หลังรับรู้เรื่องน่าตื่นเต้นดีใจ เจ๊แอ๋วก็ไม่รอช้าพูดคุยปรึกษาสามีแทบจะทันทีที่ปิดร้านเข้าห้องนอน
แต่ถึงอย่างนั้นก็พึ่งได้ความกังวลใหม่กลับเข้ามา
“เด็กเขาจะยอมเหรอ อยู่ ๆ เข้าไปพูดคุยสู่ขอแบบนั้น ไหนจะยายเขาอีก”
“แม่ก็ลองไปดูแล้วกัน ยังไงก็เป็นความหวังเดียวของเราตอนนี้แล้ว”
เพราะแบบนั้นหน้าที่เป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับลูกชายครั้งนี้เป็นของแม่อย่างเธอ ส่วนสามีก็เป็นคนรับผิดชอบดูแลร้าน ปล่อยให้เธอเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่ตามหาตัวมาถึงสองเดือน
การเดินทางจากบ้านตนมาบ้านยายลำดวนไม่ได้ยากเย็นอะไร ด้วยชุมชนเดียวกันรู้จักมักจี่กันไปทั่ว รู้ดีว่าบ้านใครอยู่ตรงไหน แม้ไม่ได้มีเหตุให้ไปมาหาสู่กัน แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถอะไร ทำให้ตอนนี้รถเก๋งคันสวยที่เจ๊แอ๋วใช้ขับขี่ประจำในการทำธุระ มาจอดอยู่ริมถนนคอนกรีดความกว้างที่รถยนต์แทบสวนกันไม่ได้ ล้ออีกฝั่งเลยต้องลงข้างทางที่เป็นพื้นหญ้า
บ้านปูนเปลือยชั้นเดียวขนาดเล็ก ด้านหน้าลาดปูนมีอุปกรณ์ทอผ้าวางไว้อย่างเป็นระเบียบ รอบบ้านเป็นดินเหนียว รอบรั้วเป็นพึชผักตามรั้วและผลไม้บ้าน ๆ เหมือนมะม่วง ฝรั่ง ชมพู่ ถึงอย่างนั้นกลับดูสะอาดสะอ้านและโล่งเตียนเป็นระเรียบ
เจ๊แอ๋วลงจากรถเดินผ่านรั้วทางเข้าบ้านที่เป็นประตูรั้วไม้ไผ่สานสภาพทรุดโทรมเล็กน้อยที่ตอนนี้เปิดอ้าไว้ ทำให้เจ้าของบ้านเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบตั้งแต่เห็นรถมาจอดอยู่หน้ารั้วบ้านแล้ว
“อ้าวเจ๊แอ๋ว ทำไมได้มาถึงนี่ล่ะ” ยายลำดวนนั่งปั่นไนอยู่หน้าบ้านถามแขกผู้มาเยือน
“สวัสดียาย” ทักทายด้วยรอยยิ้ม เดินเข้าไปถอดรองเท้าส้นตึกเดินเท้าเปลือยไปบนพื้นปูนขัดมันที่ยายปูเสื่อสั่งอีกที
“จ้า” ยายลำดวนตอบรับก่อนจะวางมือจากงานที่ทำ แล้วมองหน้าคนที่เข้าหาตัวเอง และคิดแค่ว่าอีกฝ่ายคงมาสั่งผ้าไหมเหมือนที่คนอื่น ๆ ทำยามมาถึงบ้าน เลยรอฟังแทน
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับยายหน่อยน่ะ”
“ว่ามาเลยเจ๊”
“ว่าแต่ หลานยายไปไหนจ๊ะ” กวาดสายตามองหาเด็กสาวอีกคนที่อยากเห็นหน้าแล้วถามถึง
“ซักผ้าอยู่หลังบ้านน่ะ” ไม่ได้สงสัยอะไรที่จะมีผู้ใหญ่ถามถึงหลานสาว
“คืออย่างนี้นะยาย ให้ฉันพูดตรง ๆ เลย ฉันอยากมาสู่ขอหลานยายให้ลูกชายฉันน่ะ” คนร้อนใจและอยากได้หญิงสาวที่เกิดวันเดือนเดียวกับลูกชาย พร้อมกับเป็นคนตรงไปตรงมาก็เข้าประเด็นแบบไม่กลัวคนแก่จะช็อกเลยสักนิด
“ห๊ะ! เจ๊ว่าอะไรนะ!?” ถึงกับถามใหม่เผื่อคนแก่อย่างเธอหัวเพี้ยน
“ฉันอยากสู่ขอใยไหมไปเป็นเมียเจ้าบูมน่ะ” บอกอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม “เรื่องสินสอดทองหมั้นไม่เกี่ยงเลยนะ ฉันจะเลี้ยงดูหลานยายอย่างดีเลย”
ให้สมกับที่อีกฝ่ายเข้ามาเสริมดวงให้ลูกชายเธอรอดปลอดภัย หากยิ่งเป็นเด็กดีเหมือนที่คนอื่นพูดต่อกัน จะยิ่งเอ็นดูให้ดีไม่ให้น้อยเนื้อต่ำใจเลย
“เด็กมันคบกันเหรอ” การสู่ขอแบบนี้ทำให้ยายลำดวนคิดได้อย่างเดียว
คนแก่ไม่เคยรู้เรื่องนี้ หลานไม่เคยบอก เห็นอยู่บ้านทุกวันแทบไม่เคยออกไปไหน โทรศัพท์ก็ไม่เคยเห็นพูดคุยติดมือ แล้วไปมีแฟนเมื่อไหร่กัน
“คือ...”
“ยายจ๊ะ” ยังไม่ทันที่เจ๊แอ๋วจะอธิบายอะไรเพิ่ม เสียงหวานใสของใยไหมก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างบางที่เดินออกจากบ้านมา “สวัสดีจ้ะ”
พอเห็นแขกในบ้านก็ยกมือไหว้ ว่าจะเดินมาถามยายว่าให้ซักผ้าปูที่นอนของยายเลยไหม แต่ต้องเก็บเรื่องนั้นไว้ก่อน เดินไปนั่งข้างกายเผื่อมีงานอะไรที่เธอจะรับได้เข้าใจกว่า
“สวัสดีลูก” พอได้เห็นหน้าตาท่าทางยิ่งทำให้เจ๊แอ๋วพึงพอใจหนักกว่าเดิม พอแตกเนื้อสาวเต็มที่แล้วสวยกว่าเมื่อหลายปีก่อนจนแทบจำไม่ได้
“เอ็งคบกับลูกเจ๊แอ๋วอยู่เหรอ” หลานที่มาได้จังหวะพอดีทำให้ยายลำดวนหันไปถามด้วยความอยากรู้ ไม่ได้ดุหรือจะตำหนิอะไร เพราะหลานเป็นเด็กดีมาตลอด ตอนนี้ก็โตเป็นสาวเรียนจบหาเงินเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ไม่ว่าหากหลานอยากมีแฟนหรืออยากแต่งผัว
“อะไรนะจ๊ะ?” คนที่อยู่ ๆ ถูกถามอะไรแปลก ๆ ไม่ได้นึกคำอธิบายปฏิเสธ แต่ขอฟังใหม่เผื่อฟังผิดและไม่เข้าใจ
“ก็เจ๊แอ๋วมาสู่ขอเอ็งไปให้ลูกชายเขาน่ะ”
“ห๋า?” ตกใจหนักกว่าเดิมกับสิ่งที่ยายพูด หันไปมองหน้าเจ๊แอ๋วด้วยความไม่เจ้าใจไปกันใหญ่ “หนูกับลูกเจ๊ไม่ได้คบกันจ้ะ”
รีบอธิบายให้ผู้ใหญ่เข้าใจ รวมถึงเจ๊แอ๋วที่อาจจะเข้าใจอะไรผิดด้วย
“เจ๊รู้”
“อ่าว” เป็นยายลำดวนที่ร้องขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“คือแบบนี้นะ” แล้วเจ๊ก็เริ่มอธิบายเหตุผลของเรื่องราวให้ยายหลานได้เข้าใจ “ลูกชายฉันมันอยู่ในช่วงดวงตกน่ะ แล้วหมอธรรมเขาบอกให้หาผู้หญิงที่เกิดวันที่และเดือนเดียวกับลูกชายฉันมาตบแต่ง ดวงสองคนจะช่วยส่งเสริมกัน”
คำบอกเล่าอย่างตรงไปตรงมาดังขึ้นอธิบาย แม้จะรู้ดีว่าอาจจะได้รับการปฏิเสธ แต่เธอต้องทำให้ได้เพื่อลูกชาย
“แล้วฉันก็รู้มาว่าหลานยายเกิดวันที่สองกุมภาเหมือนลูกชายฉันพอดี ฉันก็เลยอยากมาสู่ขอใยไหมให้ลูกชาย”
“อ่าว แล้วแบบนั้นหลานฉันจะไม่ซวยไปด้วยเหรอ” ยายลำดวนได้ฟังก็พูดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
“ไม่จ้ะ ดวงลูกชายฉันไม่ฉุดดวงใยไหม แต่เป็นดวงของใยไหมที่จะส่งเสริมลูกชายฉัน” รีบอธิบายด้วยคำพูดที่แสนดูดีให้อีกฝ่ายสบายใจ
แต่มันก็ไม่ได้ผิดจากหมอธรรมบอกนี่ ให้เอาดวงหญิงสาวที่เปรียบเหมือนแสงสว่างมาส่องทางให้ลูกชายเธอ ไม่ใช่เอามาให้ลูกชายเธอกลืนกิน
“ยายเห็นใจฉันหน่อยนะ ฉันมีลูกชายคนเดียว แล้วการตบแต่งครั้งนี้หนูใยไหมก็ไม่เสียหายหรือซวยแน่นอน” รีบรับปากให้อีกฝ่ายสบายใจ กลัวจะพลาดโอกาสจากคนนี้ แล้วไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าจะหาคนใหม่ได้
มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
“แต่ฉันไม่สบายใจให้เป็นแบบนั้นหรอก” ถ้าหลานรักชอบกันเธอไม่ห้ามและดีใจด้วยซ้ำที่จะเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ถ้าเป็นอะไรแบบนี้เธอก็มีหลานคนเดียวเหมือนกัน
“ฉันพูดจริง ๆ การให้สองคนมาผูกดวงเป็นผัวเมียกันมีแต่จะช่วยส่งเสริมกัน ลูกฉันก็แคล้วคลาด ส่วนหลานยายก็ไม่ได้ซวยไปไหนเลย” ร้อนรนอธิบายทันทีเมื่อเห็นว่าท่าทางจะล้มเหลว “อีกอย่างฉันจะให้ใยไหมเป็นสะใภ้ไม่น้อยหน้าใครเลยนะยาย จะให้อยู่กินเลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลานเลย”
“ฉันไม่สบายใจหรอกเจ๊”
“หรือยายจะไปบ้านหมอธรรมกับฉันก็ได้ เอาดวงเด็กสองคนไปให้หมอธรรมดูก่อน ถ้าแต่งแล้วจะทำให้ใยไหมซวยแทนลูกชาย ฉันจะยอมรับการตัดสินใจของยาย” คงเหลือทางนี้ทางเดียวแล้ว แล้วก็หวังว่ายายจะยอม
พร้อมกับดวงสองคนจะเกื้อกูลสองฝ่าย ไม่ใช่แค่ดวงของใยไหมเกื้อกูลลูกเธอฝ่ายเดียว เพราะไม่อย่างนั้นคงหมดหวังแน่
“...” ยายลำดวนได้ยินแบบนั้นก็ลังเล ไม่ใช่ว่าอยากให้หลานแต่งเพราะเหตุผลพวกนี้ แต่ก็อยากฟังคำตอบชัด ๆ ให้สบายใจเหมือนกัน
“นะยาย เห็นใจและให้โอกาสฉันหน่อยนะ ลูกชายฉันล้มลงสองครั้งติดแล้ว ตอนนี้ก็ให้มันอยู่แต่บ้านมาสองเดือนแล้ว ถ้าไม่ได้แต่งงานกับใยไหมก็คงต้องอยู่แต่บ้านตลอดไป” พูดขึ้นอย่างหนักใจและเศร้าใจไม่น้อย
“ได้ งั้นฉันจะไปบ้านหมอธรรมกับเจ๊ก่อน” เพราะหากไม่ไปให้รู้คำตอบสบายใจ เธอมั่นใจว่ายังไงเรื่องก็ไม่จบแค่นี้ “แต่เจ๊ต้องรับปากนะ ว่าถ้าดวงหลานฉันจะซวยแทนลูกเจ๊ เจ๊จะไม่ตื้อและยุ่งกับหลานฉันอีก”
“ได้ ฉันรับปาก”