บทที่ 1 สืบความจวนศัตรู

2213 คำ
@กำแพงข้างจวนตระกูลเหลียง ภายใต้คนชุดดำตัวเล็กที่สูงแค่เลยเอวของผู้ใหญ่วิ่งหลุน ๆ เข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ มุมอับที่เหล่าทหารและคนรับใช้ต่างไม่มาตรวจสอบที่ตรงนี้ ใช่แล้วภายใต้ผ้าปิดหน้าสีดำนั้น จะเป็นใครอื่นไปได้อีกนอกเสียจากเจ้าของร้านปี้เหยาสุดแสบ ทั้งสองอย่างปี้ถังและอินเหยา ขณะที่กำลังตรวจดูลู่ทางในการลอบเข้าไปยังเรือนหลัก ทั้งสองคนไม่คาดคิดว่าจะมีใครบางคนที่ติดตามพวกนางมาด้วย จนเมื่อได้ยินเสียงร้องให้ช่วย “พี่ใหญ่...ข้า...ข้าเข้าไม่ได้ติดพุง” ฟู่อินเหยาหันขวับพร้อมกับปี้ถัง แล้วทั้งคู่ต้องเอามือกุมศีรษะเพราะว่าตัวป่วนทั้งสองกำลังสร้างเรื่องให้นางแล้ว “อินจ้าน...อินจื้อเจ้ามาได้อย่างไร” อินเหยาเข้าไปหาน้องชายพร้อมกับโวยวาย จนอยากจะหาไม้หวายมาหวดก้นสักทีสองทีให้สมกับความสอดรู้สอดเห็นนัก “โธ่...พี่ใหญ่ ใช่เวลามาถามหรือไม่ ยังไม่ช่วยข้าอีก” อินจื้อผู้กินอาหารที่พี่ใหญ่ทำให้มากจนพุงอวบ ๆ ของเขาเป็นอุปสรรคในการมุดช่องแคบ ๆ แต่กับทุกคนนั้นไม่มีปัญหาอะไร แม้จะรู้สึกอายนิด ๆ แต่ทว่าของอร่อยตรงหน้าไม่กินได้อย่างไร ฟู่อินเหยากลัวจะมีคนเห็นเสียก่อน จึงช่วยกันกับปี้ถังดึงแขนของเขาคนละข้าง แล้วให้อินจ้านช่วยลากตรงคอ ให้ออกจากช่องแคบนั้น “เจ้าอ้วนแขม่วพุง” อินจ้านยืนกำกับน้องชายฝาแฝดตัวเอง ทั้งรู้สึกว่าเจ้านี่เป็นภาระตลอด วันนี้พวกเขาเห็นพี่ใหญ่ กับพี่ปี้ถังทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เขาจึงแต่งตัวชุดดำเช่นเดียวกับพี่สาวทั้งสองตามออกมาด้วย เนื่องจากเป็นลูกชายท่านแม่ทัพ ต้องได้รับการฝึกฝนทำให้ทั้งสองเริ่มเป็นวรยุทธแบบเด็ก ๆ ส่วนพี่สาวของพวกเขานั้นก้าวหน้าแล้ว เพราะท่านพ่อฝึกให้เองกับมือ กลัวผู้อื่นจะมารังแกลูกสาว แต่พวกเขาเหมือนลูกชัง ทั้งที่เป็นบุตรชายที่น่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ นอกจากจะโดนท่านพ่อขโมยท่านแม่ไปกอดคนเดียวแล้ว ยังไม่คิดสอนพวกเขาจริงจัง ให้พี่เฉินไหลสอนคล้ายไม่ใส่ใจ จนพวกเขาต้องพยายาม...ใช่พยายามกินให้อ้วนท้วนบิดาถึงจะเข้มงวดขึ้น แต่อินจื้อคิดผิด ยิ่งกินเขาก็ยิ่งพุงป่อง ท่านแม่กลับหลงรักบอกว่าเห็นใบหน้าเขาแล้วทำให้ท่านแม่มีความสุข ส่วนอินจ้านไม่คิดประชดประชันวิธีโง่ ๆ เช่นนั้นต่อให้ชื่อของเขาแปลว่าร่ำรวยด้วยวรยุทธ แต่เขาก็มีปัญญาเช่นกัน ไม่โง่เขลาเหมือนอินจื้อ ที่ชื่อแปลว่าร่ำรวยปัญญาแต่สมองมีแต่น้ำจนเป็นภาระพวกพี่ ๆ “ข้าแขม่วเต็มที่แล้ว...อื้อ” ฮึบ! อินจื้อไม่ใช่ไม่แขม่วพุง แต่ทว่าเขาพยายามทำตัวให้ผอมแล้ว แต่มันได้แค่นี้จริง ๆ ปี้ถังกับอินเหยาสองคนร่วมแรงกันกว่าหนึ่งเค่อ จนดึงเจ้าน้องชายอ้วนออกมาได้ “เห้อ...ออกสักที” ทั้งสองคนนั่งปาดเหงื่อ แต่คนต้นเหตุกลับปัดเสื้อผ้าทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนน่าหมั่นไส้นัก “ไปกันเถอะพี่เหยา” อินจื้อสีหน้ามึนไม่นึกถึงเรื่องที่ก่อเอาไว้ ทั้งชักชวนพี่สาวเข้าไปทำธุระด้านในตระกูลเหลียงให้เสร็จ จะได้กลับไปนอน “เจ้าสองคนพี่น้องนี่นะ ข้าอยากจะจับตีก้น ตามมาทำไมกัน รู้หรือไม่โดนจับได้ท่านพ่อจะเอาหน้าไว้ที่ใด” ก่อนไปอินเหยาเริ่มสั่งสอนน้องชายตัวป่วนของนาง ดีที่หลิงหยวนไม่อยู่ ไปนอกเมืองกับท่านแม่ นางจึงรอดตัวไป หากมาอีกคนแผนการเข้าไปสืบความในจวนตระกูลเหลียงเป็นอันต้องพับเป็นแน่ “พี่อินเหยา ท่านลืมคำพูดตัวเองได้ยังไง ไม่ใช่ว่าท่านเคยสั่งสอนพวกเราหรือ” อินเหยาพยายามนึก...แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่า นางเคยสั่งสอนเจ้าพวกเด็กแสบนี้ว่าอย่างไร “อย่าคิดนานให้อินจื้อผู้ชาญฉลาดบอกท่านเถอะ ท่านเคยกล่าวว่า คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนวุ่นวาย สี่คนแสนสบาย!” อินจื้อเด็กชายวัยห้าหนาวที่ช่างจดช่างจำกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ แต่ว่ามันทำให้คนเป็นพี่สาวอย่างอินเหยาปวดกบาล “เรื่องดี ๆ ไม่เคยจำ!” อินเหยาพูดแค่นั้น แล้วก็พากันลอบเข้าไปในเรือนหลัก โดยผ่านใต้เรือนต่าง ๆ เป็นช่องทางไป โดยที่สองจิ๋วน้องชายวิ่งสบาย ๆ ส่วนนางกับปี้ถังโตขึ้นแล้วต้องก้มลงแล้วค่อย ๆ วิ่งไป และในที่สุดก็ถึงเรือนที่เป็นจุดหมาย เรือนกลางสกุลเหลียง... ฟู่อินเหยากับน้อง ๆ หมอบอยู่ใต้เรือน สายตาเพ่งไปยังแผ่นกระดานที่เป็นรอยแยกเพียงแค่หรี่ตามองเห็นด้านบนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แล้วก็เป็นชายผู้ที่นางกาหัวเอาไว้ว่าเป็นศัตรูของนาง “จื่อเพ่ย เจ้าก็วัย 15 หนาวแล้ว มีสตรีใดที่ชอบพอหรือไม่ บิดาเจ้าจะได้ทาบทามเอาไว้แต่เนิ่น ๆ เมื่อเจ้าอายุครบยี่สิบปีจะได้จัดงานแต่งงาน” เสนาบดีเหลียงบิดาของ เหลียงจื่อเพ่ยถามบุตรชาย ที่ยามนี้สอบเคอจวี่รอบที่สองผ่านแล้ว เหลือรอบสุดท้ายคือจิ้นซื่อโดยจะจัดสอบคืออีกสามปี และคิดว่าบุตรชายที่ฉลาดและเก่งกาจรอบด้านอย่างเหลียงจื่อเพ่ยย่อมไม่พลาดแน่นอน “ข้ายังไม่มีผู้ใดพึงใจขอรับท่านพ่อ” เหลียงจื่อเพ่ยที่เปลี่ยนไปจากห้าปีก่อน คำตอบของเขาทำให้ฟู่อินเหยาสัมผัสได้ว่าเหมือนไม่ใช่เหลียงจื่อเพ่ยคนเดิม เขาดูเลือดเย็นและอำมหิตขึ้น จนนางไม่แปลกใจว่าทรมานนางร้ายผู้มีใบหน้างดงามอย่างนางจนสิ้นชีพได้อย่างไร “บุตรสาวท่านแม่ทัพฟู่เล่าเจ้าคิดเห็นประการใด บอกแม่มาเถิด” หงอิงเพ่ยผู้เป็นมารดาค่อนข้างพึงใจในสตรีตระกูลฟู่ แม้ว่าจะไม่ลงรอยกับผู้เป็นท่านย่า มีศักดิ์เป็นญาติห่าง ๆ ของนาง แต่ยศศักดิ์ของท่านแม่ทัพฟู่ยังเป็นที่เกรงใจถึงสามส่วน แม้ว่าตำแหน่งเสนาบดีเหลียงจะอยู่ใต้เพียงคนเดียว อยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าก็ตาม “หึ!” เขาไม่พูดสิ่งใดเพียงแค่หัวเราะในลำคอมาหนึ่งคำ ทำให้ฟู่อินเหยาเดาใจเจ้าพระเอกของเรื่องได้ยากยิ่งนัก แต่นางก็ใจเย็นพอที่จะรอคำพูดของเขาออกจากปาก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ยินสักคำ ‘เก็บความลับเก่งไปหรือไม่’ หงอิงเพ่ยเห็นสีหน้าบุตรชายแล้วก็คงต้องพับแผนการเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลฟู่ออกไปเสีย จากนั้นจึงถามถึงอีกคนที่ยามนี้นางมองออกว่ากำลังพึงพอใจในตัวบุตรชาย และให้บ่าวรับใช้สืบทราบมาว่า บุตรชายของตนไม่มีท่าทีปฏิเสธ ทำให้นางเอ่ยถามเพื่อหยั่งเชิงบุตรชายคนเดียวของตน “ท่านหญิงชิงหนิงเล่า เจ้าคิดเช่นไร” ฟู่อินเหยาที่ฟังอยู่ด้านล่างก็รู้สึกยิ้มดีใจ นางอยากให้เหลียงจื่อเพ่ยพบรักกับสตรีอื่นไปเลย อย่าได้ยุ่งกับตระกูลฟู่ของนางอีก เช่นนั้นจะเป็นการดีไม่น้อย “นางก็น่ารักดี” “แค่น่ารักหรือ” หงอิงเพ่ยเค้นถาม ทั้งสังเกตสีหน้าบุตรชายไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะไร้คำตอบอื่น เพียงแค่น่ารักอย่างเดียว สองสามีภรรยาจึงเลิกซักไซ้แล้วให้บุตรชายกลับห้องไปพักผ่อน สี่ผู้บุกรุกที่รอฟังอยู่ในเรือน ได้ยินชัดเจนหมดแล้ว นั่นทำให้ฟู่อินเหยาต้องทำบางประการ ในเมื่อวาสนาบุพเพเทพแห่งจันทราเป็นคนกำหนด แต่เรื่องนี้นางจะเป็นผู้กำหนดเสียเอง ดูสิว่าใครจะแม่นยำกว่ากัน เมื่อเข้าไปสืบความในจวนตระกูลเหลียงแล้ว เหล่าสี่พี่น้องก็กลับมาถึงหน้าประตูจวนตระกูลฟู่ ที่เป็นเรือนพระราชทาน แต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นสายตาอีกคู่ที่ยืนกอดอกมองมายังสี่คนที่แอบไปทำเรื่องบางอย่างไม่บอกตน “พี่ใหญ่...พวกท่านไปที่ใดกันมาเจ้าคะ” ฟู่หลิงหยวนที่ติดตามท่านแม่ออกไปนอกเมือง กว่าจะกลับถึงจวนก็ค่ำมืดดึกดื่น แต่เมื่อกลับมาถึง พี่ใหญ่ พี่ปี้ถัง และน้องชายฝาแฝดหายกันไปหมด จนนางรู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองพลาดเรื่องสำคัญบางอย่างไป อินจ้านรีบหลบไปด้านหลังพี่ใหญ่ ทำทีมองดาวมองพระจันทร์ไปเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจพี่สามเลยสักนิด เพราะพวกเขาบุกรุกเรือนผู้อื่นจะให้พูดได้อย่างไร “น้องห้า...เจ้าตอบ” “ข้าก็แค่ออกไปหาของอร่อยกินอย่างไรเล่าพี่สาม ท่านคิดมาก” อินจื้อผู้ไหลยิ่งกว่าน้ำตอบโดยไม่อายปากว่าตัวเองจะโกหกพี่สาวหรือไม่ แต่แล้วอย่างไร พี่ใหญ่ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ พวกเขาจะหักหลังพี่ใหญ่ได้อย่างไร ในเมื่อเค้นน้องทั้งสองไม่ได้ หลิงหยวนก็หันมาหาพี่สาว ที่นับวันจะห่างเหินกับนางเกินไปแล้ว มักชอบให้นางเกาะติดท่านแม่ ออกงานก็ให้นางไปลำพัง แต่พี่ใหญ่ไม่เคยออกงานที่ใดเลยสักงาน ยกเว้นงานชมดอกไม้ที่ฝ่าบาทจัดขึ้น และระบุว่าพี่ใหญ่ต้องไปด้วยตนเอง “เจ้าอย่าคิดมาก ก็แค่...ไปดูว่าที่น้องเขยของข้าเท่านั้น ไปเถอะปี้ถัง” ตอบน้องสาวเสร็จก็ชักชวนปี้ถังเข้าบ้าน ส่วนสองแฝดเมื่อได้ยินพี่สาวพูดดังนั้นก็รีบเข้าไปในบ้านทันที แต่อินจื้อกลับโดนพี่สามหิ้วคอเสื้อเอาไว้ “ผู้ใดคือน้องเขย” หลิงหยวนยังไม่กระจ่าง นางไม่ยอมนอนแน่ “ก็สามีท่านในอนาคตกระมัง เพราะพวกเราเป็นบุรุษ มีแค่ท่านเป็นสตรี” ขาสั้น ๆ ป้อม ๆ ของอินจื้อแกว่งไปมาเพื่อต้องการให้พี่สาวเลิกหิ้วคอเสื้อเขา แต่พี่สามไม่ยอม แต่มีหรือคนอย่างอินจื้อจะจับได้ไล่ทัน เห็นเขาพุงหมู ๆ แบบนี้ก็ว่องไวเช่นกัน เด็กชายตัวน้อยใช้เท้าข้างหนึ่งถีบประตูยันตัวออก จากนั้นก็หลุดจากการหิ้วของพี่สาม แล้วเขาก็วิ่งหลุน ๆ เข้าไป ทั้งหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาให้พี่สามอีกคน แบร่!!! บอกเลยว่ากระจอกมาก จับเขาได้ที่ไหนกันเล่า หลิงหยวนเสียรู้เจ้าน้องชายก็นึกเจ็บใจ แต่นางต้องรู้ให้ได้ว่าพี่ใหญ่กำลังทำอะไร นางอายุแปดหนาวแล้วย่อมรู้ความ เรื่องน้องเขยอะไรนั่นนางต้องรู้ให้ได้ @ อารามหยุคโหลว อินเหยาและเหล่าน้องชายฝาแฝดผู้ร่วมชะตาของนางหยุดยืนอยู่หน้าอาราม อารามนี้เป็นอารามที่ได้ชื่อว่าเป็นอารามแห่งการขอความรัก เพราะมีเทพเจ้าหยุคโหลวหรือผู้เฒ่าจันทราโดยคนที่มาขอความรัก จะนำวันเดือนปีเกิดของตนเองและคนที่ตนรักมาผูกกับด้ายแดง แล้วนำไปผูกบนเชือกที่เป็นตัวแทนด้ายแดง เสริมดวงความรัก และนางเตรียมมาแล้ว วันเดือนปีเกิดเวลาตกฟากของทั้งเหลียงจื่อเพ่ย และท่านหญิงชิงหนิง... “พี่ใหญ่ท่านว่าจะสำเร็จหรือ” อินจ้านไม่แน่ใจนัก แต่ก็คิดจะมาทำให้พี่ใหญ่สมความปรารถนา เขาทั้งคู่ถูกพี่ใหญ่อุ้มชูมา เนื่องจากบิดามีใจรักภรรยาลึกซึ้งชอบแย่งมารดาของเขาไปกักขังไว้ผู้เดียว ทิ้งให้บุตรชายฝาแฝดแสนน่าสงสารขาดความอบอุ่น ใบหน้าอินจื้อมุ่งมั่น และนี่จะเป็นการร่วมเป็นร่วมตายครั้งสำคัญ “แน่ใจสิ ข้าสืบมาแล้ววันนี้ ฮูหยินเหลียงมาแน่” นางติดสินบนบ่าวในเรือนตระกูลเหลียง พบว่าวันนี้เป็นวันที่ฮูหยินเหลียงมาฝากดวงบุตรชาย นางจึงเอาดวงของท่านหญิงชิงหนิงมา แล้วจากนั้นก็ใช้เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ คือการจ่ายเงินปิดปากซินแสตัวปลอมจัดการโน้มน้าวฮูหยินเหลียงเสียเลย ‘ข้านี่ฉลาดเป็นกรด!’ “โน่นรถม้าตระกูลเหลียง เร่งเข้าเถอะ” ฟู่อินเหยาไม่คิดชักช้า นางต้องจัดการตระกูลเหลียงให้กระเด็นออกจากวงโคจรของตระกูลฟู่ให้ได้ โดยยืมมือผู้เฒ่าจันทรา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม