ตอนที่ 1 ดีไซเนอร์ข้ามมิติ
ปี 2021 / ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
“ตงหลินซี” ดีไซเนอร์ชื่อดัง ในนามแบรนด์ LCC ที่อายุน้อยที่สุด เพียงยี่สิบเจ็ดปี เธอเดินทางมารับรางวัลดีไซเนอร์ยอดเยี่ยมที่เมืองน้ำหอม ประเทศฝรั่งเศส
คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ก้าวเหยียบพรมแดงในงาน ยังไม่ทันขึ้นไปรับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตการเป็นดีไซเนอร์ เธอก็ต้องจบชีวิตลง ด้วยอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดมาก่อน รางไฟในตำแหน่งที่เธอนั่ง ตกลงมาทับร่างของเธอ เสียชีวิตคาที่…..
ปี 1984 / กวางโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
เตียงนุ่ม ๆ กลิ่นหอมของเครื่องเรือนไม้ราคาแพง และเสียงฝีเท้าที่เดินวนไปมา จนทำให้ร่างบางที่นอนหมดสติอยู่ ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมา เพดานลวดลายวิจิตร เหมือนกับสถาปัตยกรรมโบราณ ไหนจะแชนเดอเรียระย้าคริสตัล สีเหลืองนวลนั่นอีก
“ที่นี่คือที่ไหนกัน ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้"
“ซีซี ลูกฟื้นแล้วค่ะ ซีซีลูกแม่ เป็นยังไงบ้าง”
“ซีซีงั้นเหรอ” จำไม่เห็นได้เลยว่า จะมีใครเรียกฉันด้วยชื่อที่มันน่าคลื่นไส้แบบนั้น ฉันคือ “ตงหลินซี” ยอดดีไซเนอร์ชื่อดังเชียวนะ มาเรียกอย่างกับเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบได้ยังไงกัน
“เฮือก!! พวกคุณเป็นใครกัน”
“แย่แล้ว ๆ สงสัยว่าสมองลูก คงจะกระทบกระเทือนตอนที่ล้มหัวฟาดพื้น รีบโทรตามหมออวี้กลับมาอีกทีเร็วเข้า”
เธอค่อย ๆ ลูกขึ้นมา บรรยากาศรอบตัวนี่ช่างไม่คุ้นเอาเสียเลย ไหนจะเตียงไม้โบราณ แสงไฟที่แทบจะมองอะไรไม่เห็น แต่กลับหรูหราและยัง… ผู้หญิงสูงอายุ ที่นั่งจับมือเธออยู่ข้าง ๆ นี่อีก
“ลูกรู้สึกยังไงบ้าง ทำไมจู่ ๆ ก็เป็นลมไปแบบนั้นล่ะ นายพลกู้กับคุณนายกู้ตกใจมากเลยนะ ไม่คิดว่าลูกจะเสียใจมากขนาดนี้ ก็แค่เลื่อนงานหมั้นออกไป เอ่อ… แม่ว่าลูก”
“ปวดหัว หยุดพูดก่อน หิวน้ำ”
“อ้อได้สิ เต้าชุนรีบเทน้ำให้คุณหนูหน่อยเร็วเข้า”
เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ท่ามกลางแสงไฟของงานรับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ แล้วจู่ ๆ ทำไมถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ เมื่อมองหน้าสาวใช้ที่ยื่นน้ำมาให้ ก็ยิ่งแปลกใจ แต่แค่ได้ดื่มน้ำลงคอไปช้า ๆ กลับมีบางอย่างเกิดขึ้น ความทรงจำของใครบางคน กำลังไหลเข้ามา เหมือนกับน้ำในเขื่อนที่แตกทะลัก
เพล้ง!
“โอ๊ย! ปวดหัว”
“เร็ว ๆ เข้า หมอมาหรือยัง ซีซี!”
