถ้าวันหนึ่งเขาโตขึ้น แล้วดันไปคบเพื่อนไม่ดีจะทำยังไง? สิ่งแวดล้อมรอบตัวเขาสำคัญนะ ..ฉันเป็นผู้ชายเคยผ่านมันมาก่อน” เขาร่ายยาวจนอลิสาเถียงไม่ออก เพราะทุกคำที่เขาพูดมามัน “ถูกหมด” เพียงแต่เธอไม่อยากยอมรับเท่านั้นเอง ข้อเสนอของเขาดีจนเกินกว่าจะปฏิเสธ แต่อลิสาไม่อยากพึ่งใครระยะยาว โดยเฉพาะกับคนที่...ไม่ได้มีสถานะอะไรชัดเจน เธออยากหางาน หาเงิน และเลี้ยงน้องชายด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง มากกว่าจะยื่นมือไปรับสิ่งที่ไม่แน่ใจว่าจะต้องจ่ายคืนยังไงในอนาคต “แต่มันไม่มีรถเมล์ผ่านเลยนี่คะ หนูกับน้องจะไปเรียนกันยังไง...” เสียงเธออ่อนลง แม้ยังพยายามหาข้ออ้างสุดท้ายเพื่อยื้อ หมู่บ้านนี้หรูหราจนไม่มีรถสาธารณะผ่าน คนที่นี่ส่วนใหญ่มีรถส่วนตัวกันทั้งนั้น จะให้เดินออกมาหน้าหมูบ้านระยะทางแล้วไกลพอสมควร ส่วนตัวเธอไม่มีปัญหาเดินแค่นี้เล็กน้อยมาก ห่วงแต่อลันน้องชายเธอพึ่งจะสิบเอ็ดจะให้เดินไปกลับเป็นกิโลคงไม่ไหว “ไม่ต้องห่วง มีรถรับส่งไปกลับ คนขับไว้ใจได้” อลิสาเงียบไป เธอถอนหายใจยาวเหมือนยอมแพ้ในที่สุด ดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมพร้อมไว้ทุกทาง ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ดูเล็กน้อยและถูกแก้ไขอย่างง่ายดายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ “…ก็ได้ หนูยอมแพ้แล้ว” เธอบ่นเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทีที่ทั้งยอมจำนนและยอมรับชะตากรรม “งั้นหนูเอาหลังนี้ ไม่ดูหลังอื่นแล้วค่ะ” ทันทีที่วางสาย อลิสาก็หันไปหาเซลล์สาวพร้อมรอยยิ้มจางๆและพูดคุยกันถึงขั้นตอนต่อไป ไบรอันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้า เรื่องความเป็นอยู่ของสองพี่น้องที่เขาอุปการะ...แน่นอนว่าเขาเป็นห่วงจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ไร้ผลประโยชน์เสียทีเดียว อย่างน้อยเขาก็ถือว่าสร้างภาพลักษณ์ ‘เสี่ยสายเปย์ระดับพรีเมียม’ ให้ตัวเองได้แบบไม่มีที่ติ คนที่เพิ่งจ่ายเงินหลายสิบล้านซื้อบ้านสามหลังโดยไม่กระพริบตา ผิวปากอย่างอารมณ์ดี “เปย์อะไรสาวๆ ไปอีกละคะ ถึงกับยิ้มไม่หุบแบบนี้ คุณพี่ชาย” เสียงหวานๆ ดังแทรกขึ้นจากปลายโซฟา น้องสาวคนเดียวของเขามองมาด้วยแววตาหมั่นไส้เต็มประดา ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงข้างๆ แบบไม่เกรงใจ “ใส่ร้ายพี่อีกละ เดี๋ยวแม่ได้ยินเข้าได้บ่นหูชาอีก” ไบรอันตอบพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้ “แหม...อย่างกะพี่เคยฟังแม่บ่นที่ไหนล่ะ แล้วทำไมวันนี้กลับบ้านได้ ปกติก็เห็นแต่ไปแช่ตัวอยู่ในไนต์คลับ” น้ำเสียงประชดประชันแบบรู้ทันทำให้ไบรอันหลุดหัวเราะเบาๆ “คุณแม่โทรตามนะซิ บอกว่ามีเรื่องด่วน เลยต้องรีบกลับ...ว่าแต่เราไม่ไปเฝ้าร้านเหรอ?” เขาหันไปมองน้องสาวเพียงคนเดียวที่หน้าตา ท่าทาง และบุคลิกดูสวนทางกับเขาโดยสิ้นเชิง ไบรอันเหมือนพ่อทั้งรูปหน้า ท่าทางสุขุม และแววตาคมเข้มที่ดูไว้ใจได้แม้ในยามนิ่งเฉย ส่วนน้องสาวของเขา...กลับเหมือนถอดแบบคุณแม่ออกมาเป๊ะๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวขาวจัด ดวงตากลมใส รวมทั้งนิสัยขี้บ่น ถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่น้องกัน คงไม่มีใครเชื่อ “โบพึ่งกลับมาจากต่างจังหวัดค่ะ ไปบ้านเพื่อนมา...อ๊ะ นั่นรถคุณแม่มาพอดีเลย” เสียงหวานยังไม่ทันขาดคำ รถตู้คันหรูก็แล่นมาจอดเทียบหน้าบ้าน ก่อนที่ร่างของคุณหญิงกัลยาในวัยหกสิบห้าจะก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม พร้อมด้วยผู้ช่วยและแม่บ้านที่ช่วยกันขนของพะรุงพะรังตามหลังมา “คุณแม่ไปวัดมาหรือคะ?” ลูกสาวคนเล็กรีบเข้าไปพยุง ก่อนจะหอมแก้มคุณแม่แรงๆ อย่างเอาอกเอาใจ “ใช่จ้ะ มาอ้อนอะไรอีกล่ะ ยัยหนู” คนเป็นแม่ถามกลับด้วยน้ำเสียงรู้ทัน พร้อมรอยยิ้มที่แม้จะมีรอยย่นตามวัยแต่ยังคงดูเปี่ยมไปด้วยความรัก “แหม คุณแม่ก็…โบแค่อยากหอมเฉยๆ ไม่ได้เจอคุณแม่ตั้งหลายวันแน่ะ” “อย่ามาปากหวานชมคนแก่เลยจ้ะ” คุณหญิงหัวเราะน้อยๆ “แล้วร้านล่ะ เป็นยังไงบ้าง? เดี๋ยวนี้ไม่เห็นกลับมาค้างบ้านเลยนะ” คำพูดนั้นพาดพิงทั้งลูกสาวและลูกชาย ที่ต่างแยกย้ายไปอยู่คอนโดกันหมด ทิ้งให้บ้านใหญ่เงียบเหงาอย่างที่นางไม่ชอบเอาเสียเลย โดยเฉพาะลูกชาย รายนั้นถ้าไม่โทรตามก็คงไม่มีวันโผล่หัวกลับมาบ้าน “แล้วแกน่ะ จะนอนเล่นอีกนานไหมตาไบรอัน! เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอหรือยังไงกัน” คุณหญิงหันไปเอ็ดลูกชายเสียงดังทันทีที่เห็นเขายังคงนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา สายตาจ้องโทรศัพท์เหมือนไม่เห็นการมาของนาง คิดแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้... อายุก็ปาเข้าไปขนาดนี้แล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้อุ้มหลานให้สมกับตำแหน่งคุณย่าเสียที ลูกชายก็เหลวไหลเอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้า เคล้าผู้หญิงไม่เว้นวัน จับงานจริงจังกับใครก็ไม่เคย