​​​​​​​พักบ้างก็ดี

1283 คำ
“พ่อว่าช่วงนี้พีร์ทำงานหนักเกินไปแล้วนะ” คุณธวัชชัยเอ่ยกับลูกชายคนโตที่กลับมาถึงบ้านแต่ละวันด้วยสภาพอิดโรยราวกับไปออกรบ “ผมชินแล้วครับพ่อ” พีราวัชรหรือพีร์หนุ่มโสดวัย 35 ปีที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของ TP Shopping Mall ซึ่งมีสาขาอยู่ในกรุงเทพสองแห่ง ต่างจังหวัดอีกถึงสี่แห่งและปลายปีนี้ก็จะเปิดที่เวียดนามอีกหนึ่งแห่ง “ได้ข่าวว่าช่วงนี้ห้างปรับปรุงใช่เหรอ ทำไมไม่ใช้ช่วงนี้พักผ่อนละ ไปภูเก็ตไหมล่ะ ทะเลกำลังสวยเลย” คุณประภัสสรบอกลูกชาย “ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมเพิ่งให้ตั๋วเครื่องบินกับที่พักฟรีกับลูกค้าที่เช่าพื้นที่ในห้างไป ถ้าไปเที่ยวแล้วบังเอิญเจอกันผมกลัวพวกเขาจะไม่สนุก” ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟาข้างมารดาก่อนจะยกนำที่เด็กรับใช้เอามาเสิร์ฟเพื่อดับกระหาย “พีร์คิดเหรอว่าคนพวกนั้นจะจำพีร์ได้ พีร์เคยเดินลงมาที่ห้างที่ไหนกันละ ไปถึงก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดเลยแล้วใครที่ไหนจะจำลูกแม่ได้กัน” “แต่จำไม่ได้ก็ดีเหมือนกันนะคุณ พวกสาวที่ห้างก็จะได้ไม่วุ่นวาย” “พูดถึงสาว แล้วเมื่อไหร่ลูกของแม่จะหาสะใภ้ให้แม่สักทีล่ะลูก แม่รอนานแล้วนะ” “อย่ารอเลยครับแม่ ผมยังไม่คิดเรื่องนั้น” “แต่พีร์จะสนุกไปวันๆ ไม่ได้นะ อีกหน่อยใครจะมาสืบทอดกิจการล่ะ” “ก็ลูกนายวินกับข้าวหอมไงครับแม่” เขาหมายถึงน้องชายกับน้องสาวที่ตอนนี้ทั้งสองนั้นแต่งงานไปแล้ว “พูดอย่างกับสองคนนั้นมีหลายให้แม่แล้วอย่างนั้นแหละ เฮ้อ! ไม่รู้ไปทำกรรมที่ไหนมา มีลูกกับเขาตั้งสามคนแต่ยังไม่มีหลานให้อุ้ม แม่ว่าพีร์ลองมาหาคนรู้ใจไว้บ้างก็ดีนะลูก” “แม่ครับ ผมยังไม่เคยเจอใครที่ถูกใจจนอยากจะให้มาเป็นแม่ของลูกได้เลยนะครับ” “ก็เราเอาแต่ทำงานไงล่ะ แล้วจะเจอใครที่ไหนล่ะ ลูกสาวของเพื่อนแม่ก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว” “อย่าคิดมากเลยครับแม่ เนื้อคู่ผมอาจจะยังไม่เกิดก็ได้นะครับ” “ปีนี้พีร์อายุ 35 แล้วนะ เนื้อคู่เราอาจจะเกิดแล้วและรอเราที่ไหนสักแห่งนะ” “แล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับพ่อว่าเขารออยู่ที่ไหน ไม่เห็นเขาจะเมลหรือไลน์มาบอกเลยนะครับ” พีราวัชพูดพลางหัวเราะร่วน ชายหนุ่มไม่เชื่อเรื่องความรักหรือเนื้อคู่เพราะเคยมีแฟนที่รักกันมา คบกับตั้งแต่เรียนปีสอง แต่พอเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพียงสามเดือนเธอก็แต่งงานกับนักธุรกิจชาวไต้หวันและย้ายไปอยู่กับสามีสิบกว่าปีแล้ว “อย่ามาทำเป็นตลกนะพีร์” “ก็ผมพูดจริงนี่ครับแม่” “แต่ก่อนพ่อก็คิดแบบนี้ แต่พอเจอแม่แค่ครั้งเดียวพ่อก็รู้เลยว่าแม่คือเนื้อคู่” “แล้วพ่อจะรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าแม่เป็นเนื้อคู่” “เรื่องนี้เจอกับตัวเองแล้วก็จะรู้” “แม่ละครับ รู้ได้ยังไง” เมื่อถามบิดาแล้วไม่ได้คำตอบเขาก็ถามมารดาบ้าง “สำหรับแม่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่เจอปุ๊บรู้ปั๊บหรอกนะ แม่คุยกับพ่ออยู่หลายครั้งยิ่งคุยก็รู้สึกเหมือนคนเคยที่เจอกันมานาน ทั้งที่เพิ่งได้เจอกันไม่กี่ครั้ง จังหวะหัวใจของแม่เต้นแปลกไปจากเดิม