งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ความครื้นเครงผ่านไปเหลือไว้เพียงร่องรอยของความสุขก่อนหน้าแทนที่ด้วยความเงียบและชีวิตปกติอีกครั้ง
วันที่ห้าของปีใหม่ ชีวิตทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม คนจากต่างจังหวัดเดินทางกลับกันไปหมด กลับสู่วิถีชีวิตเดิมของแต่ละคนอีกครั้ง
“เอาเบียร์อย่างละสามลัง น้ำอัดลมอย่างละสองลังนะจ๊ะ” ชมพู่ยืนสั่งรายการที่แม่ใช้มาซื้อเข้าร้านให้เจ๊แอ๋วสั่งลูกน้องอีกที
“ปีใหม่ขายดีเลยนะ” เจ๊แอ๋วแซวออกมาด้วยรอยยิ้ม เด็กสาวที่อยู่หมู่บ้านห่างจากหมู่บ้านของเธอประมาณห้าหกกิโล เป็นร้านขายของชำเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน แต่ก็ถือว่าขายดีและสั่งของจากร้านเธอประจำ
“ดีเลยจ้ะ ปีนี้คนกลับเยอะ” ทำให้แม่เธอชื่นใจไม่น้อยกับกำไรที่ขายได้
“รอแป๊บนะ” เจ๊แอ๋วพูดกับเด็กรุ่นลูกแล้วหันไปสั่งคนงานให้จัดสินค้าขึ้นหลังรถกระบะคันเก่าของชมพู่
“ชมพู่” เสียงเรียกของคนรุ่นเดียวกันดังขึ้นจากด้านหลัง
“อ้าวบัว ไปไงมาไงเนี่ย” ชมพู่หันไปทักเพื่อนในกลุ่มของตัวเองขึ้นอย่างแปลกใจที่เห็นอีกฝ่าย หลังเรียนจบก็ไม่ได้เห็นหน้ากันเลย
“กลับบ้านมาเอาของใช้เพิ่มน่ะ พอดีย้ายหอใหม่ ของใช้ไม่ครบเลยกลับมาให้แม่เอาไปส่ง” บัวตอบกลับเพื่อนของตัวเอง
“ทำไมย้ายหอล่ะ เปลี่ยนงานเหรอ”
“ใช่ ได้งานใหม่ อยู่ไกลกว่าเดิมเลยต้องย้ายหอน่ะ”
“แบบนี้ก็กลับบ้านยากกว่าเดิมสิ”
“ใช่ คงไม่ได้กลับทุกอาทิตย์หรอก เปลืองค่าน้ำมัน”
“แล้วเดินหน้าพอจะว่างกลับบ้านได้ไหม” ชมพู่ถามขึ้นด้วยความเสียดายไม่น้อย
“ทำไมเหรอ” ถามเพราะจำไม่ได้ว่าเดือนหน้ามีอะไรพิเศษหรือเปล่า
“ก็เดือนหน้าวันเกิดไอ้ไหมไง” ย้ำเตือนให้เพื่อนจำได้ “มันไม่ได้จัดวันเกิดหลายปีแล้ว ปีนี้อยากไปเซอร์ไพรส์มัน”
ถ้านับเพื่อนสนิทที่สุด ชมพู่ถือว่าสนิทกับใยไหมที่สุดในกลุ่ม เลยไม่แปลกที่จะจำวันเกิดของเพื่อนตัวเองได้
“จริงด้วย ลืมไปเลยอ่ะ” บัวถูกย้ำก็นึกขึ้นได้ “ยังไม่แน่ใจเลยอ่ะว่าจะว่างตรงกับวันเกิดมันหรือเปล่า”
พูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูวันเวลาของวันเกิดเพื่อนตัวเอง
“แย่เลยสิ วันที่สองดันตรงกับวันธรรมดาเข้าพอดี ต้องมาไม่ได้แน่เลยอ่ะ” บัวพูดขึ้นอย่างรู้ดีว่าคงมาไม่ได้กับวันที่ไม่ตรงกับวันหยุด
