ผับCK
กริ่ง
ในยามค่ำคืนเสียงแก้วกระทบกันดังก้องไปทั่วบาร์ระดับไฮเอ็นซึ่งมีลูกค้าวีวีไอพี พวกเขาอยู่รอบๆ บาร์และโต๊ะสนทนาทั้งเต้นปลดปล่อยกันอย่างสนุกสนานตามจังหวะเพลงแดนซ์มันๆ กันอย่างมีชีวิตชีวา ท่ามกลางกลิ่นหอมของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และควันซิการ์ลอยอบอวลในอากาศ สร้างบรรยากาศที่รื่นเริงเย้ายวนใจภายใต้แสงนีออนหลากสีสัน ราวกับว่าทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกับหลุดเข้าไปในอีกโลกใบหนึ่ง
เช่นเดียวกับร่างสูงหุ่นดีมาตรฐานชายไทย หนุ่มรูปหล่อใบหน้าคมเข้มเบ้าโครงหน้าฟ้าประทาน ‘องศา’ อายุ26ปี ซึ่งหลายๆ คนในแวดวงมักจะรู้จักในนาม ‘เฮียองศา’ เจ้าพ่อเงินกู้นอกระบบ เงินร้อน ดอกร้อยละ30 กำลังนั่งดื่มสำราญอยู่กับ ‘ภาคิน’ รุ่นพี่ รูปร่างสูงหุ่นดี ใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์ไม่แพ้กัน อีกหนึ่งฉายาเขาก็คือตัวพ่อคลาสโนว่า ดีกรีด้านคารมไม่เป็นสองรองใครชวนให้สาวๆ ไม่ว่าใครที่เผลอใจให้เขาแล้วต่างก็ต้องตกหลุมพรางลมปากหวานจนโง่หัวไม่ขึ้น
ทั้งสองรู้จักและสนิทกันมากมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแห่งเดียวกันจนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ภาคินเป็นเจ้าของผับCK แห่งนี้ที่เปิดเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าทางธุรกิจเพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยหรือจับตามองของบุคคลภายนอกคนอื่นๆ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะเบื้องหลังธุรกิจแท้จริงของเขาล้วนเป็นงานสีเทาผิดกฎหมายทั้งหมด
“อาทิตย์นึงเจอกันที มึงจัดเต็มได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”ภาคินหนุ่มรุ่นพี่ยิ้มน้อยๆ เอ่ยอย่างเป็นกันเองก่อนยกขวดเหล้ารินใส่ในแก้ว แล้วยื่นส่งให้กับรุ่นน้องอย่างองศา
“พี่พูดแล้วนะ อยากดื่มแก้เซ็งอยู่พอดี งั้นผมก็ไม่เกรงใจแล้ว” ฝ่ามือหนายื่นออกไปรับแก้วพลางกล่าวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
“แล้วแต่มึงเลย มึงจะหมดทั้งบาร์ก็ยังได้นะ”
“ตลกล่ะพี่ ถ้าจะขนาดนั้นก็หามผมส่งโรงบาลด้วยละกัน” เขาพูดอย่างติดตลก ก่อนยกแก้วเหล้าในมือกระดกเข้าปากดื่มไปสองสามอึก แต่รุ่นพี่อย่างภาคินได้ยินคำพูดนั้นแล้วทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกลั้วหัวเราะขบขันออกมาเล็กน้อย
“ฮ๊ะๆ ก็กูเห็นมึงมานี่ทีไร แต่คำว่าเครียดสลักอยู่บนหน้าตลอดไม่หายไปสักที คอแข็งแบบมึงเหมาคนเดียวทั้งบาร์ยังได้สบายๆ ไม่เกินจริงหรอก”
“พี่ก็พูดไป”
“หน้าเครียดแบบนี้ มึงยังไม่พบข่าวคราวของกอหญ้าของมึงอีกเหรอ”
เมื่อได้ยินคำถามรู้ใจประโยคนั้นของรุ่นพี่ ใบหน้าหล่อที่ยิ้มแย้มอยู่บ้างในทีแรกก็พลันจางหายไปกลายเป็นค่อยๆ สลดลงทันตา เปลือกตาคมหลุบมองต่ำลงเล็กน้อยก่อนที่ลมหายใจแห่งความสิ้นหวังจะถูกผ่อนออกมาเบาๆ และเขาทำได้เพียงนอกจากพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมเอ่ยตอบเป็นประโยคสั้นๆ
“อืม…”
“เห้อ ส่วนทางกูที่มึงขอให้ช่วยตามหาก็ยังไม่มีคราวเลยเหมือนกัน นี่ก็ห้าปีแล้วนะไอ้องศามึงยังอยู่ที่เดิม”
แม้แต่หนุ่มรุ่นพี่อย่างภาคินเองก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งเช่นเดียวกัน เมื่อต้องมาทนเห็นสีหน้าอมทุกข์ทางใจของรุ่นน้องที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการตามหาหญิงสาวคนรักในอดีตซึ่งได้เลิกรากันไปนานแล้ว ทุกครั้งเมื่อมาที่นี่
ตลอดหลายปีมานี้ถึงเขาจะไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนอย่างคนอื่น แต่ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกรุ่นน้องที่ยังมูฟออนจากรักเก่าไม่ได้เป็นอย่างดี
คนอื่นๆ อาจจะมองว่าผู้ชายอย่างองศาคงเป็นผู้ชายที่ชอบรักสนุก เจ้าชู้ ไม่คิดจริงจังหรือสร้างพันธะผูกมัดอยู่กับผู้หญิงคนไหน ถ้าเป็นเมื่อก่อนนั้นใช่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะหัวใจเขามันกำลังทุกข์ทรมานจนแทบเจียนตาย ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหน…หลายปีมานี้ยังคงมีเพียงภาพของหญิงสาวที่รักในอดีตปรากฏอยู่ในหัวตลอดเวลา
แต่ถึงกระนั้นปัญหาหัวใจนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนรู้ใจหรือคนสนิทมากแค่ไหน ภาคินเองก็ไม่สามารถจะช่วยบรรเทาหรือเยียวยาได้เลย นอกเสียจากเขาจะคอยเป็นเพื่อนปลอบใจและให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เท่านั้น
“เห้ย เอาน่าเรื่องของพรหมลิขิต คนเราต่อให้จะเลิกกันสักร้อยครั้ง ห่างกันสักกี่ปี ถ้าเป็นคู่กันจริงๆ สักวันก็ต้องวนกลับมาเจอกันอยู่ดีเชื่อพี่ดิ อย่ายอมแพ้ไอ้น้องยังไงมึงต้องตามหาผู้หญิงของมึงจนเจอแน่นอน”
“พี่พูดซะเหมือนพวกกูรูด้านความรักเชียวนะ รู้จักมีความรักกับเขาแล้วเหรอ” คิ้วหนาเลิกขึ้น เอียงคอเล็กน้อย ถามอย่างรู้สึกขัดหูทั้งแปลกใจไม่คิดว่าคลาสโนว่าตัวพ่อจะพูดเรื่องโลกสวยเช่นนี้ออกมาได้ ทั้งที่คำว่ารักเขายังไม่เคยได้สัมผัสแบบจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง
ทว่าหนุ่มรุ่นพี่ภาคินได้ยินคำถามประโยคนั้นของรุ่นน้อง เขาซึ่งกำลังยกแก้วขึ้นดื่มถึงกับเกิดสำลักจนแทบจะพ่นเหล้าในปากที่ดื่มเข้าไปออกมากะทันหัน
อุ๊บ! แคก แคก
“กูขอยอมตายเว้ย หาเมียก็เหมือนหาเหามาใส่หัวชัดๆ ไม่มีวันซะหรอกผู้ชายอย่างกูไม่ขอพัวพันกับใครเหมือนมึงยังจะดีกว่า อยู่ให้สาวๆ กรี๊ดนี่แหละสบายใจสุดแล้ว ฮ๊ะๆ”
เขากลั้วหัวเราะในลำคอ ยกยืดหน้าอกแสดงความสง่าผ่าเผยอย่างภาคภูมิใจที่ตนสามารถครองความโสดและอิสรภาพเอาไว้ได้ ใช้ชีวิตฉบับหนุ่มเพลย์บอยโดยไม่ต้องมาสนใจหรือแคร์ใครทั้งนั้น ซึ่งผิดกับอีกฝ่ายที่นั่งมองท่าทีนั้นพลางกระดกเหล้าในแก้วเข้าปากด้วยสีหน้าดูเรียบเฉย
เพราะในใจองศาเชื่อมั่นอย่างสนิทใจเลยว่าไม่มีใครอยู่ได้ถ้าหากไม่มีความรัก สิ้นแม้แต่ผู้ชายไม่เอาถ่าน รักสนุกไปวันๆ อย่างเขาคนเมื่อก่อน ก็ยังต้องแพ้พ่ายหัวใจให้กับผู้หญิงที่เขาเผลอปล่อยให้หลุดมือไปเช่นเดียวกัน
“พี่จะครองโสดจนตายเลยว่างั้น” คิ้วคมเลิกขึ้นอีกครั้งเอ่ยปากแกล้งถามหาความมั่นใจของรุ่นพี่
“มันต้องแหงอยู่แล้วไอ้น้องชาย ระดับพี่ไม่อยู่ให้ผู้หญิงครอบงำได้หรอกน้า รักสนุกแต่ไม่ผูกพันนะเข้าใจไหม”
“ให้มันจริงเถอะ ผมเห็นมาหลายรายแล้วไอ้พวกที่พูดแบบนี้เหมือนพี่ สุดท้ายเสียท่าให้ผู้หญิงทุกราย”
“เออ เดี๋ยวมึงคอยดูได้เลย ว่าพี่จะไม่มีเมีย”
“ได้…”
“ว้าย สวัสดีค่ะเฮีย”
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเอ่ยปากโต้เถียงกันอยู่นั้น จู่ๆ เสียงแหลมของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็ได้เอ่ยขัดจังหวะขึ้นขณะเดินเข้ามาด้วยท่าทีกระดี๊กระด๊า ดึงความสนใจให้ทั้งสองหันไปมอง
“อ้าว สวัสดีครับเจ๊ดวง”
เมื่อรู้ว่าเป็นใคร ชายหนุ่มเอ่ยกล่าวทักทายหญิงวัยกลางคนร่างท้วมหรือที่หลายๆ คนเรียกหล่อนว่าเจ๊ดวง แม่เล้าผู้ดูแลจัดหาเหล่าหญิงสาวมาให้ความสำราญแก่ลูกค้าและแขกคนสำคัญของที่นี่ตามมารยาทคนรู้จักกันมานาน แม้ว่าสีหน้าเขายังคงแฝงความเศร้าหมองอยู่เล็กน้อยก็ตาม
“สวัสดีค่ะเฮีย ไม่เจอกันหลายวันเลย เวันนี้เจ๊มีเด็กเพิ่งเข้าทำงานใหม่คนนึงมาแนะนำด้วยนะคะ บอกเลยว่า ขาว สวยหุ่นแซ่บแน่นอน เฮียสนใจเอามานั่งคุยแก้เหงาไหมคะ” ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา หญิงวัยกลางคนจะทำตาปริบๆ เอ่ยปากทำหน้าที่แม่เล้าอย่างกระตือรือร้น แนะนำหญิงสาวให้กับลูกค้าขาประจำระดับวีวีไอพีอย่างองศาในทันที
“…”
แต่ครั้งนี้หญิงวัยกลางคนก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกตามเคย เมื่อชายหนุ่มซึ่งจมอยู่ในห้วงอารมณ์ตรอมใจเรื่องรักในอดีตไม่หายส่ายหน้าปฏิเสธกลับมาเบาๆ เหมือนในทุกๆ ครั้งที่หล่อนถาม จนไม่รู้ว่านี้เป็นครั้งที่ร้อยหรือครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่โดนปฏิเสธ
เห็นดังนั้นริมฝีปากหนาทาลิปสติกสีแดงเพลิงถึงกับจิ๊ปากเล็กน้อยอย่างหมดสนุก เพราะเป็นอีกครั้งที่หล่อนไม่สามารถเอาชนะใจทำให้ชายหนุ่มอย่างองศากลับมามีชีวิตชีวาเหมือนดั่งวันเก่าๆ ได้อีกเลย หากหล่อนจำไม่ผิดก็น่าจะเป็นเมื่อห้าปีมาแล้วนับตั้งแต่ตอนนั้นที่พอได้ข่าวมาว่าเขาได้เลิกรากับผู้หญิงที่คบกันมานานแบบสายฟ้าแลบแล้วก็ไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน
ถึงจะไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องยาวอย่างแน่ชัด แต่ในฐานะแม่เล้าผู้เคยผ่านประสบการณ์เรื่องของผู้ชายมามากมายหลายประเภท จะให้เรียกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านผู้ชายก็ยังได้ เพียงแค่หล่อนมองแวบเดียวก็รู้เลยว่าชายหนุ่มยังคงรักหญิงสาวคนนั้นมากและแน่นอนว่าเขาคงจะมีเหตุผลบางอย่างที่จำใจจะต้องเลิกรากันไปทั้งที่ยังรัก
“โถ่ เฮียขา เจ๊ว่าให้เด็กๆ มานั่งแก้เหงาหรือไม่ก็มาช่วยบีบแข้ง บีบขา มานวดให้ผ่อนคลายก็ยังดีนะคะ ดีกว่านั่งเซื่องซึมอยู่คนเดียว เจ๊เห็นเฮียเป็นแบบนี้ทีไรก็รู้สึกอึดอัดทุกข์ใจแทนมากเลยค่ะ” แม่เล้ายังคงทำทีกะพริบตาปริบๆ ส่งสายตาเป็นประกายออดอ้อน ฉีกยิ้มกว้างอย่างเอาใจ เผื่อว่าชายหนุ่มอาจจะยอมใจอ่อนลงบ้างก็ได้
“…”
แต่ท้ายที่สุดแม้ว่าแม่เล้าจะทำอย่างไร องศากลับแสดงสีหน้าเฉยเมยไม่สนใจต่อสิ่งที่หล่อนเสนอมาเลยสักนิด ยกเหล้ากระดกเข้าปากและไม่แสดงอารมณ์ใดๆ จนภาคินหนุ่มรุ่นพี่ที่เห็นความพยายามอันไร้ประโยชน์ของหล่อนแล้วถึงกับต้องผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างจนปัญญาไปตามๆ กัน
“เห้อ เจ๊ยังไม่ชินอีกเหรอ อย่าไปถามมันเลยว่าจะเอาผู้หญิงกี่ร้อยคน หัวใจมันคงจะตายด้านไปแล้วแหละ ผมว่า เจ๊ไปต้อนรับแขกคนอื่นก่อนเถอะอย่าไปเสียเวลากับมันเลย เดี๋ยวผมเคลียร์ต่อเอง”
“เอ่อ ก็ได้ค่ะเสี่ย”
ท้ายที่สุดแม่เล้าก็ต้องจำใจพยักหน้าตอบรับคนเป็นเจ้านายอย่างหมดอารมณ์ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังสะบัดก้นเดินหน้าบึ้งจากไปต้อนรับลูกค้าคนอื่นๆ ต่อ
“เห้อกูล่ะเชื่อมึงเลยจริงๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ามึงมีเมียนะ กูคงคิดว่ามึงเป็นตุ๊ดไปแล้วล่ะมั้ง…” ถอนหายใจออกมาอย่างสุดปลงอีกครั้ง ใบหน้าแสดงความเหนื่อยหน่ายแววตาฉายกรอกมองไปทางอื่นขณะพูด
ปึง!
ทว่ายังไม่ทันที่ภาคินจะพูดจบประโยค องศากลับกระแทกก้นแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะอย่างแรงอย่างไม่พอใจ สายตาคมแฝงรังสีน่าสะพรึงกลัวจ้องมองหน้ารุ่นพี่อย่างเอาเรื่องในทันทีเมื่อเห็นว่าเขากำลังพูดถึงผู้หญิงที่ตนต้องจำใจตบแต่งเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาทั้งที่ไม่เคยรักเลยสักนิด
“ผมบอกพี่กี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าเอาเรื่องเสียอารมณ์แบบนั้นมาพูดให้ผมฟังอีกไง”
สิ้นคำพูดเย็นชาเปี่ยมไปด้วยความโกรธประโยคนั้นของรุ่นน้อง ภาคินก็รู้ตัวในทันทีว่าเขาได้เผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูดมาออกเสียแล้ว
“เอ่อ ขอโทษที ไอ้โรคปากสว่างพี่มันเผลอกำเริบอีกแล้วนะ มึงอย่าถือสาเลยมาๆ ดื่มกันดีกว่านะ”
เพื่อไม่ให้รุ่นน้องโกรธไปมากกว่านี้ภาคินยิ้มแห้งรีบแก้ตัวเอ่ยปากพัลวัน เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นคุยในทันที ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกเข้าปากทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เพราะถ้าหากเขายังขืนดึงดันจะพูดต่อไปแล้วล่ะก็ คนที่รู้นิสัยหัวร้อนของรุ่นน้องอย่างองศาดีกว่าใครๆ ก็แทบจะนึกสภาพของผับแห่งนี้ไม่ออกเลยจริงๆ ว่ามันจะพังพินาศหนักขนาดไหนหรือจะต้องปิดซ่อมแซมกี่เดือนดี