และวันที่เป็นกังวลก็มาถึงวันนี้เป็นวันที่โรงเรียนเก่าของปราญติญาจะจัดเลี้ยงซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหกโมงเย็นแต่เธอและพรชนกก็เดินทางกลับมาบ้านตั้งแต่เช้า
ปราญติญาแวะส่งพรชนกที่บ้านและนัดเจอกันในเวลา 17:45 น. เพราะบ้านของพวกเธอนั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเมื่อส่งเพื่อนเสร็จแล้วหญิงสาวก็ขับรถกลับไปที่บ้านของตนเอง
“สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่” หญิงสาวยกมือไหว้บิดามารดาที่นั่งรอเธออยู่ที่ระเบียงบ้าน
“สวัสดีจ้ะลูก กินข้าวมาหรือยัง”
“ป่านกินข้าวมาแล้วค่ะแม่ วันนี้แปลกจังที่พ่อไม่เข้าสวน”
“ก็พ่อรอเจอป่านก่อนไงล่ะ ขับรถมาเหนื่อยไหม”
“ไม่เลยค่ะ พ่อกับแม่สบายดีมั้ยคะ”
“สบายดีจ้ะ แต่แม่ว่าป่านผอมลงหรือเปล่าลูกยังจะลดความอ้วนอีกเหรอ”
“เปล่านะคะแม่ป่านก็น้ำหนักเท่าเดิมเลย”
“แม่คงติดภาพตอนที่ป่านเรียนม.ปลายมากไปหน่อย พอเห็นป่านผอมแม่ก็ไม่ค่อยชินตา”
“พ่อก็ว่าตอนนี้ลูกสาวของพ่อสวยกว่าตอนเรียนมากไม่รู้ว่าตอนนี้มีหนุ่มมาจีบบ้างหรือเปล่า” คุณอาคมถามเพื่อหยั่งเชิงเพราะถ้าหากปราญติญายังไม่มีแฟนเขาจะติดต่อลูกชายของเพื่อนให้กับลูกสาว
“ป่านมีแฟนแล้วค่ะและก็เพิ่งจะเลิกกันได้ไม่กี่วันพ่ออย่าพยายามหาใครมาแนะนำให้ป่านรู้จักเลยนะคะตอนนี้ป่านยังเจ็บอยู่และยังไม่พร้อมจะมีใคร” หญิงสาวรีบพูดดักคอผู้เป็นบิดาเรื่องที่เธอพูดก็เป็นเรื่องจริงที่เพิ่งเลิกกับแฟนแต่เรื่องที่เจ็บนั้นไม่ใช่เรื่องจริงเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เลิกกับรัฐภูมิแต่กลับรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่รู้นิสัยของเขาก่อนที่ตนเองจะถลำลึกมากไปกว่านี้
“แล้วเมื่อไหร่ลูกสาวพ่อจะมีแฟนล่ะ”
“คุณคะตอนนี้ลูกสาวของแล้วอายุยังน้อยอยู่เลยจะให้รีบมีแฟนไปทำไมล่ะ” คุณปัทมาภรณ์หันไปคุยกับสามี
“ใช่ค่ะตอนนี้ปานอายุยังไม่ถึงยี่สิบห้าเลย ป่านว่ารอให้พี่ป้องแต่งงานก่อนดีกว่านะคะ พ่ออย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องของป่านเลย” หญิงสาวรีบโยนเรื่องนี้ไปทางพี่ชายซึ่งตอนนี้อายุก็เกือบจะ 30 ปีแล้วแต่ยังไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะแต่งงาน
“ก็พี่เขาเป็นผู้ชายแต่งงานอายุมากหน่อยก็ไม่มีปัญหาหรอกแต่ผู้หญิงน่ะพออายุมากขึ้นก็จะหาแฟนยาก”
“ถ้าหาแฟนยากก็ไม่ต้องหาสิคะพ่อ อยู่แบบนี้สบายดีออกแม่ว่าจริงไหมคะ”
“แม่เห็นด้วยกับป่านนะลูกถ้าหาแฟนได้ไม่ดีพอหามาแล้วทำให้เราลำบากหรือมีปัญหาในชีวิตมากขึ้นแม่ว่าอยู่เป็นโสดก็ดีเหมือนกันนะ”
“ขอบคุณแม่มากๆ นะคะที่เข้าใจป่าน”
“เอาล่ะลูกขับรถมาเหนื่อยๆ พักผ่อนก่อนไหมแล้วเย็นนี้ยังจะต้องไปงานที่โรงเรียนอีก”
“ถ้างั้นป่านขอเข้าไปในห้องนอนก่อนนะคะ”
“ได้เลยจ้ะ แม่ให้คนทำความสะอาดไว้แล้ว แต่อย่าลืมออกมากินข้าวกลางวันนะ หนูอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ป่านกินอะไรก็ได้ค่ะ ฝีมือแม่อร่อยทุกอย่างเลย” หญิงสาวกอดมารดาอย่างประจบก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
เธอเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบหนังสืออนุสรณ์ตอนที่ตัวเองเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกออกมาเปิดดู เธอเปิดไปยังห้องของตัวเองและทบทวนชื่อเพื่อนอีกทั้งเปรียบเทียบใบหน้าปัจจุบันกับใบหน้าในอดีตแล้วก็ยิ้มเพราะเพื่อนบางคนก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ทุกคนดูดีขึ้นสวยขึ้นซึ่งก็ไม่รู้ว่ารูปที่เห็นในโซเชียลกับตัวจริงจะต่างกันมาน้อยแค่ไหน
เพื่อนบางคนก็ไม่มีคอนแท็คในโลกโซเชียลหญิงสาวจึงไม่รู้ว่าผู้ชายคนที่เธอนอนด้วยนั้นเป็นเพื่อนของเธออย่างที่เป็นกังวลไหม
ในห้องของเธอมีผู้ชายทั้งหมดประมาณสิบห้าคนคนแต่ละคนเธอก็จำชื่อไม่ค่อยได้เท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้สุงสิงกับเพื่อนผู้ชายเนื่องจากพวกนั้นชอบเรียกเธอว่ายัยอ้วนบ้างยัยเหยินบ้างหญิงสาวจึงไม่ค่อยเข้าใกล้และน้อยครั้งมากที่จะพูดคุยกับเพื่อนผู้ชายเหล่านั้น
เมื่อถึงเวลาเที่ยงปราญติญาก็ออกจากห้องมารับประทานอาหารกลางวันกับบิดามารดาและพี่ชายก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองในตอนบ่ายอีกครั้ง
ส่วนเธอก็รอเวลาที่จะไปร่วมงานเลี้ยงที่โรงเรียนซึ่งพี่ชายและมารดาของเธอก็เป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ด้วย
“ป่านจะไม่ไปพร้อมพี่เหรอ”
“ป่านต้องไปรับบุ๋มที่บ้านค่ะ พี่ป้องกับแม่รีบไปก่อนเถอะเพราะป่านเป็นแขกนะคะไม่ได้เป็นเจ้าภาพเหมือนพี่กับแม่”
“งานเลิกแล้วจะไปต่อที่ไหนกับหรือเปล่าลูก”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะคงต้องถามเพื่อนก่อน”
“ถ้าจะกลับดึกก็เอากุญแจบ้านไปด้วยเพราะถ้าเกิดกลับมาแล้วคนในบ้านหลับกันหมดจะได้ไม่ต้องนอนในรถ”
“ค่ะแม่” หญิงสาวเดินไปหยิบกุญแจสำรองลงกระเป๋าแล้วเดินมาส่งพี่ชายกับมารดาขึ้นรถก่อนที่ตัวเองจะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวและขับรถออกจากบ้านเพื่อตรงไปยังบ้านของพรชนกที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
เมื่อไปถึงพรชนกก็แต่งตัวรออยู่ก่อนแล้ว”
“โอ้โหวันนี้บุ๋มสวยมากๆ เลย” ปราญติญาชมเพื่อนเพื่อนที่แต่งตัวด้วยเสื้อแขนกุดสีฟ้าสดใสซึ่งเป็นสีประจำของโรงเรียน
“ป่านก็สวยเหมือนกันใส่กางเกงยีนแบบนี้ดูขาเรียวมากๆ แต่บุ๋มว่าเสื้อทันธรรมดาไปหน่อยไหม บุ๋มว่าเปลี่ยนเป็นเสื้อปาดไหล่ดีไหมจะได้ดูเซ็กซี่หน่อยเดี๋ยวบุ๋มเอาให้นะ”
พรชนกรีบเข้าไปหยิบเสื้อปาดไหล่สีฟ้ารัดรูปออกมาให้กับเพื่อน
“เปลี่ยนเลยป่านเสื้อตัวนี้ป่านใส่ต้องสวยมากแน่”
“ขอบใจนะบุ๋ม” ปราญติญาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำเธอมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้ม เสื้อตัวนี้ใส่แล้วสวยอย่างที่เพื่อนพูดจริงๆ
“สวยมากเลยป่าน คืนนี้พวกที่มันชอบว่าป่านใช้แอพแต่งรูปจะได้เห็นกันสักทีว่าป่านตัวจริงสวยมากกว่าในรูปตั้งเยอะ”
พรชนกพูดด้วยความแค้นเพราะเธอเห็นเป็นเพื่อนหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเวลาที่ปราญติญาลงรูปว่าเป็นการแต่งรูปจนทำให้เพื่อนของเธอขาดความมั่นใจและช่วงหลังมานี้ปราญติญาแทบจะไม่โพสต์รูปของตัวเองลงโซเชียลเลยเพราะเบื่อกับคำพูดพวกนั้น
“เราจะไปกันเลยไหมล่ะนี่มันก็ใกล้หกแล้วนะ”
“ออกจากบ้านสักหกโมงครึ่งดีกว่านั่งดูทีวีกันก่อนแล้วค่อยไป”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ถ้าไปถึงก่อนเราก็จะไม่เด่นสิป่าน”
“แต่ป่านไม่อยากเด่นนะ”
“เอาเถอะน่าป่านเชื่อบุ๋มเถอะ”
ทั้งสองคนนั่งเล่นมือถือดูทีวีกันจนถึงเวลาหกโมงครึ่งปราญติญาก็ขับรถพาพรชนกมายังโรงเรียนที่พวกเธอเคยเรียนอยู่ซึ่งตอนนี้มีศิษย์เก่ามาร่วมงานกันอย่างมากมายทำให้พวกเธอต้องจอดรถไกลจากโรงเรียนมาก
“ถ้ารู้ว่ามาช้าแล้วจอดรถไกลแบบนี้บุ๋มคงรีบมา”
“เป็นไงล่ะบอกแล้วไม่เชื่อแล้วเดินไหวไหมบุ๋มให้ป่านวนไปส่งหน้าโรงเรียนกาอนไหม” ปราญติญาถามด้วยความเป็นห่วงเพราะวันนี้พรชนกใส่รองเท้าส้นสูงเธอก็กลัวว่าเพื่อนจะเดินไม่ไหว
“ไหวสิ”
เมื่อเดินเข้าไปในงานทั้งสองก็เป็นจุดสนใจของใครหลายๆ คน ทั้งสองไปสวัสดีทักทายอาจารย์ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะของเพื่อนซึ่งตอนนี้ทั้งกลุ่มก็รอแค่พรชนกกับปราญติญาเท่านั้น