“วันอังคารนี่แหล่ะค่ะ เดือนขอร้องนะคะ เราสงบศึกกันสักพักได้มั้ยคะ ไม่อย่างนั้นเดือนเรียนไม่จบแน่ๆ” ด้วยความที่คิดถึงความเหนื่อยยากที่พยายามเรียนมากว่าสี่ปี เธอจึงไม่อยากพลาดงานวิจัยก่อนจบ ดังนั้นสิ่งที่เธอต้องท่องจำอย่างหนักก็คือการอดทนกับคู่ปรับในอดีตอย่างเช่นเขา
[ไม่รับปากนะ เอาเป็นว่าจะช่วยทุกอย่างที่ทำได้แล้วกัน] คำว่าไม่รับปากนี่แหล่ะคือการรับปากในแบบฉบับภวัต
“ขอบคุณค่ะ แล้วเจอกันค่ะ” แม้ว่าจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด เธอก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณเขา เพราะคนอย่างภวัตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้
หลังจากวางสายชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ มาจริงๆ สินะ เขาคงหนีเธอไม่ได้จริงๆ สิ่งที่เขาพยายามสร้างกำแพงมาตลอด มันจะพังลงหรือเปล่า การไม่ได้เจอกันนานมันทำให้เขาหวนคิดถึงเรื่องเก่าๆ เรื่องที่ทำให้เขาต้องทำตัวเป็นคู่อริกับเธอทั้งที่ใจจริงแล้ว เขาไม่เคยคิดกับเธอแบบที่เขาแสดงออกเลยสักครั้ง
“เป็นไงบ้างสาว พี่ชายฉันว่ายังไง” ภูริตาถามเพื่อนทันทีที่เจอหน้าที่คณะ
“ก็ตกลงตามแบบฉบับพี่แกน่ะแหล่ะ แล้วแกจะไปกับฉันด้วยมั้ย” เดือนแรมเอ่ยถามอย่างเซ็งๆแค่อีกสองวันเท่านั้นที่เธอต้องไปอยู่ที่รีสอร์ทของภวัต เวลาสองอาทิตย์ที่เธออยู่ที่นั่น เธอไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าจะอึดอัดแค่ไหน
“จะบ้าเหรอ แล้วงานวิจัยฉันล่ะ สู้ด้วยตัวเองเถอะเพื่อนสาว ฉันก็จะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน” ภูริตาเอ่ยออกมาด้วยความเครียดเช่นกัน รู้งี้เธอน่าจะเลือกทำเรื่องรีสอร์ทจะได้ไปพักที่รีสอร์ทของพี่ชาย แล้วเก็บข้อมูลแบบสบายๆ แต่นี่เธอกลับเลือกทำเรื่องฟาร์มออร์แกนิคส์ ซึ่งยากกว่าเรื่องของเพื่อนเธอเยอะ
“แกก็น่าจะเลือกเรื่องรีสอร์ทตั้งแต่แรก” เดือนแรมเอ่ยออกมาด้วยความสงสารเพื่อน เพราะเรื่องที่เพื่อนจะทำมันต้องการข้อมูลเชิงลึกมาก และเพื่อนของเธอก็ยังไม่สามารถหาคนที่ให้ข้อมูลที่จะเอามาทำงานวิจัยชิ้นนี้ หรือถ้าหาไม่ได้จริงๆ อาจจะต้องแจ้งอาจารย์ที่ปรึกษาเรื่องเปลี่ยนหัวข้อเลยทีเดียว
“ก็ฉันคิดว่าการทำอะไรที่มันรู้อยู่แล้วมันไม่ท้าทายไง มาตอนนี้อยากหนีจากความท้าทายของตัวเองแล้วล่ะ” ภูริตาเอ่ยออกมาหน้าเศร้า
“สู้กันต่อไปเพื่อน ฉันก็ไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง ถ้าฉันต้องไปเก็บข้อมูลจากพี่ชายแก เฮ้อ...ทำไมชีวิตมันยากขนาดนี้นะ” เดือนแรมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“สู้ๆ เพื่อน เราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ คำว่าบัณฑิตอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว” ภูริตาตบที่ไหล่ของเพื่อนอย่างซังกะตาย ไม่เหมือนกับที่บอกให้เพื่อนสู้เลยสักนิด
“แกก็ด้วยนะสู้ๆ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน” เดือนแรมเอ่ยออกมาด้วยท่าทางแบบเดียวกับเพื่อน
ชีวิตเด็กมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ไม่มีอะไรลำบากไปกว่านี้แล้ว แล้วเธอยังมีเรื่องให้กลุ้มใจอีก การที่ต้องเดินทางไปที่จังหวังทางภาคตะวันออก เพื่อจะไปหาข้อมูล เธอไม่รู้เลยว่าภวัตจะช่วยเหลือแค่ไหน ในเมื่อตั้งแต่รู้จักกันเมื่อแปดปีก่อน เขาก็ตั้งป้อมที่จะเป็นศัตรูกับเธอมาตลอด เธอได้แต่หวังว่าเวลาที่ผ่านไป มันจะทำให้เขาเปลี่ยนไป และเลิกมองเธอเป็นเป้าที่พร้อมจะกัดอยู่ตลอดเวลาแบบที่เคยเป็นมา