“เสียดายเลยอ่ะ” ชมพู่ได้ยินแบบนั้นก็ผิดหวังไม่น้อย เพราะพวกเธอไม่ได้รวมกลุ่มกันเลยตอนเรียนจบ ปีใหม่เธอก็ขายของช่วยที่บ้านปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ตั้งใจจะอาศัยวันเกิดใยไหมรวมตัวกัน แต่เพื่อนอีกคนก็ดันได้งานใหม่เข้าก่อน เลยยิ่งยากจะเจอกันได้
“หรือจะเลี้ยงย้อนหลังแทนไหมล่ะ ฉันเองก็อยากฉลองวันเกิดให้มันเหมือนกัน” บัวเสนอขึ้น
“ก็น่าสนจะ” วันเกิดเพื่อนก็แค่อวยพรไปก่อน แล้วยังไม่ต้องบอกอะไร รอถึงวันหยุดสุดสัปดาห์แล้วไปเซอร์ไพรส์ก็ไม่เสียหาย
“งั้นเอาตามนี้ วันเสาร์ของอาทิตย์นั้นฉันจะกลับมาแล้วกัน” วางแผนไว้ล่วงหน้าเกือบเกือบเดือนแบบนี้ไม่มีทางผิดพลาดเป็นแน่
“เค ตามนั้น” ชมพู่ตอบรับอย่างเห็นด้วย
“งั้นฉันซื้อของก่อนนะ ต้องรีบกลับบ้าน”
“อืม แล้วเจอกัน” บอกลาเพื่อนสนิทอีกคนของตัวเอง แล้วยืนรอเจ๊แอ๋วมาคิดเงิน
แต่เจ๊แอ๋วกลับไม่ได้สนใจเรื่องเงินค่าของเลยในตอนนี้
“เดือนหน้าวันเกิดใครเหรอ” คนที่เดินกลับมาได้ยินเรื่องวันเกิดเข้าพอดี ทำให้หยุดฟังอย่างตั้งใจในบทสนทนาของเด็กรุ่นลูก
“ของเพื่อนหนูจ้ะ” ชมพู่ตอบกลับอย่างไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าเจ๊แกชวนคุยไปเรื่อยเท่านั้น
“เพื่อนเกิดวันที่เท่าไหร่นะ” ถ้าฟังไม่ผิดเด็กสาวอีกคนพูดว่าวันที่สองไม่ว่าง
นี่ไม่ได้หมายความว่า...
“สองกุมภาจ้ะ” ก็ไม่ค่อยเข้าใจกับคำถามเท่าไหร่ แต่ไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไรเลยตอบออกไป
“สองกุมภา” เมื่อได้คำตอบแน่ชัดแล้วทำให้เจ๊แอ๋วหัวใจเต้นเร็วเหมือนวัยรุ่น “เพื่อนคนไหน บอกเจ๊หน่อยสิ”
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” ตอนแรกไม่สงสัยเท่าไหร่ แต่พอเห็นเจ๊อยากรู้มากก็ถามออกมาอย่างแปลกใจ
“เจ๊แค่อยากรู้จักเฉย ๆ พอดีเห็นว่ามีคนเกิดวันเดือนเดียวกับลูกชายเจ๊ เลยเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเจ๊น่ะ” ปั้นคำโกหกออกมาอย่างใจเย็น ทั้งที่หัวใจเต้นรัวอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้เต็มทน
“บังเอิญจริงด้วย” ชมพู่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “เพื่อนหนูชื่อใยไหมจ้ะ”
“ใยไหม ใช่หลานยายลำดวนหรือเปล่า” พึ่งได้คุยถึงเด็กสาวคนนี้ไปกับพี่สำรวมเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนนี้เอง ไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้
“ใช่จ้ะ เจ๊รู้จักด้วยเหรอจ๊ะ” ยายลำดวนจะรู้จักไม่แปลก แต่กับใยไหมที่ได้รู้จักน่ะคิดไม่ถึง