แล้วยิ่งได้อยู่ใกล้พ่อมันเหมือนกับว่ามันเต้นประสานกับจังหวะหัวใจของพ่อ” “ผมว่าพ่อกับแม่นี่ดูละครมากไปแล้วนะครับ” “เราถามแม่เองนะพีร์แม่ก็ตอบไปตามนั้นจริงไหมคะคุณ” เธอหันไปถามสามีเพื่อให้ช่วยยืนยัน “จริงจ้ะ อย่างเจ้าพีร์นี่หัวใจมันคงตายด้านไปแล้วล่ะมั้ง พ่อว่าลูกชายคนโตของบ้านนี้คงจะอยู่เป็นโสดไปจนแก่แน่ๆ” “ผมว่าพ่อกับกำลังกดดันและท้าทายผมนะครับ” “พ่อพูดตามความจริงนี้พีร์ อายุอย่างเราควรจริงจังได้แล้ว เรื่องงานก็เข้าที่เข้าทาง เหลือแค่เรื่องครอบครัวนี่แหละที่พ่อกับแม่เป็นห่วง” “ถ้าผมเจอคนที่ถูกใจผมแต่ไม่ถูกใจพ่อกับแม่ละครับ ประมาณว่าครอบครัวเราไม่เท่าเที่ยวกัน ฐานะเขาด้อยกว่า เขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอะไรทำนองนี้พ่อกับแม่จะรับได้เหรอครับ” “นาที่นีแม่ขอใครก็ได้ ที่รักลูกก็พอเรื่องอื่นไม่สนใจอยู่แล้ว” “แล้วถ้าเจอคนที่ใช่ก็รีบบอกพ่อเลยจะได้ไปสู่ขอให้นะ” “พ่อครับ จะไม่ให้เราลองคบกับหน่อยเหรอคะครับ” “จะลองคบกันให้เสียเวลาทำไมเจอก็แต่งเลยสิ แล้วค่อยมาศึกษากันทีหลังก็ได้ ดูพ่อกับแม่สิคุยกันแค่เดือนเดียวเองนะ” “มันคงไม่กี่คนหรอกครับที่จะเจอคนที่ใจตรงกัน ผมว่าพ่อกับแม่เป็นพรหมลิขิตหรือไปก็คงทำบุญร่วมกันมาแน่ๆ” “พูดถึงทำบุญ วันพรุ่งนี้บ้านน้าตุ๊กจะทำบุญเลี้ยงเพลพระพีร์ไปกับแม่หน่อยนะลูก” คุณประภัสสรยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะเพื่อนรุ่นน้องคนนี้บอกว่าจะพาหลานสาวมาแนะนำให้กับพีราวัชรู้จัก “ครับแม่” ชายหนุ่มรับคำแต่เขาก็เห็นว่ามารดาแอบยิ้ม ชายหนุ่มจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าเขาควรหาเวลาพักผ่อนบ้าง พอมารดาเดินขึ้นไปยังชั้นสองแล้วเขาก็มองหน้าบิดาที่กำลังกลั้นยิ้มอยู่เหมือนกัน “ผมว่าไม่ใช่แค่ทำบุญใช่ไหมครับ แม่ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่” “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ” “ผมเห็นแม่แอบยิ้มครับ ผมว่าพรุ่งนี้ผมไปเที่ยวดีกว่า ผมฝากพ่อบอกแม่ด้วยนะครับว่าผมอยากไปพักผ่อนสักสองสามวัน” “ไหนว่ากลัวจะเจอคนรู้จักไง” “ผมไม่ได้ไปภูเก็ตนี่ครับพ่อ ไปแค่เสม็ดเอง ไปวันธรรมดานักท่องเที่ยวไม่เยอะครับ บางทีจะได้หาสะใภ้ฝรั่งมาให้มา” “ให้มันจริงเถอะพ่อก็อยากมีหลานเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน” ธวัชชัยหัวเราะก่อนจะเดินตามภรรยาขึ้นชั้นสอง พีราวัชรกำลังจะกดโทรออกเพื่อให้เลขาจองโรงแรมแต่ เปลี่ยนใจเพราะถ้าเลขาเป็นคนจองมารดาจะต้องรู้แน่ว่าเขาหลบไปเที่ยวที่ไหน พอจองโรงแรมเสร็จเขาก็จัดของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋า ชายหนุ่มเปิดตู้เสื้อผ้าด้านริมสุดที่เป็นชุดสำหรับใส่เที่ยวทะเลซึ่งน้องสาวเคยซื้อไว้ให้ เขาเลือกแต่เสื้อเชิ้ตแขนและกางเกงผ้ายาวแค่เขากับรองเท้าแตะแบบสวมเพื่อข้ากับบรรยากาศริมทะเล จัดของเสร็จก็ขับรถไปนอนที่คอนโดเพราะกลัวว่าถ้าออกบ้านตอนเช้ามารดาจะสงสัยที่เห็นเขาถือกระเป๋าเดินทาง “ขอโทษนะครับแม่ แต่ผมอยากพักผ่อน ผมยังไม่พร้อมจะมีใครครับแม่” เขามองไปบนชั้นสองของตัวบ้านก่อนจะขับรถออกมาในเวลาเกือบเที่ยงคืน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม