รุ่ยอ๋องนั่งในห้องรับรองแบบส่วนตัว ขณะที่กำลังรออาหารชั้นเลิศของอินเหยาเขาก็มองไปนอกหน้าต่าง เห็นบุรุษตระกูลเหลียงที่เดินจากไปแล้ว แต่รั้งอยู่ร้านสุราฝั่งตรงข้ามมองมายังอีกฝั่งที่เป็นร้านปี้เหยา ร้านอาหารชื่อดังที่ไม่อยากพัฒนาเป็นเหลาอาหาร แม้เขาจะสอบถามหลายครั้ง คำตอบที่ได้ก็คือ
‘แค่นี้ข้าก็นับเงินไม่ทันแล้ว ข้าอยากทำอย่างอื่นบ้าง’
กิจการของนางไม่ได้มีแค่ร้านอาหาร ยังมีร้านเครื่องประดับ โรงหล่อเหล็กที่ไม่รู้ว่าสตรีตัวเล็ก ๆ มีความรู้อะไรอย่างนี้ได้อย่างไร แต่ก็เป็นท่านแม่ทัพออกหน้าโดยที่เขารู้ว่าเบื้องหลังนั้นเป็นเจ้าเด็กตัวจิ๋วในวันนั้นที่ยืนขายกระเพาะปลาเป็นคนต้นคิดทั้งหมด
รอเพียงไม่นานหมูกรอบที่เป็นของขึ้นชื่อที่ต้องจองมาอย่างยาวนานก็ยกมา จากนั้นมีน้ำราดสีน้ำตาลคล้ายน้ำจิ้มสูตรพิเศษของนางมาด้วยกัน แต่ที่เขาคาดไม่ถึงคือมีบะหมี่สีเหลืองทองกับซี่โครงย่างสีแดงราดมาด้านบน คล้ายกับว่านี่เป็นอาหารใหม่ที่ยังไม่มีวางจำหน่ายในร้านของนาง นับว่าค่าปิดปากสมน้ำสมเนื้อนัก แล้วเจ้าหนูน้อยของเขาก็เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับเลื่อนจานบะหมี่จานนั้นให้เขาได้ลองชิม
“นี่เป็นอาหารสูตรใหม่ของข้า ท่านได้ชิมเป็นคนแรก” ฟู่อินเหยาจำใจเอาออกมาให้รุ่ยอ๋องได้ชิม เพราะว่าวันนี้นางไปทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ และเขาดันรู้ความลับนี้
“หมูกรอบร้านเจ้านับว่าจองยากแล้ว นี่ข้าได้กินบะหมี่สีทองนี่อีก เช่นนั้นข้าจะจับตาดูเจ้าให้ดี เมื่อไหร่ที่เจ้ามีความลับ ข้าจะได้ทวงของอร่อยจากเจ้า”
ชิ!
ที่แท้รุ่ยอ๋องนอกจากว่างงานแล้วก็เห็นแก่กินนี่เอง นางจึงคีบหมูกรอบกับซี่โครงวางในจานของเขา เพื่อเป็นการดูแลลูกค้าอย่างดี นี่ยังมีผัดมะเขือม่วงกับหมูสับที่นางคิดว่าจะทำอีกด้วยนะ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์
“นั่นเจ้าคิดอะไรใจลอยไปไกลแล้ว หรือว่าคิดถึงเจ้าหนุ่มสกุลเหลียงผู้นั้น” รุ่ยอ๋องหยอกเย้านาง ทั้งมองไปยังด้านนอกเห็นเจ้านั่นมองมายังด้านบน ด้วยสายตาพิเศษทำให้รู้ว่า ความรู้สึกของเจ้าหนุ่มน้อยนั่นไม่ธรรมดา
“เปล่าสักหน่อยเพคะรุ่ยอ๋อง ข้าเพียงแต่กำลังคิดเรื่องกิจการของข้าต่างหาก” ฟู่อินเหยาพูดไป แต่ในใจคิดถึงแต่ชะตาชีวิตของนางที่เหลืออยู่ นางจะเปลี่ยนมันได้หรือไม่
การเป็นคุณหนูใหญ่จวนแม่ทัพฟู่นับว่าสุขสบายไม่ใช่น้อย ต่อให้นางไม่ต้องทำกิจการอันใด แต่ทว่าชะตาที่เหลืออยู่มันน่าปวดใจเหลือเกิน เมื่อสายตาเสมองไปยังด้านนอกก็พบกับบุรุษผู้ที่ฆ่านางให้ตายอย่างเลือดเย็นผู้นั้นอยู่ฝั่งตรงข้าม ภายในใจก็รู้สึกหวาดหวั่น
“ชอบเจ้านั่น?” รุ่ยอ๋องเอียงคอไปทางด้านนั้น ขณะที่นางมองชายผู้นั้นพอดิบพอดี ทำให้ดวงตาสองคู่สบประสานกัน
“ข้าน่ะหรือจะชอบคนที่คิดจะฆ่าข้า”
!!!???
รุ่ยอ๋องไม่เข้าใจ เจ้าหนุ่มน้อยนั่นเป็นว่าที่จ้วงหยวนด้วยซ้ำ เขาจะคิดฆ่านางด้วยเหตุอันใด
“เจ้าคิดฆ่าบิดาเขาหรืออย่างไร เจ้านั่นถึงจะฆ่าเจ้า” รุ่ยอ๋องรู้สึกว่าเจ้าหนูน้อยอินเหยาฟุ้งซ่านไปเอง ถึงได้กล่าววาจาเลื่อนเปื้อนเช่นนี้
“ท่านไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าท่านรีบกินแล้วก็รีบกลับเถิด ข้ายังมีงานอีกมาก” ฟู่อินเหยารีบไล่รั่วอ๋องจอมวุ่นวายนี้กลับไปเสีย นางต้องไปคุยกับน้องสามอีกหลายเรื่อง
ตอนนี้น้องรองหรือเซี่ยเป่าของนางตามบิดาเขาไปอยู่สนามรบที่ชายแดน บิดาของเซี่ยเป่าจากเป็นคนเลี้ยงม้าในกองทัพ ตอนนี้ฝึกปรือฝีมือจนสอบเป็นทหารม้าได้แล้ว ภายใต้การสนับสนุนของบิดานาง แม้ว่าเซี่ยเป่าจะเป็นลูกบุญธรรม แต่เขาก็ไม่อยากใช้เส้นสายของบิดาของอินเหยาในการเข้าไปเป็นทหาร เขาเริ่มจากฝึกหัดจนตอนนี้เข้าร่วมกองทัพแม้อายุยังน้อย แต่ฝีมือเขาไม่ด้อยกว่าผู้ใด
ส่วนท่านยายเซี่ยอีก็ยังคงอยู่ในเรือนตระกูลฟู่โดยมีท่านแม่ช่วยดูแลให้ เซี่ยเป่ากับท่านลุงกงซุนจะได้ไม่ต้องกังวล
หลังจากขับไล่รุ่ยอ๋องไปได้แล้ว ฟู่หลิงหยวนก็เข้ามาหาฟู่อินเหยาในห้องบัญชี ที่มีน้องชายฝาแฝดทั้งสองนั่งกินขนมอยู่ใกล้ ๆ พี่สาว
“พี่ใหญ่ท่านปิดบังอันใดกับข้าอยู่กันแน่” ฟู่หลิงหยวนคล้ายกับรู้สึกว่าพี่ใหญ่กำลังอำพรางซ่อนเร้นบางเรื่องกับนาง ทั้งที่พวกเราเป็นพี่น้องที่รักกัน
“เจ้าชอบพอบุรุษตระกูลเหลียงหรือไม่” ฟู่อินเหยายังไม่เงยหน้าขึ้นจากสมุดบัญชี ก็เอ่ยปากขึ้นและรอคำตอบว่านางควรจะดำเนินแผนการอย่างไรดี
“พี่ชายผู้นั้นก็เป็นคนดี สุภาพ ข้าก็เคารพเขา”
ฟู่หลิงหยวนคล้ายกับไม่มีใจลึกซึ้ง อาจจะเพราะนางยังเด็ก หรือไม่ก็วาสนาบุพเพของนางยังไม่ทำงาน
“ฮูหยินเหลียงอาจจะอยากได้เจ้าเป็นสะใภ้ก็ได้นะ”
นางพูดหยั่งเชิงแต่เจ้าน้องสาวตัวแสบกลับยกมือให้นางหยุดความคิดเพ้อเจ้อนั้นเสีย
“พี่ใหญ่ข้าเพิ่งแปดหนาวเองเจ้าค่ะ ท่านพูดอะไรข้าไม่รู้เรื่อง อีกอย่างตอนนี้ข้ามีพี่ใหญ่พี่รองกับน้องสี่น้องห้าข้าก็มีความสุขแล้ว”
เมื่อคำพูดของน้องสาวของนางเตือนสตินางก็เพิ่งคิดได้ว่าอาจจะเร็วไป แต่ทว่าหากนางเริ่มสร้างให้ตระกูลเหลียงเป็นศัตรูเสียแต่ตอนนี้ย่อมไม่สาย
สายตาของนางมองไปยังเทียบเชิญงานเลี้ยงน้ำชาตระกูลเหลียงที่ตนเองเกือบจะปฏิเสธไปแล้ว กลับมาคิดบางเรื่องขึ้นได้
‘หากข้าก่อเรื่องในงาน ฮูหยินเหลียงต้องหมายหัวข้าไว้แน่ ๆ’ คิดได้ดังนั้นนางก็รีบพูดขึ้นให้น้องสาวเตรียมตัวทันที
“น้องสามเจ้าเตรียมตัวเถอะ อีกสามวันเราจะไปเยือนตระกูลเหลียงกัน”
“พี่ใหญ่ข้าไปด้วย” อินจ้านรีบยกมือขึ้น
“ข้าก็ต้องไปด้วย” อินจื้อกลืนขนมเซาปิงแล้วรีบพูดทันที เพราะเขานั้นต้องไปปกป้องพี่ใหญ่กับพี่สาม
เมื่ออินเหยามีความลับที่ทำร่วมกับน้องชายฝาแฝด ดังนั้นก็ต้องพาเขาไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้สินะ
“ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะได้มีคนช่วยข้าจัดการบุรุษตระกูลเหลียง”
นางจำได้ว่าน้องสาวของนางตกหลุมรักกับพระเอกตอนที่ไปงานเลี้ยงตระกูลเหลียงแต่จำไม่ได้ว่าช่วงใด ตอนนั้นมารดาของนางตายไปแล้วและอนุฮันขึ้นเป็นฮูหยินแทนมารดาของตน อินเหยาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกงานทั้งที่เป็นคุณหนูใหญ่ แต่ทว่าน้องสาวของนางได้ออกงานคู่กับอนุร้ายกาจ เสมอมาดังนั้นความทรงจำเก่าก็ไม่มี ความทรงจำที่อ่านจากนิยายก็ไม่กระจ่างชัด เช่นนั้นก็เดาเหตุการณ์เอาก็แล้วกัน
ดังนั้นงานเลี้ยงน้ำชาของตระกูลเหลียงต้องกระเจิงด้วยฝีมือนาง และคิดว่าท่านหญิงชิงหนิงก็จะต้องไปด้วยเป็นแน่ เหมือนในนิยายช่วงหนึ่งเขียนไว้ว่า ท่านหญิงชิงหนิงก็หมายตาบุตรชายสกุลเหลียงไว้เช่นกัน แต่เพราะไร้วาสนาไม่อาจลงเอย
ดีล่ะ...งานนี้สนุกแน่