“ป้าใจจ๋า” ใยไหมจับมอเตอร์ไซค์คันเก่าของยายตั้งแต่สมัยเดินเหินสะดวกมาจอดหน้าบ้านสองชั้นในหมู่บ้าน เรียกหาเจ้าของบ้านที่สั่งไก่บ้านเธอไว้สองวันก่อน
ไม่ใช่ว่าบ้านเธอมีอาชีพขายไก่ด้วย แต่เพราะที่บ้านยายก็เลี้ยงไก่ไว้เป็นอาหาร แล้วก็มีไก่ไข่อีกสามตัวเพื่อความประหยัดที่ยายเลี้ยงมาตลอด เลี้ยงไปเรื่อย ๆ มันก็ฟักไข่ฟักตัวออกมาให้มีพอแบ่งขายให้บ้างหากมีชาวบ้านมาขอซื้อ
“ไก่น่าจะมาแล้ว เดี๋ยวกูไปเอาก่อน” เจ้าบ้านอย่างธีร์พูดขึ้นเพราะเวลานี้คิดว่าคงไม่พ้นไก่ที่ให้แม่หาไว้ให้
“ไปด้วยเลย จะได้ช่วยกันทำ” ภีมพูดขึ้น เพราะตอนนี้คนอื่นกำลังเดินทางมายังไม่ถึง สถานที่พร้อม งั้นระหว่างรอไปแกงไก่เตรียมถ้วยชามให้เรียบร้อยด้วย
ทั้งสามคนเดินกลับมาที่ตัวบ้านอีกครั้ง วางลังเบียร์ไว้อย่างไม่ต้องกลัวหายเพราะอยู่ติดหลังบ้านมาก ๆ มองจากหน้าต่างครัวก็เห็นสถานที่ได้
“คิดว่าสาวที่ไหนมาส่งไก่” ธีร์เดินออกมาเห็นใบหน้าหวานของรุ่นน้องในหมู่บ้านก็ทักขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“เอาไก่มาส่งจ้ะ” ใยไหมก้มหัวส่งยิ้มให้รุ่นพี่ที่เมื่อก่อนเคยเจอหน้ากันอยู่หลายครั้ง แต่พอโตขึ้นก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นหน้ากันเท่าไหร่
“น้องใยไหมไม่ใช่เหรอ” ภีมกระซิบถามธีร์อย่างตื่นเต้น
“อืม” เป็นเรื่องธรรมดาที่วัยรุ่นอำเภอเดียวกันจะรู้จักกันผ่าน ๆ ยิ่งเป็นคนสวยหล่อยิ่งเป็นที่น่าสนใจรู้จักกันไปทั่วแม้เจ้าตัวอาจจะไม่รู้จักอีกฝ่ายก็ตาม
“นี่จ้ะ ทำเรียบร้อยแล้ว” ใยไหมลงจากรถยื่นถุงใส่ไก่ที่ถอนขนชำแหละเครื่องในเรียบร้อย ส่วนไหนกินได้ก็ใส่ไว้ในถุง ส่วนไหนกินไม่ได้ก็ทิ้งไปแล้ว
“ขอบคุณครับ” ธีร์รับมาไม่ลืมขอบคุณอีกฝ่าย “คืนนี้ไปเคาท์ดาวน์ไหนเหรอ”
ไม่ลืมถามไถ่รุ่นน้องตรงหน้าขึ้น
“อยู่บ้านจ้ะ” เธอจะไปไหนล่ะ ไม่ว่าจะเทศกาลอะไรก็อยู่บ้านตลอด นาน ๆ จะพร้อมออกไปกับเพื่อนบ้าง แต่ก็น้อยจนแทบนับได้
“มาเคาท์ดาวน์กับพวกพี่สิ” บูมที่ยืนมองยืนฟังอยู่นานชวนขึ้นอย่างมีน้ำใจ รู้ดีว่าเจ้าบ้านอย่างธีร์ถามเพราะจะชวนอยู่แล้ว เขาเลยชวนแทนไง
ตามประสาชายหนุ่มวัยกลัดมันที่ชอบหลี่สาวไปทั่ว และอยากให้สาวสวยมาร่วมวงด้วยเหมือนกัน
“ขอบคุณนะจ้ะ แต่พวกพี่สนุกกันเลย” ปฏิเสธอย่างมีมารยาท เพราะเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เธอไม่สะดวกใจจะมาทั้งเกรงใจและคงลำบากใจ
“น่าเสียดายนะครับ” ภีมพูดขึ้นอย่างเสียดายไม่น้อย
“ถ้างั้นหนูกลับก่อนนะคะ” เย็นแล้ว เลยต้องขอตัวกลับก่อน
“ไม่สนใจมาเคาท์ดาวน์ด้วยกันจริง ๆ เหรอ” ธีร์ถามอีกครั้งเผื่อเปลี่ยนใจ
“ไม่ดีกว่าจ้ะ เกรงใจ” ปฏิเสธด้วยรอยยิ้มเกรงใจอีกครั้ง เพราะรู้ดีกว่าการปฏิเสธซ้ำมันเสียมารยาท แต่ก็ต้องทำ “กลับก่อนนะจ๊ะ”
“ครับ ขับรถดี ๆ ล่ะ” ทำได้เพียงยืนส่งสาวสวยขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าออกจากบ้านไปจนลับสายตา
“สวยฉิบหายเลย” ภีมพูดขึ้นเป็นคนแรกเมื่อเจ้าตัวไม่มีทางได้ยินแน่แล้ว
“เออแม่ง ไม่ได้เจอไม่กี่ปีไม่คิดว่าจะสวยน่ามองขนาดนี้” เพราะไทม์ไลน์และไลฟ์สไตล์เขาและเธอไม่เหมือนกัน มันเลยไม่แปลกที่ต่อให้อยู่หมู่บ้านเดียวกันแต่ไม่มีโอกาสได้เจอกัน ยิ่งอยู่คนละคุ้มด้วยเลยยิ่งยากจะวนมาเจอกัน
“มีแฟนยังวะ” บูมถามอย่างสนใจไม่น้อยเหมือนกัน
“ไม่รู้ กูก็ไม่ได้เจอน้องมันนานแล้วเหมือนกัน” จนเกือบลืมไปแล้วว่ายังมีสาวสวยอยู่ในหมู่บ้านของตัวเองราวกับสมบัติล้ำค่าที่ถูกซ่อนไว้ไม่ให้พบเห็น
“สวยขนาดนี้ไม่น่าเหลือถึงพวกเรานะ” หมายถึงเหลือรอดให้จีบและคบหาน่ะ เธอก็น่าจะมีสังคมของเธอที่อาจจะมีคนรักไปแล้วก็เป็นได้
ดีไม่ดีที่บ้านอาจจะมีผัวอยู่ด้วยก็ได้
“ไปต้มไก่เถอะ อย่าลืมหาใบบัวบกมาใส่แก้ช้ำในด้วย อกหักเพราะรักเมียเขา” ภีมพูดขึ้นอย่างหมดหวัง เดินเข้าไปหลังบ้านอย่างคุ้นเคยแม้ไม่ใช่บ้านตัวเองก็ตาม
ส่วนพ่อแม่ธีร์ไปบ้านปู่ย่ามัน หัวค่ำถึงจะกลับเลยทำให้ตอนนี้ทั้งบ้านเหลือแต่ลูกกับเพื่อน ๆ
ทั้งสามสุมหัวกันอยู่ในครัวไม่ถึงห้านาทีเสียงท่อมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นหน้าบ้าน
ไม่ต้องออกไปต้อนรับก็รับรู้ได้ว่าใคร และแน่นอนว่าพวกมารยาทน้อยจอดรถเสร็จก็พากันเดินพูดคุยเสียงมาก่อนตัวอย่างไม่ต้องเกรงใจ
หนุ่มวัยรุ่นวัยฉกรรจ์ที่รวมกลุ่มกันจนครบก็แบ่งหน้าที่กันในทันที ก่อนจะยกทุกสิ่งอย่างออกไปยังสถานที่ที่เตรียมไว้ ล้อมวงกันประเดิมค่ำคืนสุดท้ายของปีด้วยแอลกอฮอล์และเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน
นาฬิกาบนโต๊ะญี่ปุ่นข้างฟูกหัวนอนบ่งบอกเวลาห้าทุ่มสี่สิบห้านาที ค่ำคืนที่ใยไหมนอนดึกกว่าที่ผ่านมา เธอนั่งอยู่ขอบหน้าต่างของบ้าน มองท้องฟ้ามืดมิดยามค่ำคืน
ปีนี้ก็เหมือนปีก่อนที่เธอไม่ได้ออกไปไหน ทั้งไม่อยากทิ้งยายไว้คนเดียว ทั้งไม่อยากสิ้นเปลืองเงินทองกับงานเลี้ยงสังสรรค์ แม้เพื่อนฝูงจะชวน แม้ยายจะอนุญาต แต่เธอก็อยากประหยัด เพราะหลายปีก่อนก็เคยร่วมวงเคาท์ดาวน์กับเพื่อนมาบ้างแล้ว รับรู้บรรยากาศสนุกสนานเหล่านั้นได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำทุกปีก็ได้
แต่ในใจลึก ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้ออกไปสนุกสนานและนับถอยลังรอปีใหม่ มันก็เป็นบรรยากาศน่าอิจฉาจริง ๆ
เธอนั่งดื่มด่ำบรรยากาศแสนเย็นจนหนาวของฤดูหนาวที่พัดผ่านมา แต่ก็สูดเอากลิ่นความหอมแห้งของฟางข้าวตามทุ่งนาที่พัดมากับลมเข้าปอดอย่างรู้สึกดีไม่น้อย กลิ่นอายฤดูหนาวแต่กลับรู้สึกอบอุ่นเพราะนึกภาพการนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าหุ่มนวมบนที่นอนอย่างมีความสุข
นั่งนึกนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย มุมปากสวยยกยิ้มขึ้นบาง ๆ กับบางเรื่อง แต่ก็ถอนหายใจออกมากับบางอย่าง วนกลับไปมาแบบนั้นตามเรื่องราวที่คิดในหัว
จนกระทั่งเสียงผลุดอกไม้ไฟเริ่มดังขึ้นเรียกความสนใจของเธอ
ในหมู่บ้านมีหลายหลังที่รวมกลุ่มเคาท์ดาวน์ ไม่ว่าจะกับกลุ่มเพื่อนเหมือนบ้านธีร์ หรือกลุ่มญาติพี่น้องที่เดินทางกลับจากต่างจังหวัดมาเจอหน้ากัน ซึ่งก็มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ความสนุกสนานมารูปแบบของเสียงเพลงที่ดังแว่วให้ได้ยินตลอด พร้อมกับเสียงของเล่นที่เริ่มทำหน้าที่แข่งกันแต่ละวง
วีด! ปัง! ๆ ๆ
ทั้งผลุส่งเสียง ผลุดอกไม้ไฟดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หยุดในห้านาทีสุดท้ายของปี เริ่มฉลองกันล่วงหน้าเป็นสัญญาณแห่งสีสันในปีสุดท้ายและวันแรกของปี
วีด!! ปัง! ๆ ๆ ๆ
ใยไหมมองประกายไฟที่พุ่งท้องฟ้าแล้วกระจายออกมาอย่างสวยงาม บ้านไหนจุดไม่รู้ แม้แต่ตัวอำเภอเองก็ร่วมกันจุด แต่มุมที่เธอมองเห็นไม่พ้นจากวงใดในหมู่บ้าน มองด้วยรอยยิ้มให้กับความสวยงามและแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้า
หยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองออกมา เปิดเวลาแบบดิจิตอลที่เห็นตัวเลข
“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง”
วีด!! ปัง! ๆ ๆ ๆ
อาศัยแสงสว่างจากผลุดอกไม้ไฟของคนอื่น กุมมือกลางอกอธิฐานของให้เรื่องร้าย ๆ ทิ้งไว้ในปีนี้ และเริ่มต้นใหม่ในปีหน้าด้วยเรื่องราวดี ๆ
เป็นทั้งความรู้สึกดี ๆ และก็หดหู่ไปในตัว
การเริ่มต้นใหม่ แต่ก็บ่งบอกว่าเวลาได้ผ่านพ้นไปอย่างไม่หวนกลับอีกปี