ส่วนลูกสาวก็ทุ่มเทให้แต่งานหัวฟูทั้งวันทั้งคืน ไม่เคยพูดถึงเรื่องความรัก ไม่ต้องหวังว่าจะมีแฟนกับเขา ยิ่งดูยิ่งเหมือนพ่อไม่มีผิด “สวัสดีครับคุณแม่ ผมเห็นยัยโบอ้อนคุณแม่อยู่ เลยไม่อยากขัดจังหวะ” “มาก็ดีแล้ว…เมื่อไหร่จะเลิกเที่ยวเสเพลเสียที ดูอย่างจอมทัพสิ! เขามีหลานให้คุณหญิงช้อยอุ้มแล้วนะ แม่ก็อยากอุ้มหลานบ้างเหมือนกัน อยากอุ้ม ชาตินี้ ไม่ใช่ ชาติหน้า!” เสียงของคุณหญิงกัลยาเริ่มดังขึ้นทุกคำตามอารมณ์ ก่อนจะจ้องลูกชายอย่างคาดคั้น “เมื่อไหร่แกจะหาผู้หญิงดีๆ มาแต่งงานสร้างหลักสร้างฐานกับเขาสักที” ไบรอันถอนหายใจยาวก่อนทำหน้าระอา อารมณ์หน่ายจนแทบกลอกตาให้ เหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ชอบกลับบ้านนักก็เพราะแบบนี้แหละ คำถามเรื่องเมียเรื่องลูกที่ตามหลอกหลอนเขาทุกครั้ง ในขณะที่เขายังรู้สึกว่าไม่เคยเจอใครที่เอาชนะหัวใจเขาได้จริงๆ ที่ผ่านมาเขากับผู้หญิงทุกคนต่างรู้ข้อตกลงกันดี เขาให้สิ่งที่พวกเธอต้องการ เงิน ความสะดวกสบาย และของหรูหรา แลกกับสิ่งที่เขาอยากได้คือความสุขแบบไม่ผูกมัด แฟร์ทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครติดหนี้บุญคุณใคร “ผมยังไม่พร้อมครับแม่” เขาตอบเสียงเรียบแต่หนักแน่น “ไบรอัน แกจะสี่สิบแล้วนะ!” คราวนี้เสียงของคุณหญิงเริ่มเคลือบด้วยความขุ่นเคืองและกดดัน ไม่ว่ากี่ปีๆลูกชายตัวดีของนางก็อ้างว่าไม่ยังพร้อมๆ “ถึงจะจะห้าสิบ ถ้าผมยังไม่พร้อม ก็คือไม่พร้อม” เสียงของไบรอันนิ่งแต่แข็งกร้าวเล็กๆ พลางถอนหายใจเบื่อหน่าย “แม่เรียกผมมาเพราะเรื่องนี้เหรอครับ? ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวดีกว่า” เขาก้าวเท้าเตรียมจะออกจากบ้าน เพราะรู้ดีว่าถ้าอยู่นานกว่านี้ มีหวังได้เถียงกันลุกลามแน่ ไบรอันไม่ได้อยากทำให้แม่เสียใจ แต่ก็ไม่อยากทนฟังความกดดันที่แม่ยัดเยียดให้ซ้ำๆ ซากๆ “พร้าวฟ้ากลับมาแล้วนะ” คำพูดของคุณหญิงกัลยาทำให้ฝีเท้าของเขาชะงักไปในทันที หญิงชราเหลือบตามองลูกชายอย่างรู้ทัน เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาเงียบไป แม่อย่างนางรู้ดี… ไบรอันเคยรักพร้าวฟ้ามากแค่ไหน และบางทีที่เขายังเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้ อาจเพราะไม่เคยตัดใจจากอดีตคนรักคนนั้นได้เลย “ได้ข่าวว่าเธอเลิกกับสามีแล้ว… ไม่มีลูกด้วย” เสียงของแม่อ่อนลงอย่างตั้งใจ ก่อนพูดต่อด้วยความจริงใจ “ถ้าแกจะกลับไปคบกับพร้าวฟ้า… แม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะลูก” นางเคยโกรธเคืองอดีตคนรักของลูกชายจนแทบไม่อยากได้ยินชื่อ เพราะผู้หญิงคนนั้นทำให้ลูกชายนางเสียผู้เสียคนอยู่นานหลายปี “มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมนี่ครับ” คำตอบของเขานิ่งเรียบเหมือนเดิม “ผมกลับก่อนนะครับ… สวัสดีครับ” เขาว่าเพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง คุณหญิงกัลยามองตามแผ่นหลังของลูกชายที่กำลังเดินจากไป แผ่นหลังนั้น…แข็งแกร่งราวหินผา ทว่าเคยเคยสั่นคลอนและพังทลายลงอย่างอ่อนแอที่สุดมาแล้ว เขาเจ็บปวดเพียงใดในวันนั้น นางในฐานะแม่ยังจำได้ไม่เคยลืม เขาไม่พูด ไม่กิน และไม่หลับนอนอยู่หลายเดือน ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยเห็นไบรอันในสภาพนั้นมาก่อนในชีวิต มันเจ็บ…เจ็บจนเธออยากตายแทน แต่หากวันนี้ไบรอันจะยังเลือกพราวฟ้าอีกครั้ง เธอก็จะไม่เอ่ยคำคัดค้าน แม้ผู้หญิงคนนั้นจะเคยทำร้ายเขาอย่างสาหัสมาแล้วก็ตาม ต่อให้เธอผ่านการแต่งงาน เคยมีสามีก็ช่าง แต่ถ้ามันจะทำให้ไบรอันกลับมามีชีวิตที่สดใสและมีความสุขอีกครั้ง นางก็ยินดีจะยอมกลืนเลือดลงคอ ลืมอดีตทั้งหมดเพื่อเห็นลูกมีความสุข “แม่จะยอมให้พี่ไบรอันกลับไปคบกับพี่พราวฟ้าจริงเหรอคะ?” เสียงของโบนิต้าแว่วมาเบื้องหลัง แฝงความกังวลอย่างปิดไม่มิด เธอไม่อาจลืมภาพพี่ชายที่เคยถูกสลัดรักอย่างไร้เยื่อใย ราวกับถูกฉีกหัวใจออกเป็นชิ้น ๆในวันนั้นได้เลย หลายปีที่ไบรอันดำดิ่งอยู่กับความทุกข์ ช้ำเลือดช้ำหนองมานาน กว่าจะกลับมายืนหยัดใช้ชีวิตได้ตามปกติ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ “ถ้าพี่แกยังรักแม่พราวฟ้านั่นอยู่ แม่จะไปห้ามอะไรได้ล่ะ จะให้แม่จับลูกชายคลุมถุงชนหรือไง? เหอะ...แค่คิดก็รู้แล้วว่าแม่คงไม่ได้เห็นหน้าลูกชายไปตลอดชีวิตแน่ ๆ” คุณหญิงกัลยาวางมือบนตัก ถอนหายใจเงียบ ๆ อย่างอ่อนใจ ใช่ว่าไม่เคยมีความคิดเรื่องหาคู่ให้ลูกชาย คุณหญิงคุณนายที่รู้จักกันแทบจะเอาลูกสาวมาประเคนถึงหน้าประตูบ้าน หวังให้กลายเป็นทองแผ่นเดียวกันกับครอบครัวนางจนใจจะขาด แต่นางก็รู้ดี...ลูกชายของนางไม่ใช่คนจะบังคับได้ง่าย ๆ ไบรอันหัวรั้นราวกับควายเถื่อน ถ้าไปกดดันหรือฝืนใจเขามากเกินไป ก็มีแต่จะผลักเขาให้เตลิดหนีหายไป “โบก็ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลยค่ะ...” โบนิต้าพึมพำอย่างหนักใจ “ให้พี่อยู่เป็นโสดยังดีซะกว่ากลับไปคบกับผู้หญิงแบบนั้นอีก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม