bc

Precious Love หวงรักมาเฟีย

book_age16+
593
ติดตาม
3.7K
อ่าน
รักต้องห้าม
ครอบครัว
จบสุข
โชคชะตา
มาเฟีย
คนใช้แรงงาน
ดราม่า
หวาน
เบาสมอง
ปิ๊งรักวัยเด็ก
friends with benefits
like
intro-logo
คำนิยม

ไอรีน (IRENE) : หญิงสาวที่มีปมในอดีตที่แสนขื่นขม อดีตที่เธอไม่มีวันลืมมันได้สักวัน ภาพของผู้เป็นพ่อที่จากเธอไปเพราะปกป้องลูกชายของเจ้านายยังคงฝั่งใจเธอ ไอรีนเก็บซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเธอเอาไว้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามความต้องการของผู้เป็นแม่ และเพราะแบบนั้นมันเลยทำให้ เธอและเขา แยกจากกันโดยที่เขาเองก็เข้าใจว่าไอรีนได้ตายจากไปตั้งแต่ 15 ปีก่อน...

ฮอล (HALL) : ลูกชายคนรองของตระกูล RIZZO หน้าตาหล่อเหลา ร่างกายกำยำ หุ่นสูงโปรางดูดี ชีวิตไม่เคยลำบาก มีเส้นทางชีวิตที่ชัดเจน ชอบชีวิตตัวเองที่ไม่มีใครไม่เคยเชื่อในความรักเหมือนพี่ชาย เขามองว่าความรักเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นในชีวิตแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ได้แต่จะไม่มีทางมอบหัวใจให้

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทนำ
ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น “นายครับ…” เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความนอบน้อมเอ่ยเรียกผู้เป็นนายของเขา ฮันเตอร์ ผู้นำตระกูลRIZZO วัย 35 ในตอนนั้นละสายตาจากหนังสือตรงหน้า พร้อมกับปลายสายตามองลูกน้องคนสนิทอย่าง หิรัญ “ว่าไง?…” “กูนึกว่ามึงจะกลับไปหาลูกหาเมียแล้วซะอีก…” ฮันเตอร์เอ่ยออกไปอย่างรู้สึกแปลกใจที่ลูกน้องคนสนิทอย่างรามไม่รีบกลับบ้านเหมือนทุกวัน “ผมมีเรื่องอยากจะบอกนายก่อนน่ะครับ” “เรื่องอะไรวะ ทำไมหน้ามึงถึงดูเครียดแบบนั้น” สีหน้าของเขาบอกชัดว่ากำลังเป็นห่วงลูกน้องคนสนิทและน้อยคนนักที่จะได้เห็นความเป็นห่วงจากฮันเตอร์ที่แสดงออกมาแบบนั้น “ผมจะขอลาออกสิ้นเดือนนี้ครับ…” หิรัญเอ่ยพร้อมทรุดตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเจ้านายที่เขาเคารพรักด้วยชีวิต แต่ทว่าในตอนนี้เขาก็มีอีก 3 ชีวิตที่เขารักและต้องคอยปกป้องดูแลเช่นกัน ฮันเตอร์มองลูกน้องคนสนิทด้วยแววตาเรียบนิ่ง เขาเข้าใจในความหมายที่หิรัญพูดออกมาเป็นอย่างดี เขากับหิรัญไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้องเหมือนที่ใครหลายคนเข้าใจ แต่เขากับหิรัญเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเป็นพี่น้องร่วมสาบานว่าจะรักและคอยปกป้องกันและกัน พวกเขาทั้งคู่ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย ตลอดชีวิตของ ฮันเตอร์ ตั้งแต่ที่เขาอยู่ในตำแหน่งทายาทของตระกูลจนขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูล เขาถูกรอบทำร้ายและถูกทรยศหักหลังจากผู้คนที่เขาไว้ใจ มีเพียงแค่หิรัญที่คอยปกป้องและอยู่เคียงข้างเขาอย่างที่ร่วมสาบานกันไว้ “เหนื่อยจะตามกูแล้วเหรอไง..” ผู้นำตระกูลวัย 35 ในเวลานั้นเอ่ยพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ เขาวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะก่อนจะให้ความสนใจแค่ลูกน้องคนสนิท อันที่จริงมันเป็นอะไรที่น่าใจหายไม่น้อยที่วันนี้เขาอาจจะต้องปล่อยหิรัญไปแล้วจริง ๆ “เปล่าเลยครับ แต่ผมอยากให้เวลากับนิด หนูอัยย์ แล้วก็ตะวัน” “เมื่อวันก่อนหนูอัยย์บอกผมว่ามีผู้ชายมาหาที่โรงเรียนแล้วบอกว่าเป็นเพื่อนของผม แต่เพราะหนูอัยย์ไม่คุ้นหน้าและจำสิ่งที่ผมเคยบอกได้ว่าถ้ามีคนแปลกหน้ามาหาที่โรงเรียนหรือมาอ้างว่าพ่อให้มารับอย่าไปเชื่อเพราะผมจะไปรับหนูอัยย์ด้วยตัวเองทุกครั้ง” “ผมเป็นห่วงลูกเป็นห่วงนิด เพราะผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมกลัวมันกำลังจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของผมแล้ว” “ผมเสียนิดกับลูกไปไม่ได้ ผมจะให้พวกเขามาเจออันตรายกับงานที่ผมเลือกทำไม่ได้” หิรัญเอ่ยออกไปอย่างไม่คิดจะปิดบังในสิ่งที่ตัวเองคิด งานที่เขาทำมันเสี่ยงอันตรายและเกี่ยวพันกับเรื่องความเป็นความตายมาตลอด เขาเคยให้สัจจะวาจาและร่วมสาบานกับฮันเตอร์ว่าเขาจะดูแลรับใช้ฮันเตอร์และตระกูลไปจนกว่าชีวิตเขาจะดับสิ้นไป แต่ทว่าพอมาตอนนี้เขากลับต้องขอผิดคำสาบานเพราะเขาเองก็จำเป็นที่จะต้องปกป้องครอบ ครัวของเขาเช่นกัน “อืม...กูเข้าใจ แล้วก็คิดไว้อยู่แล้วว่าวันนี้มันต้องมาถึง” “ผมขอโทษนะครับนาย ขอโทษที่ผิดคำสัญญา” หิรัญเอ่ยออกไปด้วยความรู้สึกผิด แต่เขาเองก็ตัดสิน ใจอย่างแน่วแน่แล้วเช่นกัน ฮันเตอร์ยกยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ ก่อนจะขยับกายลุกขึ้นยืนเดินไปหาลูกน้องคนสนิทพร้อมกับจับไหล่ทั้งสองแล้วค่อย ๆ พยุงตัวหิรัญขึ้นมา “ไม่มีอะไรที่มึงต้องขอโทษกูเลย กูเองต่างหากที่ต้องขอโทษและขอบคุณมึงที่เลือกจะเสี่ยงชีวิตอยู่ข้างกูมาตลอด” “กูคงคิดถึงมึงแล้วก็คงไม่มีใครรู้ใจกูดีเท่ามึงอีกแล้ว แต่ก็นั่นแหละชีวิตของมึงที่ผ่านมาทำเพื่อกูมาเยอะแล้วเหมือนกัน หลังจากนี้มึงไปใช้ชีวิตแบบที่มึงอยากใช้ดูแลครอบครัวของมึงและคนที่มึงรัก” “ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือมีปัญหาอะไรอย่าลืมว่ามึงมีกู อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากกู เพราะเราไม่ได้เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องแต่เราคือพี่น้องกัน สำหรับกูมึงคือพี่ชายที่กูสามารถพึ่งพาได้ตลอดเวลา มึงคือพี่ชายที่พร้อมจะปกป้องและชี้แนะกูตลอดหลาย 10 ปี” “กูดีใจที่ช่วงชีวิตที่กูเติบโตมามีมึงอยู่ในนั้นมาเสมอ” ฮันเตอร์เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วไม่ได้ดุดันหรือน่าเกรงขามเหมือนทุกครั้ง แต่เขากลับใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด หิรัญมองหน้าเจ้านายหนุ่มด้วยความซาบซึ้งใจที่ฮันเตอร์ไม่ได้มองเขาเป็นเพียงแค่ลูกน้อง แต่กลับมองว่าเขาคือพี่ชาย ตลอดการเติบโตระหว่างเขากับฮันเตอร์มันเป็นอะไรที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายคู่กันมาตลอด เรียนรู้ความผิดพลาดและก้าวผ่านเรื่องราวเลวร้ายไปพร้อม ๆ กัน มันเลยไม่แปลกที่พวกเขาจะรักและผูกพันกันมากมายขนาดนี้ เพราะตัวหิรัญเองก็ไม่ได้มองฮันเตอร์เป็นแค่เจ้านายแต่เขากลับรู้สึกว่าฮันเตอร์คือน้องชายที่เขาต้องคอยดูแลและปกป้องมาตลอด ฮันเตอร์เป็นคนใจร้อนและที่สำคัญเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล เกิดและเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูแบบมาเฟีย นิสัยก็เลยจะดูเหมือนคนที่ไร้หัวใจ ใช้ความป่าเถื่อนและรุนแรงเป็นเรื่องปกติจนคล้ายกับคนที่ไร้หัวใจ แต่อันที่จริงไม่ใช่ ฮันเตอร์ก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่สามารถแสดงความรู้สึกจริง ๆ ของตัวเองออกมาได้ เพราะคำว่าผู้นำตระกูลมันค้ำคอเขาไว้ เขาจำเป็นต้องร้ายกาจ ไร้หัวใจ และโหดเหี้ยมเพื่อให้คนของเขาปลอดภัยโดยที่เขาจะต้องละทิ้งความรู้สึกของตัวเอง “มึงจะออกวันนี้เลยใช่ไหม?” “ยังครับ ผมจะทำงานถึงสิ้นเดือนนี้” “ก็อีก 2 อาทิตย์สินะ” ฮันเตอร์เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะมองหน้าลูกน้องคนสนิทพร้อมกับถอนหายใจออกมาน้อย ๆ “ว่าแต่ถ้าอนาคตลูกชายฉันกับลูกสาวแกโตพอแล้วทั้งคู่ มึงจะรังเกียจไหมถ้ากูจะขอทาบทามหนูอัยย์เอาไว้ให้เป็นเจ้าสาวของไอ้ฮอลในอนาคต” “กูคิดว่าเด็กสองคนนั้นน่าจะผูกพันกันมากทีเดียว” “ผมว่าเรื่องความรักปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของเด็กทั้งคู่จะดีกว่าครับ ผมไม่อยากตีตราให้หนูอัยย์ว่าโตขึ้นเขาต้องแต่งงานกับใคร ผมอยากให้เขาเลือกความรักด้วยตัวของเขาเอง” “ฮึ มึงก็เป็นซะแบบนี้...ถ้าเป็นคนอื่นคงดีใจที่ลูกสาวจะได้เป็นคู่หมั้นกับลูกเจ้านายแต่มึงกลับไม่ใช่แบบนั้น แถมยังปฏิเสธกูอีก...” ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าคำตอบที่เขาจะได้รับจากหิรัญมันจะออกมาในรูปแบบไหนแต่เขาก็ยังอยากจะเสี่ยงพูดออกไปอีกครั้งเผื่อว่าลูกน้องของเขาจะตอบรับ แต่สุดท้ายก็ไม่ผิดไปจากที่คิดเท่าไร... “ผมแค่คิดว่าการที่หนูอัยย์กับคุณฮอลสนิทกันเพราะเขาได้เล่นด้วยกันตามประสาเด็กเพียงเท่านั้นครับ” “เพราะงั้นในเรื่องของความรัก ถ้าโตขึ้นพวกเขาจะมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของพวกเขาจะดีกว่า” หิรัญเอ่ยออกไปตามตรง เขาเองก็เห็นว่าฮอลกับอัยย์ลดานั้นสนิทสนมกัน แต่เพราะทั้งคู่เป็นเด็กและพวกเขาก็แค่เล่นด้วยกันตามประสาเด็ก การที่จะเกิดความรักในกลุ่มเด็กวัยนี้มันไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้ ในขณะที่อีกด้าน เด็กน้อยในวัย 7 ขวบกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวนดอกไม้รอบคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูล RIZZO อัยย์ลดาในตอนนั้นเธอมีความสุขและก็เพลิดเพลินกับการวิ่งไล่จับเจ้าผีเสื้อตัวน้อยที่กำลังบินไปบินมาเต็มสวนดอกไม้ “น้องอัยย์ เดี๋ยวล้มนะ” เท้าเล็กที่สวมใส่ร้องเท้าแตะสีแดงผูกโบว์ของเด็กหยุดชะงักเมื่อเสียงเด็กชายอีกคนดังขึ้น อัยย์ลดาหันกลับไปมองต้นเสียงก่อนที่เด็กน้อยจะทำหน้าอ้อนพร้อมกับพูดเสียงเจื้อยแจ้ว “พี่ฮอล หนูอัยย์ไม่ล้มหรอกค่ะ...หนูอัยย์เก่ง!” ตุ้บ!! พูดยังไม่ทันขาดคำเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วเมื่อครู่ที่โม้เอาซะดิบดีว่าเธอไม่มีทางวิ่งสะดุดล้มได้ง่าย ๆ มาตอนนี้แค่เธอก้าวเท้าวิ่งยังไม่ทันไรก็ล้มหน้าคะมําไปซะแล้ว ฮอลในวัย 14 ปีหลุดขำออกมาก่อนจะรีบวิ่งไปดูเด็กน้อยที่พยายามจะพยุงตัวเองลุกขึ้น “พี่บอกแล้วไงว่าให้ระวัง...ทำไมหนูอัยย์ชอบดื้อไม่ฟังพี่เนี่ย” “เจ็บไหม? ไหนให้พี่ดูแผลที่หัวเข่าหน่อย” เด็กชายเอ่ยพร้อมกับดูไปที่แผลตรงหัวเข่าของอัยย์ลดา หนูอัยย์ที่พยายามเก็บอาการความเจ็บของตัวเองเอาไว้แต่พอเลื่อนสายตาไปเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากแผลที่หัวเข่ามันก็ทำให้เด็กน้อยอย่างเธอกลั้นน้ำตาและความกลัวเอาไว้ไม่ได้ “ฮือออ พี่ฮอลหนูอัยย์เจ็บ ฮือออ” “เลือดออกเยอะเลย ฮือออ หนูอัยย์จะตายไหม ฮือออ” เด็กน้อยร้องโวยวายออกมาเสียงดังก่อนที่เธอจะมองไปที่แผลของตัวเอง ฮอลที่อีกใจก็สงสารแต่อีกใจก็อดขำด้วยความเอ็นดูไม่ได้ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษสลักเป็นชื่อเขาแบบตัวย่อก่อนจะเอาไปซับเลือดที่กำลังไหลออกมาจากแผลให้เด็กน้อยอย่างอัยย์ลดา “นี่แหละจำไว้เลยว่าเวลาพี่เตือนอะไร หนูอัยย์ต้องฟังพี่ด้วยอย่าดื้อแบบนี้” “เพราะถ้าไม่ฟังหนูอัยย์จะต้องเจ็บตัวแบบนี้อีก” “ไม่ดื้อแล้วค่ะ ต่อไปหนูอัยย์จะเชื่อฟังพี่ฮอล หนูอัยย์จะไม่ดื้อแล้ว” เด็กน้อยพยักหน้าทั้งน้ำตาก่อนจะมองไปที่แผลของตัวเองที่มีผ้าเช็ดหน้าปิดอยู่ ฮอลมองไปที่เด็กน้อยตรงหน้าก่อนจะเลื่อนมือไปเกลี่ยหยาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่ที่แก้มใส แถมหยาดน้ำตามากมายยังติดอยู่ที่แผงขนตายาวของหนูอัยย์อีกต่างหาก “ไม่ต้องร้องแล้ว เดี๋ยวขี่หลังพี่นะ เดี๋ยวพี่พาหนูอัยย์ไปนั่งเอง” หนูอัยย์พยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปขึ้นหลังเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธออย่างฮอล สำหรับอัยย์ลดาแล้ว เธอมองว่าฮอลเป็นเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาวที่เข้ามาช่วยเหลือเธอในทุก ๆ เรื่อง จนเด็กน้อยเกิดความเพ้อฝันเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป ว่าอยากมีรักเหมือนในการ์ตูนเจ้าหญิงที่เธอชอบดู ฮอลพาหนูอัยย์มานั่งที่ม้านั่งตัวยาวก่อนที่เขาจะย่อตัวก้มลงไปดูแผลให้เด็กน้อยอีกครั้ง “เลือดหยุดแล้ว...เดี๋ยวหนูอัยย์ต้องไปล้างแผลแล้วก็ทำแผลนะ” “ได้ค่ะ แต่อัยย์ขอผ้าเช็ดหน้าพี่ฮอลไว้นะ เดี๋ยวอัยย์เอาไปซักให้” “ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวพี่ให้แม่บ้านไปซัก” “ไม่เอาาา หนูอัยย์ขอซักเองนะ” เด็กน้อยพูดด้วยสีหน้ากระเง้ากระงอดเล็กน้อยก่อนจะแย่งผ้า เช็ดหน้าของฮอลมาถือไว้...ฮอลยิ้มขำออกมาอีกครั้งก่อนจะผลักหัวของหนูอัยย์อย่างไม่แรงนักด้วยความเอ็นดู “ซักเป็นหรอไงเรา” “ซักไม่เป็นก็จะซัก เดี๋ยวหนูอัยย์จะลองซักผ้าด้วยตัวเอง” เด็กน้อยพูดออกไปอย่างหมายมั่นว่าตัวเองจะทำให้ได้ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยซักผ้าเองเลยก็ตาม “ไม่ใช่ว่าเอากลับมาคืนพี่แล้วมีแต่กลิ่นน้ำยาซักผ้านะ” ฮอลเอ่ยแซวก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นยืนมองเด็กน้อยตรงหน้าอีกครั้ง เขากับหนูอัยย์ค่อนข้างสนิทสนมกันมากทีเดียว แต่อันที่จริงมันไม่ใช่แค่เขาหรอก น้องสาวของเขาอย่างฮันน่าหรือแม้แต่พี่ชายของเขาอย่างเฮลเองก็สนิทกับหนูอัยย์เหมือนกันแต่ถ้าพูดถึงความสนิทมาก ๆ แล้วล่ะก็ มันมีแค่เขาเพียงคนเดียวที่หนูอัยย์จะติดเป็นพิเศษ “พี่ฮอล...ถ้าโตขึ้นหนูอัยย์ขอเป็นเจ้าสาวพี่ฮอลได้ไหมคะ” “หืม? พูดอะไรออกมารู้ไหมเนี้ยหนูอัยย์” ฮอลเลิกคิ้วตัวเองขึ้นด้วยความแปลกใจก่อนจะเอ่ยถามอัยย์ลดากับสิ่งที่เธอพูดออกมาแบบนั้น เด็กน้อยเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเอ่ยเม้มริมฝีปากตัวเองเข้าหากันแน่น ๆ ก่อนจะช้อนสายตาสบมองใบหน้าของเจ้าชายของเธอด้วยแววตาไร้เดียงสา “หนูอัยย์รักพี่ฮอลค่ะ หนูอัยย์อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ฮอล” “เด็กน้อยตัวแค่นี้หัดมาสารภาพรักกับผู้ชายแล้วเหรอเรา” ยิ่งได้ฟังคนเป็นพี่อย่างฮอลก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูเด็กสาวไม่น้อย เธอพูดออกมาทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความรักคืออะไร เขาย่อตัวลงตรงหน้าหนูอัยย์อีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามเธออย่างอยากรู้ “หนูอัยย์รู้หรอว่าความรักคืออะไร?” เด็กน้อยที่ได้ยินคำถามก็นิ่งเงียบไปอย่างไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วความรักมันคืออะไร เธอรู้แค่เธอชอบเวลาที่เธอได้อยู่กับฮอลมันคือช่วงเวลาที่เธอไม่อยากให้หายไปไหนเลย “หนูอัยย์ไม่รู้ค่ะ แล้วพี่ฮอลรู้หรอคะว่าความรักคืออะไร” “พี่เองก็ไม่รู้ พี่ไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไรในตอนนี้ และเราทั้งคู่ก็ยังเด็กกันมากที่จะพยายามหาคำตอบว่าความรักคืออะไร” “หนูอัยย์เองก็เหมือนกัน โตขึ้นหนูอัยย์ก็จะเรียนรู้ได้เองว่าความรักสำหรับหนูอัยย์คืออะไร...ตอนนี้หนูอัยย์อาจจะรักพี่เหมือนน้องสาวรักพี่ชาย” “แต่มันก็ไม่ใช่ความรักแบบที่พ่อกับแม่ของเรารักกันหรอก” ฮอลอธิบายอย่างใจเย็นเพราะเดิมทีเขาก็เป็นคนที่ใจเย็นและอ่อนโยนเวลาที่อยู่กับอัยย์ลดาอยู่แล้ว อัยย์ลดายังคงทำหน้าฉงนใจด้วยความสงสัยในสิ่งที่ฮอลพูดออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรเขาอีก ฮอลมองใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กน้อยก่อนจะระบายยิ้มออกมาอีกครั้ง “เอาไว้ถ้าโตขึ้นหนูอัยย์ยังยืนยันว่ารักพี่จริง ๆ เข้าใจในคำว่ารักแล้วจริง ๆ ค่อยมาบอกพี่ใหม่อีกรอบว่าหนูอัยย์รู้สึกยังไงกับพี่” “ตกลงไหมครับ...” ฮอลในวัย 14 ปีพูดพร้อมกับยกมือขึ้นแล้วยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าอัยย์ลดาคล้ายกับว่าจะให้คำสัญญากับเด็กน้อย...หนูอัยย์ระบายยิ้มออกมาด้วยความไร้เดียวสาก่อนที่เธอจะยื่นนิ้วก้อยออกไปเกี่ยวกับนิ้วของฮอลเอาไว้ “ตกลงค่ะพี่ฮอล” เสียงใสเอ่ยออกไปอย่างเจื้อยแจ้ว นัยน์ตากลมโตเปล่งประกายไปด้วยความสดใสเช่นเดียวกับรอยยิ้มที่น่ามองของเธอ “ทำอะไรกันอยู่น่ะ” แต่ทว่าเสียงทุ้มของใครอีกคนก็ดังขึ้นอีกครั้งทั้งฮอลและหนูอัยย์ต่างหันไปมองก่อนจะเห็นว่าเป็นเฮลทายาทลำดับที่ 1 ที่อนาคตจะต้องขึ้นเป็นผู้นำตระกูลต่อจากผู้เป็นพ่อ “พี่เฮล หนูอัยย์ล้มเจ็บมากกก” “ล้มตรงไหน?” “ตรงนู้นนน” “บอกพี่เฮลไปด้วยดิว่าหนูอัยย์ล้มเพราะอะไร?” ฮอลเอ่ยออกไปพร้อมกับมองหน้าเด็กน้อยที่พอเห็นเฮลก็รีบตะโกนฟ้องหน้าตาเอาจริงเอาจังเลย เด็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้นก็เม้มปากตัวเองแน่นเพราะรู้ดีแก่ใจว่าที่เธอล้มเป็นเพราะเธอดื้อไม่เชื่อฟังฮอล “ล้มเพราะหนูอัยย์ไม่เชื่อพี่ฮอล พี่ฮอลบอกอย่าวิ่งแต่หนูอัยย์วิ่งค่ะ” “แล้วพี่ควรจะสงสารเราดีไหมเนี้ย...” เฮลที่ตอนนั้นอายุได้ 16 ปีพูดขึ้นพร้อมกับเดินมาลูบหัวหนูอัยย์ด้วยความเอ็นดู เพราะหนูอัยย์สำหรับพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับฮันน่าที่เป็นเหมือนน้องน้อยของพวกเขา “ต้องสงสารสิคะ เพราะหนูอัยย์เลือดไหลเลยนะ” “เด็กดื้อก็ต้องเอาเลือดออกบ้างมันก็ถูกแล้ว” ฮอลยังคงพูดแหย่ไม่หยุดจนเด็กน้อยเริ่มหน้าบูดเป็นตูดลิง เล่นเอาสองหนุ่มอย่างเฮลและฮอลต่างหัวเราะกันออกมา “เดี๋ยวต้องเข้าบ้านแล้วนะ พ่อเรียกพบ” เฮลเลื่อนสายตาไปมองน้องชายก่อนจะเอ่ย ฮอลพยักหน้าน้อย ๆ เพื่อเป็นการตอบรับก่อนจะหันไปมองที่อัยย์ลดาอีกครั้ง “เดี๋ยวพี่ต้องเข้าไปหาพ่อกันแล้ว หนูอัยย์เข้าไปรอน้าหิรัญในบ้านพี่เลยละกัน” “ได้ค่ะ แต่พี่ฮอลต้องให้หนูอัยย์ขี่หลังนะคะ” เด็กน้อยอ้อนตาแป๋ว ฮอลมองหน้ากับเฮลอย่างรู้ทันความขี้อ้อนของหนูอัยย์ก่อนที่ฮอลจะพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเดินไปย่อตัวลงนั่งให้อัยย์ลดาขึ้นหลังของเขา “หนูอัยย์ลูก กลับบ้านกัน พ่อทำงานเสร็จแล้วครับ” แต่ยังไม่ทันที่หนูอัยย์จะได้ทำอย่างที่อ้อน เสียงของผู้เป็นพ่ออย่างหิรัญก็เอ่ยดังขึ้น เด็กน้อยหันไปมองก่อนจะเห็นผู้เป็นพ่อเดินส่งยิ้มมาให้เธอด้วยความอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง “คุณพ่อ~~” เด็กน้อยร้องเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดผู้เป็นพ่อเอาไว้หลังจากที่พ่อของเธอทำงานเสร็จทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ของเธอ แต่เพราะพ่อของเธอต้องทำงานตลอดทุกวันไม่มีวันหยุดเธอเลยได้มีโอกาสมาเที่ยวเล่นที่คฤหาสน์ของตระกูล RIZZO อยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เธอสนิทสนมกับลูกสาวและลูกชายบ้านนี้ “ได้แผลมาอีกแล้วใช่ไหม ไหนให้พ่อดูแผลหน่อย...” หิรัญเอ่ยพร้อมกับย่อตัวลงไปดูแผลที่หัวเข่าของลูกสาวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของลูกน้อยอีกครั้ง “เจ็บไหมเนี้ย กลับไปบ้านถ้าแม่รู้หนูอัยย์ไม่รอดแน่” “เจ็บนิดหน่อยเองค่ะ แต่คุณพ่ออย่าบอกคุณแม่น้า จุ๊ ๆ เดี๋ยวแม่ดุแล้วไม่ให้มาที่นี่อีก” “จอมวางแผนอีกนะเรา กลับไปบ้านแม่ก็ต้องเห็นแผลหนูอยู่ดี” “ก็บอกว่าอัยย์ไม่ได้วิ่งล้ม บอกว่าอัยย์สะดุดล้ม” เด็กน้อยจอมวางแผนพูดจาเจื้อยแจ้วไม่หยุดจนทำให้ผู้เป็นพ่ออดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ขณะที่สองหนุ่มทายาทของตระกูล RIZZO ต่างก็จับจ้องไปที่เด็กน้อยที่พูดวางแผนกับผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าจริงจังแต่ขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความน่ารักความน่าเอ็นดู “โอเค ๆ พ่อจะทำตามที่หนูอัยย์บอกนะครับ” “แต่ตอนนี้เรากลับบ้านกันก่อนนะ พ่อกลับบ้านผิดเวลาโดนคุณแม่บ่นหูชาแน่นอน” หิรัญเอ่ยกับลูกสาวอย่างหยอกเย้าคล้ายกับไม่ได้จริงจังอะไรนัก แต่คิดว่ากลับถึงบ้านไปน่าจะโดนภรรยาคนสวยบ่นจริง ๆ เพราะนี่เขาเลยเวลากลับมาบ้านจะ 3 ชั่วโมงแล้ว “ไปค่ะ! กลับบ้านกัน~~” “พี่ฮอล พี่เฮล หนูอัยย์ไปก่อนน้า ~ บ๊ายบายค่า” เด็กน้อยหันไปโบกมือบ๊ายบายพร้อมกับส่งยิ้มสดใสให้สองหนุ่ม ฮอลมองภาพเด็กสาวตรงหน้าที่กำลังส่งยิ้มพร้อมกับโบกมือให้พวกเขาไม่หยุดก่อนที่เด็กหนุ่มจะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยตรงหน้า “เจอกันใหม่นะหนูอัยย์” เฮลพูดขึ้นนิ่ง ๆ พลางส่งยิ้มให้เด็กน้อย หนูอัยย์ยิ้มรับด้วยความไร้เดียงสาก่อนจะเอ่ย “ค่า~” “เดี๋ยวผมไปก่อนนะครับคุณเฮล คุณฮอล” หิรัญเอ่ยพร้อมกับจับมือลูกสาวเอาไว้พลางมองไปที่ลูกชายของเจ้านายทั้งสอง “สวัสดีครับลุงหิรัญ/สวัสดีครับ” ทั้งฮอลและเฮลต่างพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับยกมือไหว้ลาลูกน้องคนสนิทของพ่อ สำหรับพวกเขาหิรัญก็เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่พวกเขานับถือ ที่ผ่านมาหิรัญคอยดูแลเรื่องความปลอดภัยของเขามาตลอดเช่นกัน “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับ” หิรัญเอ่ยเพียงสั้น ๆ ก่อนจะหันหลังพาลูกสาวเดินออกไปจากตรงนี้ หนูอัยย์หันมามองฮอลเป็นระยะพร้อมกับโบกมือบ๊ายบายอยู่อย่างนั้น “ดูท่าหนูอัยย์จะติดมึงมากเลยนะ” “ก็ตามประสาเด็ก” ฮอลเอ่ยตอบรับพี่ชายที่พูดออกมาอย่างนั้น ขณะที่สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่เด็กน้อยอย่างอัยย์ลดาโดยไม่ละสายตาไปไหน ภาพของเด็กน้อยที่กำลังเดินจูงมือพ่อของเธอไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสนั้นทำให้ฮอลอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ “ไปเถอะ พ่อรอนานแล้ว”

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

อ้อนรักพ่อผัว

read
1K
bc

ไฟรักซาตาน

read
53.4K
bc

สอนรัก ลูกสาวท่านประธาน

read
1.0K
bc

ซาตานร้ายเดิมพันรัก

read
10.8K
bc

นางสาวอินทุอรณ์

read
12.0K
bc

ปราบพยศรักยัยรุ่นพี่

read
1.1K
bc

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

read
9.3K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook