ตอนที่7 ดึงดัน

1824 คำ
“…” ถ้อยคำพูดของหญิงสาวนั้นทำให้ชายหนุ่มจุกอกพูดอะไรไม่ออก มองเห็นความหดหู่ในแววตาเขาได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกโหวงหวิวอ้างว้างเกาะกุมหัวใจ ในอกทั้งสองมีแต่ความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าในยามที่เขามองดูใบหน้าเย็นชาของเธอภายใต้หยาดน้ำตาที่หลั่งลงมาอาบใบหน้าเศร้า แต่จะโทษใครได้ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเขาเองที่ทำให้ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด ไม่แปลกที่เธอจะมีท่าทีเฉยชาและเกลียดเขามากขนาดนี้ “พี่รู้ว่าเธอยังโกรธและเกลียดพี่มาก ถึงเธอจะไม่อยากฟังสิ่งที่พี่พูดตอนนี้ก็ไม่เป็นไร พี่รอให้เธอใจเย็นลงกว่านี้ก่อนก็ได้” เขาพูดอ้อนวอนไปก็มองแววตาเฉยเมยไร้ความรู้สึกของเธอไป “งั้น ฉันก็ขอตัวก่อน” แต่ท้ายที่สุดถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะอ้อนวอนขอร้องมากแค่ไหนเธอก็ไม่อยากจะเสียเวลาสนใจอีกต่อไป หลังจากพูดจบเธอคิดแล้วว่าจะเดินหนีจากไปทันที แต่ทว่าก็ไม่วายที่จะโดนเขาอ่านใจราวกับคนรู้ทัน คว้ารั้งท่อนเรียวแขนเธอเอาไว้อีกครั้ง “กอหญ้าเดี๋ยวก่อน ให้พี่ไปเธอส่งที่บ้านนะ” “ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้” เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมสะบัดมือเขาให้ออกจากการเกาะกุมอย่างไร้เยื่อใย “แต่นี่มันดึกมากเเล้วนะ กลับบ้านคนเดียวมันอันตรายให้พี่ไปส่งเธอดีกว่านะ พี่ขอร้อง” ชายหนุ่มยังไม่คิดยอมแพ้ เอ่ยปากดึงดันจะไปส่งหญิงสาวให้ได้ ซึ่งรุ่นพี่ที่ไปมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ก็ไหวพริบดีอย่างรู้หน้าที่อีกเช่นเคย รีบกดส่งข้อความบอกให้ลูกน้องของเขาขับรถหรูมาจอดให้รุ่นน้องในทันที “พี่ช่วยเต็มที่แล้วนะไอ้น้องชาย ที่เหลือเป็นหน้าที่แกแล้ว สู้เข้า” หนุ่มรุ่นพี่พึมพำกับตัวเองเงียบๆ คอยส่งกำลังใจเอาใจช่วยรุ่นน้องอยู่ห่างๆ “บอกว่าไม่ต้องไง พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ” “ไม่ ยังไงพี่ก็จะไปส่ง” “หยุดบ้าสักทีจะได้มั้ย!” “พี่ไม่ได้บ้า พี่แค่อยากไปส่งเธอที่บ้าน” ในขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันไปมาอยู่นั้น รถหรูคันสีดำก็ได้เคลื่อนขับเข้ามาจอดเทียบข้างริมถนนอย่างช้าๆ ดึงความสนใจให้ทั้งเขาและเธอหยุดบทสนทนาลงอย่างกะทันหัน ก่อนที่บานกระจกรถหรูคันนั้นจะลดระดับลงเผยให้เห็นชายคนขับวัยกลางคน “รถพร้อมแล้วครับเฮีย” เมื่อเห็นว่าเป็นคนขับรถประจำตัว ทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่านี่คงเป็นการช่วยเหลือของหนุ่มรุ่นพี่อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบกลับ “ขอบใจมาก” ทว่าหญิงสาวที่ยืนมองด้วยความงุนงงในทีแรก เธอก็เหมือนจะคาดเดาขึ้นมาได้ว่าเขาคงจะเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว ดื้อดึงเพื่อที่จะไปส่งเธอที่บ้านให้ได้ ฉันล่ะ เหลือเชื่อในความพยายามของหมอนี่มากเลยจริงๆ แน่นอนว่าเธอที่รู้จักนิสัยเขาเป็นอย่างดี ยิ่งต่อต้าน เขาก็ยิ่งดันทุรังมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าเธอจะไม่อยากข้องเกี่ยววุ่นวายกับคนแบบเขาอีก แต่ดูแล้วเขาคงไม่ยอมรามือให้เธอกลับบ้านเองง่ายๆ แน่ เมื่อคำนึงถึงความวุ่นวายที่รออยู่ข้างหน้า เธอเหมือนอยากจะตีหน้าผากตัวเองแรงๆ สักทีที่ต้องพาตัวเองมาเจออะไรแบบนี้ และท้ายที่สุดเพื่อตัดปัญหาไม่ให้ชายหนุ่มก่อเรื่องให้เธอต้องปวดหัวเพิ่ม หญิงสาวก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ยกหน้ามือปาดน้ำตาบนใบหน้าให้แห้ง ยินยอมให้เขาไปส่งเธอที่บ้านแม้จะไม่มีความเต็มใจเลยก็ตาม “ก็ได้ แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ แล้วเราอย่าได้มาเกี่ยวข้องกันอีก” ดวงตารื้นน้ำตาแฝงแววชอกช้ำทอประกายความหวังใจฟูขึ้นมาทันทีทันใด เมื่อหญิงสาวยอมตอบตกลงให้เขาไปส่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงความหวังที่น้อยนิดมากก็ตาม แต่เขาก็เลือกที่จะเสี่ยงกับมันเพื่อให้ได้เธอกลับมาอยู่กับเขา ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหน “งั้นก็ขึ้นรถกันเถอะ” เขารีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าให้แห้งเหือดโดยเร็ว ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูให้เธออย่างกระตือรือร้นในทันที ทว่าในยามนี้ดวงตาสวยถึงกับกลอกตามองบน เหนื่อยหน่ายกับการกระทำอันน่ารำคาญและเอาแต่ใจของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดเธอก็ต้องก้าวขาเรียวเดินขึ้นรถไปแต่โดยดี “เฮ้อ…” แน่นอนว่าเธอยังเกลียดเขามากไม่เปลี่ยน ถึงตอนนี้เธอจะยอมใจอ่อนให้เขาไปส่งที่บ้านก็เถอะ แต่มันก็จะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายเท่านั้นแหละ มันก็แค่การโฆษณาเพื่อทำให้เธอตายใจ และเธอก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะไม่มีวันยอมใจอ่อนให้กับเขาเป็นครั้งที่สองอีกเด็ดขาด บรื้นน~ ในขณะที่รถหรูได้เคลื่อนตัวออกไปตามถนนหนทาง หนุ่มรุ่นพี่เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้ เขาก็ถึงกับอดแสดงท่าทีดีอกดีใจอย่างเอาใจช่วยรุ่นน้องที่ต้องทนทุกข์อยู่กับรักครั้งนี้มานานไม่ได้ และแอบหวังอยู่ในใจว่าการกลับมาเจอกันครั้งนี้เขาจะง้อสาวคนรักคืนดีกันได้สำเร็จให้สมกับที่ตนเสนอตัวเป็นมือขวาช่วยจัดเตรียมทุกอย่างแทนให้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้มีชิดใกล้มีเวลาเปิดใจคุยกัน ภายในรถหรู ทว่าบรรยากาศภายในรถหรูตอนนี้นั้นกลับเต็มไปด้วยความเงียบงันที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก มีเพียงดวงตาคู่คมที่แอบฉาบมองเสี้ยวข้างใบหน้าเย็นชาของหญิงสาวด้วยความคิดถึงและโหยหวนหาเป็นระยะ เพราะนานมากแล้วที่ชายหนุ่มไม่ได้มองและจดจำภาพใบหน้านี้ที่หวนคิดถึงอยู่ทุกวันทุกคืนในระยะใกล้ จนถึงตอนนี้ภายในใจลึกๆ เขาก็ยังคิดว่าทุกอย่างกำลังทับซ้อนอยู่กับความฝัน ไม่คิดว่าเธอจะมานั่งอยู่ข้างเขาจริงๆ หลายปีที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเจ็บปวดมามากพอสมควรจนไม่น่าให้อภัยมากเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้เขาขอสัญญาจากหัวใจลูกผู้ชายอย่างเด็ดเดี่ยวเลยว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอหายไปจากชีวิตได้อีกแล้ว เพราะชีวิตที่เหลือต่อจากนี้จะมีชีวิตไว้เพื่อเธอคนเดียวเท่านั้น จนเวลาผ่านไปพักหนึ่ง ตลอดเส้นทางหญิงสาวที่นั่งนิ่งเงียบ แสดงท่าทีเย็นชามานานทั้งที่ภายในใจนั้นกลับร้อนรุ่มราวกับมีไฟสุมอยู่ในอกต้องการจะไปให้ไกลจากผู้ชายคนนี้เต็มที เธอจึงเอ่ยพูดกับคนขับรถขึ้นเมื่อสังเกตเส้นทางเห็นแล้วว่าใกล้จะถึงบ้านแล้ว “คุณน้าคะ ข้างหน้าทางขวามือจะมีซอยทางแยกจากถนนใหญ่ บ้านฉันอยู่ในซอยนั้นค่ะ เป็นบ้านไม้สองชั้นนะคะ” “เข้าใจแล้วครับ” ชายคนขับรถวัยกลางคนที่กำลังมองมาข้างหลังผ่านบานกระจกหน้าพยักหน้าพร้อมรับคำสั่ง “ขอบคุณค่ะ” “เธอพักอยู่แถวนี้เหรอ” เพื่อต้องการให้หญิงสาวหันมาสนใจ ชายหนุ่มจึงทำทีกล่าวถามขึ้นหาเรื่องชวนคุย แต่หากว่าเธอกลับทำราวกับเขาเป็นเหมือนอากาศยังคงมีท่าทีเย็นชาเช่นเดิม ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากตอบกลับหรือปรายสายตามามองเลยสักนิด “…” บรรยากาศภายในรถรู้สึกถึงความคลุมเครือน่าอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าที่ดูกระตือรือร้นในทีแรกพลันจางหายไปกลายเป็นเศร้าสลด ชายหนุ่มทำได้เพียงเม้มปากเล็กน้อยข่มกลั้นอารมณ์มองเสี้ยวข้างใบหน้าเธอด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเงียบๆ และในระหว่างนั้นรถหรูก็ได้ชะลอความเร็วลงช้าๆ วิ่งมาจอดเทียบยังประตูรั้วหน้าบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง ซึ่งดูแล้วว่าก็ไม่เชิงจะเก่ามากพออยู่ได้ บรื้นน~ ทว่าในวินาทีที่รถได้จอดหยุดนิ่งแล้ว ฝ่ามือเรียวทั้งสองข้างของหญิงสาวได้ขดกำชายกระโปรงแน่น หัวใจเต้นระส่ำขึ้นมากะทันหัน ดวงตาสวยกลอกกลิ้งไปมาอย่างกระวนกระวายราวกับว่าเธอนั้นเผลอนึกถึงความคิดวิตกกังวลถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะชำเลืองสายตาใบหน้าชายหนุ่มข้างกายแวบหนึ่ง “บ้านหลังนี้ใช่ไหมครับ” “ชะ ใช่แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” ปึก หลังจากกล่าวคำขอบคุณตามมารยาทเสร็จ ยังไม่ทันให้ชายคนขับรถวัยกลางคนได้เอ่ยปากตอบรับคำขอบคุณแต่อย่างใด หญิงสาวกลับรีบเร่งเปิดประตูก้าวเดินลงจากรถ มุ่งหน้าไปเปิดประตูรั้วเตรียมเข้าบ้านโดยเร็ว แต่ชายหนุ่มที่เห็นว่าเธอกำลังเดินจากไปโดยไม่รอ เขาจึงรีบเร่งก้าวฝีเท้าลงจากรถเดินตามหลังเธอมาติดๆ ด้วยอีกคน “เดี๋ยวก่อนสิกอหญ้า” “มีอะไรอีก” “ทำไมถึงรีบนักล่ะ ไม่ให้พี่ไปนั่งในบ้านหน่อยเหรอ” “ไม่จำเป็น ขอบคุณนะที่มาส่ง ส่งฉันแค่นี้ก็พอเชิญพี่กลับไปได้แล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างรวมถึงสีหน้าจริงจัง ยันไม่ให้ชายหนุ่มที่เกลียดที่สุดคนนี้เข้ามาวุ่นวายภายในรั้วบ้านของเธอได้ง่ายๆ แต่มีหรือที่ผู้ชายหัวรั้นอย่างองศาจะเชื่อฟังให้สิ่งที่เธอห้ามปรามหรือขัดขวางเขาง่ายๆ ขนาดนั้น “งั้นพี่ขอดื่มน้ำเย็นๆ สักแก้วก่อนกลับได้ไหม” “บ้านฉันไม่มีน้ำเย็น พี่ควรรีบกลับไปได้แล้วนะ เดี๋ยวสามีฉันจะเข้าใจผิดเอาได้ว่าทำไมฉันถึงได้พาผู้ชายคนอื่นเข้าบ้าน มันคงดูไม่ดีหรอก” ทันทีที่ถ้อยคำเหมือนกับสายฟ้าฟาดลงมากลางใจประโยคนั้นของหญิงสาวถึงหูชายหนุ่ม หัวใจเขากระตุกใบหน้าชาวาบขึ้นมาพลัน ริมฝีปากหยักสั่นระริกอย่างห้ามไม่หยุด ก่อนถามย้ำอีกครั้งเสียงแผ่วด้วยความไม่เชื่อ “สามี?” “ใช่ สามีของฉัน” ผ่านมาแค่ไม่กี่ปี เธอสามารถทำใจลืมเขาได้ลงและเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายคนอื่นได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ยิ่งเธอยืนยันคำเดิมก็เหมือนจะยิ่งตอกย้ำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและความหึงหวงเริ่มโหมกระหน่ำขึ้นมาในใจเขาอย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นได้เลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม