หลังจากยายออกจากบ้านไปกับเจ๊แอ๋ว ใยไหมก็นั่งจมอยู่กับความคิดมากมายของตัวเองเพียงลำพัง
บูม เธอรู้จักแม้จะไม่เคยคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว และเธอก็พึ่งเจอเขาคืนสิ้นปีที่บ้านของธีร์ ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่หน้าตาหล่อเหลาทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหวและเขินอายได้ง่าย ๆ เธอเคยปลื้มเขาตั้งแต่สมัยตัวเองเรียนมัธยมและเข้าไปซื้อของร้านเขาระหว่างรอรถกลับบ้าน
แต่มันเป็นความชื่นชอบชื่นชมแบบเด็กสาวที่มีต่อชายหนุ่มหน้าตาดี ไม่ได้คิดกล้าอยากเข้าหาทำความรู้จัก ด้วยฐานะที่แตกต่างกันอย่างมาก ทำให้เธอเจียมตัวอยู่เสมอ
แต่วันนี้แม่เขาบอกมาสู่ขอเธอให้เขา
แล้วทำไมหัวใจของเธอถึงได้สั่นไหวเหมือนตื่นเต้นแบบนี้ล่ะ
ทำไมเหตุผลของเจ๊แอ๋วทำให้เธออยากช่วย
หรือจริง ๆ แล้วเพราะเธอก็เป็นเพียงหญิงสาวที่หลงผู้ชายหล่อ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่เคยมีความคิดเรื่องแต่งงานเหมือนกัน
หากสุดท้ายแล้วดวงของเธอสมพงษ์กับดวงของบูม เจ๊สู่ขอ ยายอนุญาต
แล้วเธอจะทำยังไง เลือกทางไหนให้ชีวิตดี
“เกิดมายังไม่เคยมีแฟน แต่จะมีผัวเลยเหรอ” พูดกับตัวเองด้วยความรู้สึกแปลก ๆ แก้มสองข้างร้อนผ่าวกับคำว่าเธอจะมีผัว “คิดอะไรก็ไม่รู้”
ว่าตัวเองแล้วสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป แล้วหันมาสนใจงานในมือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ใจเธอน่ะ รู้ดีว่าไม่นิ่งเลย เฝ้ารอการกลับมาของยายกับเจ๊แอ๋วอย่างจดจ่อ
จนประมาณสองชั่วโมงกว่าได้ที่รถเก๋งสีขาวคันสวยของเจ๊แอ๋วขับเข้ามาจอดที่เดิม เจ้าของรถลงจากรถแล้วมาช่วยยายเธอที่ไม่ถนัดเรื่องรถราเปิดประตูประคองลงพาเดินเข้าบ้าน
แล้วดูจากสีหน้าของเจ๊แอ๋วแล้ว มันยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของใยไหมเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมทั้งที่ทำใจให้สงบมาได้สักพักแล้ว
“เดี๋ยวหนูเอาน้ำให้นะจ๊ะ” แขกมารอบแรกไม่ได้เอาน้ำมาเสิร์ฟ แต่พออีกฝ่ายนั่งลงบนเสื่อที่เดิมเลยลุกขึ้นไปหยิบน้ำขวดในตู้เย็นพร้อมขันเงินใบเล็กมาวางไว้ให้
“ขอบใจจ้ะ” เจ๊แอ๋วบอกด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เหมือนที่คนอื่นพูดไม่มีผิดว่าเด็กสาวมารยาทดี
“เจ๊เขาอยากสู่ขอเอ็งไปให้ลูกชายเขา เอ็งว่ายังไง” ยายลำดวนหันไปถามหลานสาวให้ตัดสินใจเอง
ไปตำหนักหมอธรรมเมื่อกี้ได้คำตอบแล้ว ว่าดวงเด็กสองคนส่งเสริมกัน ไม่เพียงแค่ใยไหมเกื้อกูลให้แสงสว่างกับบูม แต่หลังดวงบูมกลับมาเป็นปกติ ก็ช่วยส่งเสริมดวงของใยไหมด้วยเช่นกัน
คนแก่ที่ห่วงหลานสาวคนเดียว กลัวเหมือนกันหากวันหนึ่งตัวเองไม่อยู่แล้วหลานสาวจะอยู่ลำพังยังไง หลานสาวที่สะสวยจนบางครั้งมันก็เหมือนดาบสองคมที่นำอันตรายมาสู่เราได้ หากได้ผัวเป็นตัวเป็นตน มีคนช่วยเหลือดูแล คนแก่ใกล้ฝั่งก็สบายใจ
แต่ทั้งนี้ก็ไม่อยากบังคับ ยิ่งรู้ว่าทั้งสองไม่ได้คบหารักใคร่กัน ต้องไปเริ่มต้นเรียนรู้เหมือนสมัยเธอแต่งกับตาใยไหมยิ่งห่วง เพราะเด็กสมัยนี้เบื่อง่ายหน่ายเร็ว ทุกอย่างสะดวกสบายไม่เหมือนยุคก่อนที่ถูกจับคู่ให้ก็ต้องอยู่กินเรียนรู้จนเกิดความรักและครองคู่กันมาจนจากตายเป็นส่วนใหญ่
“ช่วยเจ๊หน่อยนะลูก ไม่ต้องกลัวว่าแต่งเข้าแล้วเจ๊จะละเลย” เจ๊แอ๋วรีบหันไปพูดอย่างอ้อนวอนทันที เพราะคุยกันมาบนรถกับยายลำดวนแล้ว บอกเล่าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เธอจะให้และจะทำต่อหลานสาวคนเดียวของยาย
“หนูห่วงยาย ไม่อยากให้ยายอยู่คนเดียว” นี่คือสิ่งที่เธอกังวลที่สุด
“ยายไม่ได้แก่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ขนาดนั้น” ถ้าเป็นเรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ห่วง
“ถ้าเป็นเรื่องนี้หนูไม่ต้องกังวล บ้านเราก็ห่างกันไม่กี่กิโล หนูจะกลับมาหายายเรื่อย ๆ เจ๊ก็ไม่ว่า” รีบบอกให้เด็กสาวสบายใจ “หรือถ้าห่วงเรื่องหุงหาอาหาร ตอนเย็นเอากับข้าวจากที่นั่นมาให้ยายก็ได้”
เธอไม่มีปัญหากับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้ว
“เอ็งตัดสินใจเอาเองเลย เรื่องยายไม่ต้องกังวลเหมือนที่เจ๊ว่า อีกอย่างยายไม่ได้แก่จนทำอะไรเองไม่ได้” ถึงจะแก่แล้วแต่ก็ยังลุกเดินเองได้ หยิบจับนั่นนี่ได้
“หนูขอเวลาคิดอีกหน่อยได้ไหมคะ” ถ้าพูดไปก็เป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิตเธอ เรื่องที่ไม่เคยอยู่ในหัวมาก่อน
แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมปากกับใจถึงไม่ปฏิเสธไปเลยทั้งที่เธอกับเขาคนนั้นไม่ได้ชอบพอกันสักหน่อย
“ได้ เดี๋ยวยังไงเจ๊จะมาหาใหม่นะ” ไม่อยากกดดันเด็กสาวเกินไป รู้ดีว่ากะทันหันเกินไป ขนาดลูกชายที่ได้ผลประโยชน์กว่า รู้ตัวตั้งนาน ยังทำใจไม่ได้กับเรื่องแต่งงานเลย “งั้นเ**กลับก่อนนะ กลับก่อนนะยาย”
“อืม”
“สวัสดีจ้ะ” ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ก่อนอีกฝ่ายจะเดินออกจากบ้านและขับรถไป เหลือเพียงยายหลานสองคน
“ใจหนึ่งยายก็อยากให้เอ็งแต่งนะ” แล้วยายลำดวนก็พูดขึ้น
“ทำไมจ๊ะ” ถามพร้อมกับใจทำงานหนักกว่าเดิม
“เรามีกันสองคน ยายแก่ตัวลงทุกวัน เอ็งเป็นสาวเป็นแส้ ชีวิตผู้หญิงตัวคนเดียวไม่ได้ง่ายหรอกนะ”
แน่นอนว่านี่คือความคิดแบบคนแก่ตามชนบทที่ห่วงหาลูกหลานผู้หญิงมากกว่า เพราะความเป็นอยู่การใช้ชีวิตมันลำบากและอันตรายมากกว่า โดยเฉพาะภัยในรูปแบบของคน
“แต่ถ้าหนูแต่งไป ก็ต้องแต่งเข้าบ้านเขา” เป็นไปไม่ได้หรอกที่ลูกคนรวยแบบนั้นจะมาแต่งเข้าบ้านเธอ เขาคงใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้ อีกอย่างบ้านเขามีงานมีการทำ
“ก็อย่างที่พูดไปเมื่อกี้ บ้านห่างกันแค่สี่โล ขี่มอเตอร์ไซค์แป๊บ ๆ ก็ถึง” บอกหลานสาวให้สบายใจ “แต่เอ็งก็เห็นว่ายายยังทำอะไรเองได้ทุกอย่าง”
แค่ไม่คล่องแคล่วเหมือนเก่า แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอจนเดินต้องกลัวล้มฟาดพื้นขนาดนั้น
“เอ็งเป็นสาวแล้ว หน้าตาก็สะสวย ยายกังวลเรื่องของเอ็งไม่กี่อย่างหรอก” อย่างแรกก็การต้องอยู่ลำพังในตอนไม่มียายคนนี้ อย่างสองก็เรื่องผู้ชายที่ไม่หวังดี “โดยเฉพาะลูกอีชบามัน”
ชายหนุ่มในหมู่บ้านเดียวกัน คนที่สนใจหลานสาวเธอมานานแล้ว สายตาที่มองไม่เคยน่าไว้ใจ ขับรถผ่านหน้าบ้านทุกวันทั้งที่ไม่มีเหตุจำเป็น
นิสัยอีกฝ่ายเป็นพวกอันธพาล ตนกลัวสักวันมันจะทำอะไรที่ทำให้หลานสาวตนเจ็บปวดเสียใจ
“...” คำพูดของยายทำให้ใยไหมเงียบอย่างไร้ข้อโต้แย้ง เพราะแม้เธอจะอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ แต่เธอก็กลัวผู้ชายคนนั้นไม่น้อย
“ลูกเจ๊แอ๋วก็น่าตาดีไม่น้อย ถ้ามันนิสัยดีด้วยก็ถือว่าเป็นบุญของเอ็งด้วยนะ” พูดติดตลกออกไป “แต่ถ้ามันนิสัยไม่ดี จะเลิกก็ไม่เป็นไรนี่ ถึงตอนนั้นก็ปล่อยให้มันดวงกุดต่อไป”
“ยายก็” ทำไมพูดจาเป็นตัวร้ายขนาดนี้ล่ะ
“พูดจริงนี่หว่า ได้ผัวดีนับว่าเป็นเรื่องดี แล้วนี่ดูท่าแม่ผัวก็ดีและต้อนรับไม่น้อย มันดีกว่าได้ผัวดีอีกนะ” ไม่รู้หรอกว่าที่เจ๊แอ๋วพูดดิบดีรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะเพราะแค่กำลังอยากได้หรือจะทำได้จริง
แต่ถ้าทำได้จริงก็นับเป็นโชคดีของหลานสาวเธอ แต่หากไม่ดีอย่างที่พูดทั้งแม่ทั้งลูก ก็ทิ้งให้รับกรรมกันเองซะ
“คิดดูเอาเองแล้วกัน เอ็งเลือกแบบไหนยายก็ไม่บังคับ” เมื่อเห็นหลานยังลังเลและกังวลก็เลยพูดขึ้นอย่างไม่กดดัน
“จ้ะ” ตอบรับออกมาด้วยความคิดไม่ตก
เป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิตเธอเลยก็ว่าได้
แต่งงาน มีผัวในขณะที่ยังไม่เคยมีแฟน
มันจะเป็นยังไงนะ