คุณนายตง “ไป๋หนิง” รีบเรียกคนที่วิ่งวุ่นอยู่ข้างนอก ให้เข้ามาดูอาการ ของลูกสาวคนเดียวของเธอ ตอนนี้หมออวี้ซึ่งอายุมากแล้ว กำลังวิ่งเข้ามาดูอาการให้เธอ โดยมีคนที่สวมชุดสูท ซึ่งดูแล้วมันเหมือนกับแฟชั่นโบราณ ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เธอยังไม่เกิดเลยก็ว่าได้
‘ตงหลินซีดเป็นลูกสาวคนเดียว ของเจ้าของร้านผ้าไหมส่งออกขึ้นชื่อของกวางโจว แต่เพราะวิกฤติทางทหาร และการเข้ามาของต่างชาติ ทำให้การค้าของคุณพ่อซบเซาลง กิจการเริ่มแย่ลง ว่าที่คู่หมั้นที่กำลังจะหมั้นหมาย ก็กำลังจะหาเรื่องยกเลิกการหมั้นครั้งนี้ แต่เธอรักเขา และอยากเป็นภริยานายพลน้อย “กู้หานเซียว” ถึงเขาจะปากร้าย ไม่สนใจเธอเลยสักนิด และยังทำสีหน้ารังเกียจ ภายใต้ใบหน้าที่หล่อคมคาย แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะรักเขา’
“น้ำเน่าชะมัด”
“คุณหนู! ตื่นแล้วเหรอคะ”
“ตื่นแล้ว เธอชื่ออะไร”
“เต้าชุน” หันมามองหน้าคุณหนูของตัวเอง และกระแอมอีกครั้ง
“อ้อ เต้าชุนสินะ ขอโทษทีฉันเป็นอะไรไป”
“คุณหนูเป็นลม ตอนกำลังจะไปทานข้าวกับนายพลกู้ และคุณนายกู้ค่ะ วันนี้นัดก็เลยถูกยกเลิกไป”
“เหรอ ถ้าอย่างนั้นช่วยอะไรฉันหน่อยสิ ฉันคงล้มแรงไปหน่อย ก็เลยจำอะไรบางอย่างได้ไม่มาก”
“คุณหนู อยากให้เต้าชุนช่วยอะไรเหรอคะ”
สิบวันถัดมา
ตอนนี้เธอกำลังเริ่มปรับตัวเข้ากับร่างใหม่ ที่จริงเคยมีซีรีส์หลายเรื่องที่เธอเคยไปออกแบบเสื้อผ้าให้ ทำเรื่องราวประมาณนี้ แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่ง จะได้ประสบพบเจอกับตัวเอง นี่มันเรื่องเหลือเชื่อสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเธอ มันโคตรจะท้าทาย และอยากลองมานานแล้วว่า ชีวิตที่ไม่ใช่ของเรา แต่ต้องมาสวมอยู่ในร่างของคนอื่น มันจะเป็นยังไง เธออาศัยฟังเรื่องราวจากสาวใช้ข้างตัว เล่าให้ฟังเกี่ยวกับเจ้าของร่าง
“งั้นเหรอ นายพลน้อยคนนั้น คงหล่อมากเลยสินะ”
"ผู้หญิงทั่วทั้งมณฑล ต่างก็อยากจะร่วมทานอาหารกับเขาสักครั้ง ขอแค่มีโอกาสได้สบตา ก็น่าอิจฉามากแล้ว แต่นี่คุณหนูกับนายพลน้อย"
“ไหนบอกว่าจะไม่หมั้นแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังต้องไปเจอกันอีกล่ะ ชุดพวกนี้ ถึงจะสวยและดูหรูหรา แต่ก็โบราณมากเลยแฮะ ไม่ได้เลย มุกนี่ดูมีราคา แต่ผู้หญิงอายุยี่สิบอย่างฉัน มันดูแก่ไป”
“ปกติคุณหนูชอบใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาด ใส่เพชรและเครื่องประดับเยอะ ๆ จะได้เป็นที่สนใจ”
“ประสาท ฉันไม่ใช่ตู้เพชรเคลื่อนที่สักหน่อย เอาชุดนี้ก็แล้วกัน”
“หา แต่ว่าชุดแบบนั้น”
“ชุดนี้ทำไมเหรอ”
เธอมองกี่เพ้าสีขาวทอง ที่ดึงออกมาจากริมตู้ นี่น่าจะเป็นชุดที่ดูเรียบที่สุด ที่เธอพอจะเลือกมาได้แล้ว
“คุณหนูบอกว่า ชุดที่อยู่ริมขวาของตู้นั่น เอาไว้ใส่เวลาที่ต้องไว้ทุกข์ หรือไม่ก็ช่วงกินเจ ไม่เหมาะที่จะสวมออกงานค่ะ”
“พรึด! ว่ายังไงนะ โอ้โหคุณหนูของเธอนี่ ยอดไปเลย”
“คุณหนูพูดแปลก ๆ อีกแล้ว ว่าแต่ยอดไปเลยนี่คือ…”
“รสนิยมแย่สุด ๆ ไปเลยยังไงล่ะ เอาล่ะไหนดูสิว่า จะทำอะไรได้บ้าง เข็ม ด้าย ไหม เอ็นใส เตรียมพร้อมหรือยัง”
“อยู่นี่หมดแล้วค่ะ แต่ว่าคุณหนูคะ อีกสองชั่วโมง จะต้องไปงานเลี้ยงที่ตระกูลกู้แล้ว จะทันเหรอคะ”
“ถ้าไม่มัวแต่ถาม ยังไงก็ทัน”
“ว้าย! คุณหนู สะ สร้อยมุกนั่น คุณนายบอกว่ามาจากปักกิ่ง จะ จะตัดจริง ๆ เหรอคะ”
“ถึงมันจะสวยก็จริง แต่ไม่เหมาะกับฉันเท่าไหร่ เอามาทำอย่างอื่นน่าจะดีกว่า”
สร้อยมุกราคาแพง เข็มกลัดเพชร และผ้าไหมแก้วบางส่วนจากชุดบางตัว ถูกเธอตัดแบ่งชิ้นส่วนออกมา เต้าชุนเองก็ไม่เข้าใจว่า คุณหนูทำอะไร เธอได้แต่นั่งเงียบ และมองดูคุณหนู ที่ปกติไม่คิดจะจับงานพวกนี้ แต่ตอนนี้กลับลูกขึ้นมาตัดเย็บชุดด้วยตัวเอง
“เอาล่ะ คงพอใช้ได้แล้วล่ะ สำหรับยุคสมัยนี้ เป็นยังไงเต้าชุน อย่าเอาแต่อ้าปากค้าง”
“คุณหนูนี่มัน… สวยมาก ๆ เลยค่ะ ชุดนี้อย่างกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย”
“เพ้อเจ้อเกินไปแล้ว รีบไปเตรียมน้ำสิ จะได้อาบน้ำแต่งตัว เธอบอกว่ารีบไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ! ไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ตงหลินซีอาบน้ำ มันดีตรงที่ว่าเธอมีสาวใช้คอยช่วย แม้กระทั่งเวลาอาบน้ำ ทุกอย่างสะดวกสบายไปหมด ข้าวของเครื่องใช้ที่มีอยู่ ก็นับว่าไม่เลวสำหรับคุณหนู ที่เป็นลูกสาวคนเดียว และถูกเลี้ยงมาอย่างกับไข่ในหิน อีกอย่างตงหลินซีในชาตินี้ ก็สวยชนิดที่เรียกได้ว่า ดาราสมัยปัจจุบันเห็นแล้วยังต้องยอม แม้ว่าในวงสังคม จะไม่ได้ชอบเธอมากนักก็เถอะ
“พระเจ้า ชุดของเธอไปตัดที่ร้านไหนมาน่ะ”
“ให้ตายเถอะ นั่นคุณหนูตงสินะ เธอมาทุกครั้งก็ต้องแต่งตัวติดหรูทุกครั้งเลยสินะ ดูมุกนั่นสิ ฉันคิดว่าห้องเสื้อแถวกวางโจว คงไม่กล้าตัดให้แน่ เธอต้องไปสั่งตัดร้านใหญ่ในปักกิ่ง หรือไม่ก็เซียงไฮ้มาแน่ ๆ”
“แต่ถึงจะสวมเสื้อผ้าราคาแพง แต่นิสัยมันแพงขึ้นไม่ได้หรอกนะ”
เสียงหัวเราะตามหลัง ทำให้เธอได้ยินชัดเจน ตงหลินซีไม่เป็นที่ชื่นชอบเท่าไหร่ โดยเฉพาะผู้หญิงด้วยกัน แต่นิสัยของเจ้าของร่าง กับตงหลันซีที่พึ่งมาเข้าร่าง กลับเหมือนกันชนิดที่แทบจะแยกไม่ออก โดยเฉพาะเรื่องฟาดคน เมื่อพวกเธอพูดจบ และพากันหัวเราะ หลินซีก็หยุดเดิน และหันไปทันที พวกที่ยืนหัวเราะอยู่ ถึงกับนิ่งเพราะรอยยิ้มเย็นของเธอ
“ขอบใจที่ออกความเห็นนะ อย่างน้อยเสื้อผ้าแพง ก็ทำให้คนดูดีได้ แต่กับพวกใส่ชุดเช่า หรือไม่ก็ชุดที่แก้เกินสามครั้ง แล้วออกงานซ้ำ ๆ จนตะเข็บเลื่อน เอาผ้าคลุมขนมิ้งค์ปลอมนั่นมาปิดเอาไว้ ดูยังไงนิสัยก็คง... ไม่แพงไปกว่าชุดที่ใส่อยู่หรอก ขอตัวก่อนนะสาว ๆ พวก tasteless”