วันจันทร์ที่แสนวุ่นวายภาณุวิชญ์เข้ามารับงานจากบริษัทจากนั้นก็ออกไปดูไซต์งานก่อสร้างซึ่งตอนนี้โครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรคืบหน้าไปมากแล้วเกือบ 60% ชายหนุ่มเป็นวิศวกรอยู่ในบริษัทของพี่ชาย ซึ่งเขามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมต่างๆ ส่วนพี่ชายและพี่สาวก็ทำหน้าที่บริหารอยู่ในบริษัทนานๆ ครั้งเขาถึงจะเข้ามาประชุมที่บริษัทเพราะส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ตามไซต์งานมากกว่า
วันนี้มีไซต์งานที่เขาต้องไปดูทั้งสามที่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ท้าทายที่จะต้องขับรถไปนั่นมานี่มันทำให้เขาไม่เบื่อเลยที่จะออกไปเจอผู้ คนการได้คุยกับโฟร์แมนการได้คุยกับคนงานก่อสร้างมันเป็นความสนุกอีกอย่างหนึ่งที่ได้เรียนรู้ชีวิตของเพื่อนร่วมงาน
หลังจากคุยกับโฟร์แมนคุมงานก่อสร้างแล้วภาณุวิชญ์ก็ขอตัวกลับแต่เมื่อเดินมาถึงรถก็มันขึ้นได้ว่ามีบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกกับหัวหน้าคนงานชายหนุ่มจะกลับเข้าไปงานอีกครั้ง
เพราะคิดว่าจะคุยไม่นานภาณุวิชญ์จึงไม่ได้สวมหมวกนิรภัยและมันเป็นจังหวะที่เศษไม้ชิ้นหนึ่งร่วงลงมาทำให้กระแทกกับศีรษะของเขาอย่างจัง
“โอ๊ย....” เขากุมศีรษะแน่นและรู้สึกถึงของเหลวเหนียวๆที่ไหลเต็มมือไปหมด
“คุณณุเป็นอะไรหรือเปล่า” คนงานก่อสร้างที่อยู่บริเวณนั้นรีบวิ่งมาดูอย่างรวดเร็ว
“ไม่รู้อะไรหล่นใส่หัวผมน่ะ”
“มือคุณณุมีแต่เลือดผมว่ารีบไปโรงพยาบาลดีกว่า เดี๋ยวผมพาไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เองเดี๋ยวผมไปโรงพยาบาลเองได้ ยังไงฝากบอกหัวหน้าคนงานด้วยนะว่าพรุ่งนี้ใส่สายๆ ให้โทรหาผมหน่อย”
“ได้ครับคุณณุว่าแต่คุณไปเองได้แน่นะครับให้ผมขับรถไปส่งดีกว่าไหม” คนงานถามด้วยความเป็นห่วง
ภาณุวิชญ์รีบเดินกลับมาที่รถและขับรถไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับโครงการก่อสร้างมากที่สุด เมื่อมาถึงรีบตรงไปบริเวณห้องฉุกเฉินทันที
“คนไข้เป็นอะไรมาคะ” พยาบาลรีบเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเดินตรงเข้ามา
“ผมไม่แน่ใจว่าอะไรหล่นใส่หัวครับ” ชายหนุ่มบอกกับพยาบาลแล้วหันให้เธอดูศีรษะของเขา
“ถ้างั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ” พยาบาลรีบพาเขาเข้าไปในห้องฉุกเฉินจากนั้นก็เรียกหมอมาตรวจดูแผลแล้วหมอก็สั่งให้พยาบาลทำความสะอาดบาดแผลเพราะเดี๋ยวเขาจ้เป็นคนมาเย็บให้
ระหว่างนั้นก็มีพยาบาลอีกคนมาซักประวัติซึ่งภาณุวิชญ์เป็นคนไข้ประจำของที่นี่อยู่แล้วบอกแค่ชื่อกับนามสกุลทุกอย่างก็เลยง่ายไปหมด
“คุณต้องตัดผมบริเวณนี้ออกนิดหนึ่งนะคะ คุณหมอจะได้เย็บสะดวก”
“อะไรนะ ผมต้องตัดผมด้วยเหรอ”
“ค่ะถ้าไม่ตัดมันก็จะเย็บแผลไม่ได้”
“ไม่ตัดได้ไหม” ภาณุวิชญ์กลัวว่าผมของตัวเองจะแหว่งเพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงงานเลี้ยงที่โรงเรียนเก่าเขาต้องไปเจอเพื่อนและจะไม่ยอมให้พยาบาลตัดผมของเขาออกแน่
“แต่ถ้าไม่ตัดหมอก็จะเย็บแผลไม่ได้หรือถ้าเย็บได้แต่แผลของคุณก็อาจจะไม่สวยหรือไม่ก็อาจจะสกปรกจนติดเชื้อได้นะคะ”
“มันต้องมีวิธีอื่นสิ” เขาก็ยังคงเถียงต่อ
“คุณคะในห้องฉุกเฉินไม่ใช่มีคุณแค่คนเดียวที่เป็นคนไข้นะคะถ้าคุณไม่ให้ฉันทำความสะอาดแผลแล้วถ้าเกิดมีคนไข้คนอื่นเข้ามาและหมอเขาไปดูคนไข้คนอื่นคุณจะมาโวยวายว่าเราลัดคิวไม่ได้นะคะ” พยาบาลพยายามอธิบายอย่างใจเย็นที่สุดแต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่เข้าใจอะไรเลย
“มีอะไรหรือเปล่าจอย”
“ก็คุณคนนี้ไม่ยอมให้จอยตัดผมค่ะ พี่ป่าน”
“ไม่เป็นไรจ้ะเดี๋ยวพี่คุยกับเขาเอง จอยไปรับคนไข้เด็กคนนั้นน่ะ รู้สึกว่าจะโดนหมากัดมานะ”
“ได้ค่ะพี่ป่าน” เมื่อจอยหรือวรางคณาเดินออกไปแล้ว ปราญติญาก็เดินมาหาคนไข้
“ทำไมถึงไม่อยากตัดผมออกเหรอคะ” หญิงสาวถาม
“ถ้าตัดออกมันคงตลกมาก”
“เพื่อแลกกับการรักษาฉันว่าตัดออกนิดเดียวไม่เป็นอะไรหรอกนะคะ”
“แต่มันต้องน่าเกลียดมากๆ และผมจะไม่ยอมเด็ดขาด”
“คุณกลัวไม่หล่อใช่ไหม”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ฉันว่าคุณเป็นคนที่หน้าตาดีมากๆ คนหนึ่งนะคะ”
“ผมรู้ว่าผมหล่อ” เขาตอบพลางยักไหล่
“ถ้างั้นก็มั่นใจหน่อยสิ เพราะคนที่หน้าตาหล่ออยู่แล้วไม่ว่าทรงผมจะเป็นยังไงก็ยังหล่อเหมือนเดิมนอกเสียจากว่าคุณไม่มั่นใจว่าคุณหล่อที่หน้าตา คุณไม่เห็นต้องแคร์อะไรเลย คนที่มองหน้าคุณเขาก็คงไม่สนใจผมคุณมากเท่าไหร่หรอกถ้าหากคุณมั่นใจในใบหน้าของตัวเองแล้วก็ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น” หญิงสาวพูดย้ำเพื่อให้เขารีบตัดสินใจเพราะ
“มันจะไม่น่าเกลียดใช่ไหม”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าคุณยอมให้ฉันตัดผมออกฉันจะตัดออกแค่พอให้คุณหมอเย็บสะดวกจากนั้นคุณพอแผลหายคุณก็ไปให้ช่างเขาเล็มผมให้มันเท่ากันแค่นั้นเอง” ปราญติญาอธิบาย
“คุณตัดออกนิดเดียวแน่นะ”
“ค่ะ ตัดออกแค่นิดเดียว ตกลงให้ฉันตัดนะ”
“ก็ได้” เขาอนุญาตให้หญิงสาวตัดผมเพราะรู้สึกว่าตอนนี้เริ่มจะเจ็บแผลมากๆ
อีกอย่างถ้าหากเขาไปให้ช่างทำผมจัดแต่งทรงดีๆ มันก็คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่
เมื่อหญิงสาวเตรียมอุปกรณ์และเดินตัดผมใกล้ๆ ภาณุวิชญ์ก็รู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวมาก มันเหมือนกับกลิ่นของผู้หญิงที่นอนกับเขาเมื่อคืนก่อนชายหนุ่มมองหน้าเธออย่างใช้ความคิดและจนกระทั่งหญิงสาวตัดผมเสร็จและเรียกให้หมอมาทำการเย็บแผลเขาก็ยังคงมองเธออยู่แบบนั้น
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” หญิงสาวปิดแผลให้เขาด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ
“ผมต้องมาทำแผลที่นี่ทุกวันไหม”
“ไม่ค่ะ คุณหมอนัดมาดูแผลและตัดไหมอีกเจ็ดวันค่ะ แต่ถ้าระหว่างนี้มีเลือดซึมก็รีบกลับมาที่โรงพยาบาลได้ค่ะ”
“ผมต้องไปไหนต่อครับ”
“ชำระเงินที่ฝ่ายการเงินและรับยาจากนั้นก็กลับบ้านได้ค่ะ”หญิงสาวบอกกับเขาจากนั้นเธอก็เดินไปทำงานของตัวเองต่อ
ภาณุวิชญ์มองตามแล้วยิ้มที่มุมปากเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะใช่ผู้หญิงคนเดียวกับที่เขาเจอในคืนนั้นเพราะเขาชายหนุ่มจำกลิ่นน้ำหอมและเสียงของเธอได้ถึงแม้ว่าวันนี้เธอจะไม่แต่งหน้าแต่เขาก็สังเกตว่าหญิงสาวมีลักยิ้มที่มุมปากแต่ก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่เพราะท่าทางของเธอในวันนี้เรียบร้อยมาก