ร้านขายผ้าไหมตระกูลตง
เมื่อมาถึงร้านผ้าไหม ตงหลินซีก็รีบเดินเข้าไปในร้าน ด้วยความตื่นเต้น เธอไม่เคยเห็นร้านผ้าไหมโบราณแบบนี้มาก่อน ดีไซเนอร์อย่างเธอแน่นอนว่าต้องตื่นเต้นมาก
ที่ร้านของตระกูลตง มีทั้งผ้าไหมทอเอง และผ้าไหมที่ใช้ดิ้นทอลาย ไหนจะผ้าหลากหลายแบบ ที่ทำให้เธอตื่นตาตื่นใจ แม้แต่คนที่เป็นพ่อแม่ ก็ไม่คิดว่าเธอจะตื่นเต้นขนาดนี้
“ซีซี อย่าวิ่งนะลูกระวังลื่น”
“คุณหนูระวังครับ สวัสดีครับคุณนาย เถ้าแก่ เอ่อนี่…”
“หมิงตู้” คนเก่าแก่ของร้าน เดินออกมาต้อนรับพวกเขา แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าคุณหนูมาที่ร้านด้วย ปกติเธอไม่เคยมาที่นี่เลย ทุกครั้งจะมีคนที่ร้าน เอาผ้าไหมชั้นดีที่เข้าใหม่ ไปให้เธอเลือกที่บ้าน เพราะหลินซีบอกว่าที่ร้านเหม็นและคับแคบ เธอคันและไม่ชอบคนเยอะ
“โตแล้ว คงนึกอยากจะทำงานแล้วล่ะมั้งลุงหมิง”
“อ้อแบบนั้นเองสินะครับ”
หลินซีเดินไปทั่วทั้งร้าน เธอพบว่าร้านผ้าไหมนี้ คือขุมทรัพย์สำหรับเธอ ผ้าทุกม้วนล้วนถักทอด้วยความประณีต มันงดงามและวิจิตร แตกต่างกับผ้าไหมที่ใช้นวัตกรรมสมัยใหม่ ในยุคปัจจุบันทอออกมา
“กวางโจว… สมกับเป็นปลายทางของเส้นทางสายไหมจริง ๆ”
เธอเดินออกมาและไม่ทันระวัง เพราะมัวแต่สนใจม้วนผ้าไหมแก้ว และไหมปักดิ้นที่พึ่งมาส่ง จึงไม่ทันเห็นว่ามีคนยืนอยู่ เขาพึ่งมาส่งผ้าไหมที่พึ่งทอเสร็จให้กับที่ร้าน
“ผ้าไหมทอจากดิ้นสีทอง เป็นเนื้อเดียวกัน ใช้วิธีการทอมือแบบโบราณ ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นเป็นบุญตา นี่มันยอดไปเลย”
“ขอบคุณสำหรับคำชมที่ยอดเยี่ยมนะครับ เอาไว้ผมจะกลับไปบอกช่างทอผ้า ว่ามีคนชื่นชอบผลงานของพวกเธอ”
ตงหลินซีเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งหน้าตาดี ดูเป็นมิตรและสวมชุดลำลองสบาย ๆ ถือสมุดบัญชีอยู่ เขายิ้มให้เธอ หลินซีถึงกับกะพริบตาปริบ ๆ นี่เธอคงไม่ได้เผลอหลุดพูดอะไรแปลก ๆ ไปใช่ไหม
“คุณชายต้วน! คุณมาพอดีเลย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“สวัสดีครับคุณตง คุณนายตง”
เขาไม่ลืมที่จะหันมาโค้งให้เธอ และเดินไปจับมือเถ้าแก่ตง หลินซีหันมาสนใจผ้าไหมต่อ จึงไม่ได้มองว่าคนที่พึ่งเดินไป เขารู้สึกสนใจเธออย่างมาก เพราะไม่เคยเจอเธอที่นี่ แต่ดูเหมือนว่า เธอจะรู้เรื่องผ้าไหมดีมาก
“สวัสดีครับคุณนายตง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ยังสวยเหมือนเดิม”
“แหมเถ้าแก่ต้วน ชมเกินไปแล้วค่ะ ยังปากหวานเหมือนเดิมเลย จริงด้วยสิคะ ซีซี”
“ค่ะคุณแม่”
“มานี่สักประเดี๋ยวสิลูก”
เขาหันไปมองหญิงสาว ที่ยังสนใจกองผ้าไหมที่พึ่งนำมาส่ง เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เธอคือตงหลินซี ที่ขึ้นชื่อเรื่องสวยแต่โง่ เพราะที่เขาเห็นเธอพึมพำเมื่อกี้นี้ มั่นใจได้ว่าเธอพูดภาษาต่างประเทศ และใช้ศัพท์เกี่ยวกับผ้าไหมได้ถูกต้อง อีกอย่างก็ดูมีความรู้ แต่คุณนายหลินเรียกเธอว่า “ซีซี” ถ้าอย่างนั้น…
“คุณต้วนคะ นี่ลูกสาวของฉันเอง ตงหลินซี ทักทายคุณชายต้วนสิลูก เขาคือเจ้าของโรงทอผ้าที่ใหญ่ที่สุดในกวางโจว ทำการค้ากับเรามาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่แล้ว”
“สวัสดีครับคุณหนูตง ผม “ต้วนหลาน” ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีค่ะคุณต้วน”
เธอยื่นมือออกมาจับเขาอย่างเป็นมิตร ต้วนหลานคิดว่าคงเป็นเพราะเธอออกงานสังคมบ่อยครั้ง จึงไม่เคอะเขินในการทักทาย เลยไม่ได้คิดอะไร แต่สิ่งที่เธอถามหลังจากนั้นต่างหาก ที่ทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรง
“คุณเป็นเจ้าของโรงทอผ้าเหรอคะ ถ้าแบบนี้ฉันสามารถขออนุญาตไปเยี่ยม หรือไปดูที่โรงงานทอผ้าของคุณบ้างได้ไหมคะ”
“อะไรนะครับ ไปที่โรงทอผ้าของผมเหรอครับ”
“ซีซี นี่ลูกสนใจเรื่องนี้ด้วยเหรอ”
“ค่ะคุณพ่อ ในเมื่อเราทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้าไหม อีกอย่างคุณชายต้วนก็ทำโรงงานทอผ้าไหม เป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกันมานาน ก็ไม่แปลกที่หนูจะสนใจในตัวเขานี่คะ”
คำพูดนั้นดูเหมือนไม่แปลก แต่กลับทำให้คนที่ฟัง รู้สึกหัวใจเต้นแรงแปลก ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาพึ่งจะพบกับเธอแค่ครั้งแรก แต่รอยยิ้มจริงใจของเธอ ทำให้เขาเผลอมองจนนิ่งไป
“ได้ไหมคะ คุณชายต้วน!”
“อ้อ เอ่อ ครับผมยินดีมาก ๆ ครับ ที่จริงผมก็อยากชวนเถ้าแถ่ตง ไปเยี่ยมที่โรงทอผ้าหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสว่างตรงกันเสียที ถ้าคุณหนูตงสนใจ ผมก็ยินดีมากครับ”
“ไปค่ะ! ฉันสามารถไปได้เลยไหม คุณต้องเตรียมอะไรหรือเปล่า เอาไว้เรานัดกันเลย พรุ่งนี้เป็นไงคะ”
“ซีซี เดี๋ยวก่อนนะลูก เอ่อคุณพาคุณชายต้วนไปดื่มน้ำ และจัดการบัญชีก่อนเถอะค่ะ”
“อ้อได้สิ มาเถอะคุณชายต้วน เราไปตรวจของกัน”
“ครับ”
หลินซีถูกคุณนายตง พาไปที่ด้านหลังร้าน ต้วนหลานเดินตามพ่อของเธอออกไปที่ห้องบัญชีแล้ว เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินเข้าห้องไป คุณนายตงก็หันมาคุยกับเธอทันที
“ซีซี ทำไมจู่ ๆ ลูกถึงอยากไปที่โรงงานทอผ้าตระกูลต้วนล่ะ”
“แม่คะ หนูแค่เห็นว่าเขาทำธุรกิจกับเรา อีกอย่างตอนนี้เราก็ต้องพึ่งพาเขา ถ้าเราสามารถให้เขาผลิตผ้าไหมลวดลายใหม่ ๆ ที่นำสมัย ร้านนี้ก็คงจะไปได้ไกลกว่านี้ หนูแค่คิดว่า… ทำไมแม่มองหน้าหนูแบบนั้นล่ะคะ”
เธอพยายามจะทำตัวตามปกติ แต่เพราะวิญญาณของดีไซเนอร์ บางครั้งจึงทำเรื่องที่ไม่คุ้นเคยออกไป แน่ล่ะสิ ร่างเดิมเธออายุเกือบสามสิบแล้ว แต่กลับมาอยู่ในร่างของหญิงสาวอายุแค่ยี่สิบนิด ๆ ที่พูดจาเกินอายุ และผิดกับตัวจริงก่อนหน้านี้ ถึงจะไม่ใช่คนตระกูลตง ก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา
“แม่ไม่คิดว่า หนูจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ หนูคงจะไม่ได้บอกว่าได้ยินเรื่องพวกนี้ในวงสังคม ในงานเลี้ยงหรอกนะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือเรื่องนี้หนูเคยเห็น…เอ่อ ในห้องทำงานของคุณพ่อค่ะ เมื่อก่อนก็ไม่ได้สนใจ แต่ว่าหนูโตแล้ว อีกอย่างก็เรียนอะไรไม่จบสักอย่าง งานก็ไม่รู้เรื่อง จนงานเลี้ยงที่ตระกูลกู้วันนั้น พวกเราโดนดูถูก หนูเลยคิดว่าอยากจะทำงานค่ะ”
ไม่รู้ว่าเหตุผลนี้ จะทำให้คุณนายตงเชื่อได้มากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ไหน ๆ เธอก็มาอยู่ในร่างนี้แล้ว และไม่มีทางกลับไปร่างเดิมได้อีก เธอก็ต้องหาวิธีการเอาตัวรอดให้ได้ ใครอยากจะตายซ้ำ ๆ อีกล่ะ มันไม่ได้สนุกสักหน่อย
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็แล้วไป แม่ก็คิดว่าลูก..เอ่อ เห็นคนหน้าตาดีอย่างคุณชายต้วน แล้วจะชอบเขาอีก”
“แม่คะ! อย่าบอกนะว่า ที่แม่เรียกหนูเข้ามาคุย เพราะเรื่องนี้”
“แล้วไม่ใช่หรอกเหรอ เฮ้อ โล่งอกไปที อย่างน้อยลูกก็ไม่ได้ชอบคนง่ายเหมือนเดิมสินะ”
“เหมือนเดิมเหรอคะ!”
‘ให้ตายเถอะ ยัยเด็กคนนี้ใช้ชีวิตยังไงกันแน่เนี่ย ทำไมดูเละเทะไม่เป็นท่าแบบนี้ มิน่าล่ะอีตากู้หานเซียวนั่น ถึงได้เกลียดเธอนัก นอกจากจะไร้สมอง เป็นจอมมโนสุด ๆ แล้ว ยังชอบคนง่าย เพ้อเจ้ออีกเหรอเนี่ย กรรม เวรของกรรมโดยแท้!'
“ซีซี ลูกเป็นอะไรไป”
“เปล่าค่ะแม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหน้าตาของเขานะคะ หนูแค่อยากไปดูโรงงานทอผ้าจริง ๆ อีกอย่างถ้าเขาทำธุรกิจกับเรา ยังไงก็ต้องผูกมิตรกันเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องชู้สาวค่ะ อย่าคิดไปไกล แค่เรื่องของธุรกิจค่ะแม่”
“จ้ะ แม่รู้แล้ว แต่ว่าหนูไม่มีความรู้เรื่องผ้าไหมเลย แล้วจะไปที่โรงทอผ้า จะรู้เรื่องเหรอ”
“ใครบอกหนูไม่มีล่ะคะ”
“หืม?”
เอาแล้วสิ คุณนายตงขมวดคิ้ว มองหน้าเธออีกครั้ง หลินซีที่เป็นลูกสาวของเธอ ไม่มีความรู้ก็จริง แต่หลินซีที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณนายตงตอนนี้ อย่าว่าแต่ผ้าไหมเลย ผ้าทุกชนิดบนโลกนี้ ก็ล้วนผ่านตาและได้สัมผัสมาเกือบหมดแล้ว
“หนูเคยไปอ่านในห้องทำงานคุณพ่อค่ะ แม่ก็รู้ว่าหนูชอบไปหาเงิน ที่พ่อแอบซ่อนเอาไว้ ก็เลยเจอเรื่องพวกนี้ อีกอย่างหนูชอบตัดชุดใหม่บ่อย ๆ เพราะอยากใส่ชุดสวย ๆ ไม่ซ้ำออกงาน ก็เลยสนใจเรื่องผ้ายังไงล่ะคะ”