ผ่านมาหลายเดือนแล้วกับการหาเงินหลักแสนเพื่อใช้หนี้ทั้งที่ยังมีภาระค่าใช้จ่ายอยู่รอบตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผ่านไปได้แต่ละวัน ทั้งช่วยแม่ขายข้าวมันไก่ ทำขนมส่งขายตามร้านกาแฟและสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง แต่ยังมีเงินเก็บไม่ถึงแสนในระยะเวลาเกือบปี
เงินที่หาได้หมดไปกับการจ่ายดอกเบี้ยที่แสนโหดของเงินกู้ก้อนนั้นเสียมากกว่า
ความคิดที่ว่าจะต้องปลดหนี้และหลุดพ้นจากครอบครัวของปวีย์ก็ยิ่งห่างไกลเกินเอื้อม ไหนจะค่าเทอมและค่าส่งเสียน้องชายเรียนมหาวิทยาลัยอีก ดูท่าแล้วคงต้องตกเป็นตัวตลกของไอ้ลูกชายอดีตนักการเมืองนั่นไปอีกนาน อริสราคิดแล้วก็ยิ่งท้อแต่จะทำอย่างไรได้นอกจากต้องสู้ต่อไป
บางครั้งอริสราเผลอคิดบ้าๆ ย้อนนึกถึงคำเชื้อเชิญของผู้ชายคนหนึ่งที่เสนองานปลดหนี้ให้เธอ แต่ก็ต้องสะบัดหน้าเรียกสติกลับมาทุกครั้งว่านั่นมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีตัวเองเกินไป
แค่เคยคิดจะไปขายตัวเธอก็รู้สึกผิดกับตัวเองมามากพอแล้ว
“ไปกี่วันนะเอย” คนเป็นแม่ถามลูกสาวที่กำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า
“สามวันค่ะ ขอเที่ยวพักผ่อนอีกสักวันนะ”
“เที่ยวให้สบายใจไม่ต้องห่วงแม่หรอก มีน้านีช่วยแล้ว”
“ค่า”
“รีบเก็บของเถอะเรา เดี๋ยวลงไปกินข้าวเช้าก่อนค่อยออกไป”
‘ปภาวริน’ ที่กำลังจะแต่งงานในมะรืนนี้เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอตอนเรียนมหาวิทยาลัย การไปพบครั้งนี้คงถือว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่เรียนจบเพราะต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านและหางานทำ
เพื่อนสนิทคุยกับอริสราผ่านทางข้อความตลอด ทั้งคู่จึงรู้ความเป็นไปของกันและกัน ยกเว้นเรื่องที่เธอตัดสินใจไปทำงานนั้นซึ่งปภาวรินไม่รู้ อริสราไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่าเพื่อนจะด่าเธอที่ไปทำเรื่องโง่ๆ อย่างนั้น
อริสราถึงที่หมายซึ่งเป็นรีสอร์ตบนเกาะแห่งหนึ่ง ที่ปภาวรินเลือกเป็นสถานที่สำหรับจัดงานแต่ง เพราะเจ้าบ่าวของเพื่อนเป็นถึงหลานชายเจ้าของที่พักนับสิบแห่งบนเกาะแห่งนี้
“แกพักที่นี่นะเอย ฉันจองให้ห้องฝั่งนู้นเดี๋ยวจะพาไป” ปภาวรินชี้ไปยังอีกห้องพักอีกหลังที่อยู่ห่างออกไปจากห้องของตัวเองทางทิศเหนือ
รีสอร์ตแห่งนี้มีที่พักทั้งหมดสิบหกหลัง ตั้งสลับกันเป็นจุดแต่ไม่เป็นแถวแนวเพราะมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงากั้นอยู่บางจุด แต่ละหลังระยะห่างกันหลายสิบเมตร แต่ยังไม่ไกลจากชายหาดเพียงไม่กี่ก้าวเดินก็ถึงน้ำทะเลเท่านั้น ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีม ขาว ในสไตล์มินิมอล ในห้องมองเห็นวิวทะเลชัดเจนแถมยังเงียบสงบและเป็นส่วนตัว
“อยู่ได้หรือเปล่าแก ถ้าไม่โอเคไปอยู่โรงแรม” เพื่อนสนิทถามด้วยความเป็นห่วงแอบรู้สึกผิดกับเพื่อนที่ต้องพักคนเดียว
“สบายมากโสดมาตั้งกี่ปี ยังอยู่คนเดียวได้เลย เดี๋ยวหิ้วผลไม้มาทานตอนดึก”
อริสราตอบติดตลกเพื่อไม่ให้ใครต้องลำบากใจที่ปล่อยให้เธออยู่ลำพัง จะให้เธอตอบว่าอย่างไรในเมื่อมันก็ต้องพักคนเดียวอยู่แล้ว เพื่อนจะมีงานแต่งพรุ่งนี้ หากเธอบอกอยู่ไม่ได้คงเป็นตัวปัญหาสำหรับเพื่อนน่าดู
“ผลไม้ไทยก็น่ากินใช่เล่นนะ บอกเลยเกาะนี้เด็ดตั้งแต่เจ้าของรีสอร์ตที่แกพักยันนักท่องเที่ยว” ปภาวรินแสดงสีหน้าแบบเดียวกับตอนที่เห็นของอร่อยบนโต๊ะอาหารยามที่หิวสุดขีด
“ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้ก็จะมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว” อริสราเอ่ยแซวเพื่อนสาวก่อนจะโบกมือให้ปภาวรินเป็นสัญญาณว่าควรไปพักผ่อนกับแฟนหนุ่มได้แล้ว
“ไม่เชื่อคอยดูพรุ่งนี้ เจ้าของรีสอร์ตเป็นญาติกับพี่วินเขาก็มางานนี้ด้วย” เมธีนีเอื้อมมือมาจับแขนเพื่อนแล้วเขย่าเบาๆ พร้อมกับร้อยยิ้มกรุ้มกริ่ม “ถ้าแกอยากสบายไปทั้งชาติอ่อยให้ได้ค่ะ”
ปภาวรินบอกเพราะคิดว่า เจ้าของรีสอร์ตที่เป็นลูกผู้พี่ของแฟนหนุ่มไม่เคยควงผู้หญิงคนไหนให้ได้เห็นเธอจึงคิดไปเองว่าเขา ‘โสด’
“พักก่อนเรื่องความรัก เจอแบบเดิมตายห่า”
อริสราไหวไหล่เบาๆ เป็นการบอกว่าเธอไม่สนใจข้อเสนอแนะของเพื่อน ฝ่ายนั้นมันเขี้ยวจนต้องเอื้อมมือมาหยิกแขนเธอ ทั้งที่อยากให้เพื่อนเจอผู้ชายดีๆ แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เพื่อนจะสนใจ
งานแต่งถูกจัดสถานที่ไว้บางส่วนตั้งแต่ช่วงเย็นของวันศุกร์ที่อริสราเดินทางมาถึง พอใกล้ค่ำเธอก็ออกมาเดินเล่นแถวชายหาดเพลินๆ หลังจากที่หลับเอาแรงเพราะการเดินทางที่แสนเหนื่อย
บริเวณงานอยู่ห่างจากที่พักราวๆ สามร้อยเมตร ดูเหมือนจะเป็นสถานที่พักอีกแห่งที่มีจุดสำหรับจัดงานเลี้ยง บรรยากาศค่อนข้างดีเพราะตรงนี้หาดทรายสวยและดูเป็นส่วนตัว
“เอย!” เมื่อเดินดูสถานที่จัดงานสำคัญของเพื่อนสาวคนสนิทอยู่ครู่หนึ่งเจ้าของงานกับแฟนหนุ่มก็ถือถุงที่มีเครื่องดื่มมากันหลายกระป๋องพร้อมกับอาหารทะเลพวกกุ้งหมึกอีกหลายกล่อง
“แต่หัววันเลยเหรอ” อริสรามองของกินหลายอย่างที่ถูกจัดแจงวางบนโต๊ะไม้สีขาว เป็นโต๊ะที่อยู่บริเวณนอกงานดูคล้ายมันตั้งอยู่ที่นี่มานานมากแล้วและถูกใช้งานบ่อยพอสมควร
“เผาหัวก่อน” ภาวิน หนุ่มรุ่นพี่ว่าที่เจ้าบ่าวเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะขณะที่นั่งแกะถุงยำและพวกส้มตำช่วยแฟนสาว
ภาวินคบกับปภาวรินตั้งแต่สมัยเรียน แต่ตอนนั้นหนุ่มรุ่นพี่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด เวลาที่เดินทางไปเที่ยวหาแฟนสาวต้องเจอกับอริสราทุกครั้ง การพูดคุยกันระหว่างแฟนของเพื่อนจึงดูสนิทสนม
“มาแปลก”
ปภาวรินเอ่ยแซวปนสงสัยมองเพื่อนสาวคนสนิทที่หย่อนตัวนั่งข้างกายมองของกินบนโต๊ะด้วยท่าทางเฉยชาราวกับคนเบื่ออาหาร ทั้งที่สมัยเรียนด้วยกันดื่มไหนเมานั่นกอดคอกันกลับหอทุกค่ำคืน
“ไม่ดื่มมาสักพักแล้ว” ตั้งแต่เรียนจบและต้องหาเงินทุกวี่วันไม่มีเวลาไปเที่ยวเลยสักครั้ง อีกอย่างเพื่อนที่เคยเที่ยวด้วยกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็แยกย้ายกันไปทำงานต่างถิ่น
“เอาหน่อยน่า มาถึงทะเลแล้ว ไม่จิบเบียร์เย็นๆ เหมือนมาไม่ถึง” หนุ่มรุ่นพี่บอกพร้อมกับหยิบกระป๋องเครื่องดื่มที่ว่านั้นมาตรงหน้าสาวรุ่นน้องซึ่งนั่งนิ่ง สีหน้าของเธอเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างราวกับเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจอย่างหนัก
“เพิ่งบ่ายสามเริ่มแล้ว เอยกลัวจะอยู่ไม่ถึงงานค่ะพี่วิน” เธอบอกพลางหัวเราะ
“งานนี้ไม่เน้นสวย เป็นเมา”
“วิน”