“ได้ยินป้าสำรวมที่รับซื้อผ้าไหมพูดถึงน่ะ เห็นว่าขยันแล้วก็เป็นเด็กดี”
“ใช่จ้ะ เพื่อนหนูขยันมาก ชวนไปไหนก็ไม่ค่อยไป เลยวางแผนว่าจะเซอร์ไพรส์วันเกิดให้นี่แหละจ้ะ” บ่นเพื่อนในเรื่องที่ไม่ได้เสียหายอะไรออกมาอย่างขบขัน
“แล้วเพื่อนมีแฟนหรือยัง”
“ยังหรอกเจ๊ อย่าว่าแต่แฟนเลย แค่คนคุยมันแทบไม่สนใจ วัน ๆ เอาแต่เรียน เรียนจบก็เอาแต่ทำงาน กับเพื่อนฝูงยังไม่มีเวลาให้เลย” ตอบกลับอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิด เพราะเพื่อนเธอน่ะใช้ชีวิตจำเจมาก
แต่นะไม่ใช่คนที่ถึงกับเรียบร้อยแบบผ้าพับไว้ มีปากมีเสียงบ้าง กล้าพูดกล้าเถียงกับเรื่องที่ไม่ยุติธรรมบ้าง ไม่งั้นก็คงเรียกแม่ชีได้เต็มปากเต็มคำ
“แล้วเราล่ะมีแฟนหรือยัง” ถามไถ่กึ่งหยอกล้อไม่ให้เด็กสงสัยตัวเองเกินไป
“คนจีบหนูเยอะเลยแหละ แต่หนูรอพี่บูมลูกชายเจ๊อยู่” หยอกล้อกลับไปอย่างคนช่างพูด
“เสียใจด้วยนะ ลูกชายเจ๊มีคนจองแล้ว”
“พูดจริงเหรอจ๊ะ” ถามด้วยความไม่อยากเชื่อ ไม่ได้ผิดหวังเสียใจ แต่ไม่คิดว่าคนกะล่อนแพรวพราวอย่างบูมจะมีเจ้าของแล้ว
“ใช่ เดี๋ยวจะกินหมูกันแล้วด้วย ถึงตอนนั้นเจ๊จะบอกนะ” ต้องบอกอยู่แล้ว เพราะเจ้าสาวเป็นเพื่อนของเด็กสาวอย่างชมพู่ ยังไงอีกฝ่ายก็ต้องรู้
“อยากเห็นหน้าเมียพี่บูมจัง ว่าจะสวยแค่ไหน” คนหล่อร้ายอย่างเขา แถมบ้านก็รวยระดับอำเภอขนาดนี้ นึกหน้าเมียไม่ออกเลยจริง ๆ
“เดี๋ยวก็ได้เห็น” ความเครียดของหญิงวัยกลางคนมลายหายไปเกือบหมดเมื่อได้รับรู้สิ่งที่เฝ้ารอและเฟ้นหามานาน
กว่าเกือบสองเดือนที่เธอเฝ้าถามชาวบ้านที่มาจับจ่ายซื้อของ ว่ารู้จักใครเกิดวันที่สองเดือนกุมภาบ้าง แน่นอนว่าคำตอบส่วนใหญ่คือไม่มีที่รู้จัก เธอได้แต่ฝากความหวังไว้กับคนอื่น ๆ ว่าหากเจอเด็กสาวที่ไหนฝากถามให้หน่อย หากเจอใครเกิดวันเดือนที่เธอว่ามา ช่วยมาบอกเธอหน่อย จะมีค่าตอบแทนให้
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีข่าวดีมาถึงหู เฝ้ารออย่างกังวล ดีที่อย่างน้อยลูกชายยังเชื่อฟังอยู่บ้าน แม้ใบหน้าจะบูดบึ้งเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่ต่อต้านแอบหนีไปหาเพื่อน ทำให้ความกังวลที่มีพอกินข้าวนอนหลับผ่านไปแต่ละวันได้
และในที่สุดวันนี้ฟ้าก็เข้าข้าง ปีใหม่ที่เธอทำบุญในวัดไปเป็นหมื่น ๆ ในที่สุดบุญก็นำพาวาสนาก็ส่งคนที่เฝ้ารอมาให้อย่างง่ายดาย
บทจะง่ายอยู่เฉย ๆ ก็เจอ
นี่สินะที่เรียกว่าวาสนา