สาวใช้คนใหม่

1843 คำ
คมกฤษณ์ขับรถพารมตีมาจนถึงหน้าบ้านของพ่อเลี้ยงแสน จากนั้นจึงรีบก้าวลงจากรถและวิ่งมาเปิดประตูรถให้หญิงสาวเพราะเกรงว่าเธอจะวิ่งหนีไป "เชิญครับ" "พาฉันมาที่นี่อีกทำไม?" รมตีถามด้วยความหวาดระแวง เธอไม่ยอมก้าวขาลงจากรถเพราะไม่ไว้ใจใคร "แม่เลี้ยงสั่งให้พาคุณมาที่นี่ครับ" คมกฤษณ์ตอบเสียงเรียบ "แม่เลี้ยง...ใครเหรอ?" "คุณแม่ของพ่อเลี้ยงแสน" คมกฤษณ์ขยายความอีกสั้นๆ หญิงสาวฟังเช่นนั้นแล้วจึงครุ่นคิด ครู่หนึ่งจึงยอมก้าวลงจากรถ ทว่าเป็นจังหวะที่พ่อเลี้ยงภักดีเดินออกมาจากในบ้านพอดี รมตีจ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยแววตาคาดโทษ และยังคงรู้สึกโกรธเคืองที่เขาหลอกล่อตนมาที่นี่จนโดนจับตัวไว้ เธอไม่รู้ว่าคนที่นี่มีเจตนาอะไรถึงได้ทำพฤติกรรมป่าเถื่อนเช่นนี้ "คุณครับ ผมขอคุยกับคุณก่อนเข้าบ้านได้หรือเปล่าครับ?" พ่อเลี้ยงหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารมตี "เข้าบ้านทำไม หมายความว่ายังไง?" เธอขมวดคิ้วถาม "แม่เลี้ยงจะให้คุณมาพักที่บ้านหลังนี้ครับ" คมกฤษณ์ตอบ เพราะก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้อธิบายให้หญิงสาวฟัง "จะให้ฉันมาพักที่นี่ทำไม ฉันไม่รู้จักกับพวกคุณเลยสักคน ฉันจะกลับไปที่โรงแรม" รมตีพูดเสียงดังชัดเจน เพราะกระเป๋าเดินทางของตนอยู่ที่โรงแรมที่ตั้งใจจะพักคืนนี้ซึ่งเป็นโรงแรมที่บิดาจองไว้ให้ "เห็นทีว่าคงจะไม่ได้ครับ พ่อเลี้ยงแสนมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณอีกหลายเรื่อง" คมกฤษณ์พูดขึ้นอีก "นายคม เดี๋ยวฉันคุยเอง" พ่อเลี้ยงภักดีหันไปบอกลูกน้องคนสนิทของแสน "ครับพ่อเลี้ยง" คมกฤษณ์พูดเท่านั้นแล้วจึงก้าวถอยหลังออกไปสองสามก้าว เปิดโอกาสให้พ่อเลี้ยงภักดีมีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกับรมตี "คุณฟังผมนะครับ ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมไม่รู้จริงๆ ว่าการที่ผมพาคุณมาที่นี่แล้วเพื่อนผมจะทำแบบนี้กับคุณ ผมเพียงแค่คิดว่าไอ้แสนมันจะคุยกับคุณดีๆ แล้วก็ถามเรื่องที่ดินก็แค่นั้น แต่เพื่อนผมมันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเลยนะ มันแค่อยากจะถามคุณเรื่องที่ดินก็แค่นั้นเอง จริงๆ นะครับ" พ่อเลี้ยงภักดีไม่อยากให้รมตีมองว่าตนรู้เห็นกับพ่อเลี้ยงแสนเรื่องจับตัวเธอไว้จึงพยายามอธิบาย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะปกป้องเพื่อนเช่นเดียวกัน "ใครจะไปรู้ล่ะ ถ้าคุณไม่ชวนฉันมาที่นี่ฉันคงไม่โดนจับตัวไว้แบบนี้ ไม่รู้แหละ ตอนนี้ฉันจะคิดว่าคุณมีส่วนรู้ส่วนเห็นกับเพื่อนของคุณ ไว้ฉันกลับออกไปได้เมื่อไหร่ฉันจะเอาเรื่องพวกคุณให้หมดทุกคนเลย" รมตีขู่เสียงดัง "คุณใจเย็นๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวรอคุยกับไอ้แสนมันอีกที เผื่อว่าจะเข้าใจกันมากขึ้น" "ฉันไม่คุยกับคนป่าเถื่อนแบบนั้นหรอก แต่ถ้าคุณอยากจะไถ่โทษจริงๆ ก็ช่วยกรุณาพาฉันออกไปจากที่นี่ตอนนี้ด้วย" รมตีมั่นใจว่าตนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวพวกนี้ เธอจึงจะไม่ยอมถูกใครจับตัวไว้เด็ดขาด "มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก!" ทว่าเสียงทุ้มทรงพลังของพ่อเลี้ยงแสนกลับดังขึ้นจากด้านหลังของหญิงสาว คมกฤษณ์เห็นว่าเจ้านายมาแล้วเขาจึงเดินไปขึ้นรถและขับออกไป "ไอ้แสน กูขอคุยกับคุณเขาก่อนไม่ได้หรือยังไงวะ?" พ่อเลี้ยงภักดีหันไปคุยกับเพื่อนสนิท ทว่าเขากลับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารมตีเสียแล้ว "วันนี้มึงกลับไปก่อนเถอะ ถ้ามึงอยากคุยอะไรกับผู้หญิงคนนี้ก็ค่อยมาใหม่ เขาน่าจะอยู่ที่นี่อีกหลายวัน" พ่อเลี้ยงหนุ่มจ้องมองใบหน้าสวยบึ้งตึงด้วยสายตาดุดัน "พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?" เธอพเยิดหน้าถามเสียงขุ่น "ก็หมายความตามที่พูดไง" "ไม่เอา ฉันไม่ยอมอยู่ที่นี่แม้แต่วันเดียวหรอก ฉันจะกลับโรงแรมเดี๋ยวนี้ ช่วยกรุณาคืนของของฉันมาด้วย" รมตีจ้องมองพ่อเลี้ยงแสนด้วยแววตาเอาเรื่อง เธอโวยวายเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัว ผิดกับตอนที่ถูกขังอยู่ในกระท่อมราวกับคนละคน "ฉันบอกเธอไปแล้ว ถ้าอยากออกไปจากที่นี่ก็แค่บอกมาว่าเธอซื้อที่ดินมาจากใคร" พ่อเลี้ยงแสนจ้องมองหญิงสาวด้วยแววตาเอาเรื่องไม่ต่างกัน พ่อเลี้ยงภักดีมองหน้าทั้งสองคนสลับกันจึงเห็นท่าไม่ดี และรู้ดีว่าตนไม่มีปัญญาจะขอให้เพื่อนสนิทยอมปล่อยหญิงสาวไป เขาจึงเลือกที่จะปล่อยให้ทั้งสองคนได้พูดคุยทำความเข้าใจกันเสียก่อน "งั้นวันนี้กูกลับก่อนก็แล้วกัน ไว้ผมมาคุยกับคุณใหม่พรุ่งนี้นะครับ ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะครับ ผมชื่อภักดี" พ่อเลี้ยงภักดีแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการด้วยรอยยิ้ม ทว่ารมตีกลับยังคงมีสีหน้าบึ้งตึง แต่ก็ยอมบอกชื่อไปตามมารยาท "ชื่อสร้อยค่ะ" "คุณสร้อย ชื่อน่ารักจังเลยนะครับ ไว้พรุ่งนี้ผมมาหานะครับ" ภักดีพูดเท่านั้นแล้วจึงเดินไปขึ้นรถของตนเองและขับออกไป "รมตี...ชื่อในโฉนดที่ดินของเธอ" แสนพูดขึ้น ขณะที่กำลังจ้องมองใบหน้าสวยด้วยอารมณ์ที่ยากจะอธิบาย ชายหนุ่มควรจะรู้สึกว่าเธอคนนี้เป็นศัตรู ทว่าในใจมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขากำลังรู้สึกสับสนในใจที่ตนมีความรู้สึกอยากจ้องมองรมตีอยู่เช่นนี้ ราวกับกำลังหลงใหลความงามภายนอก "ฉันจะชื่ออะไรก็ช่าง แต่คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะขังฉันไว้ในบ้านของคุณ คุณรู้ใช่หรือเปล่า?" "ใครบอกว่าฉันจะขังเธอไว้ในบ้านของฉัน ฉันจะให้เธอทำงานเป็นคนรับใช้ของฉันต่างหาก อยากจะรู้นักว่าลูกเศรษฐีอย่างเธอจะทนทำงานเป็นคนรับใช้ได้หรือเปล่า เพราะฉะนั้นถ้ารู้ตัวเองว่าจะทำไม่ไหวก็รีบพูดความจริงทั้งหมดออกมา" "ฉันจะพูดอีกครั้ง ปล่อยฉันออกไปจากที่นี่ซะ" "ฝันไปเถอะ" "คนไร้เหตุผล!" "ฉันมีเหตุผลของฉัน" "เหตุผลบ้าอะไรถึงต้องทำกันถึงขนาดนี้ นี่! คุณเป็นเจ้าของไร่นี้จริงๆ เหรอ?" "ใช่ ทำไม?" "เป็นถึงเจ้าของไร่ส้มใหญ่โต แต่กลับทำตัวเป็นอันธพาลได้ขนาดนี้ ไม่รู้กฎหมายบ้านเมือง ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ คิดอยากจะจับใครมาขังไว้ก็ทำตามใจตัวเองแบบนี้น่ะเหรอ คุณเคยได้รับการสั่งสอนมาบ้างหรือเปล่าเนี่ย?" "นี่เธอ!" คำพูดของรมตีทำให้พ่อเลี้ยงแสนโกรธขึ้นมาทันควัน เขาแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเป็นจังหวะที่คุณแสงศราเดินออกมาหาทั้งสองคนพอดี "แสน ทำไมถึงไม่พาหนูเขาเข้าบ้านล่ะ?" นางเดินตรงเข้ามาหาทั้งสองคน รมตีจึงหันไปมองหญิงชราวัยราวหกสิบกว่าปี แม้จะอายุมากแล้วทว่าคุณแสงศรายังคงดูสง่างาม นางส่งยิ้มมาให้ "ฉันเป็นแม่ของแสน ก่อนอื่นต้องขอโทษหนูด้วยนะจ๊ะกับสิ่งที่ลูกชายของฉันทำลงไป เขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรหรอก แต่เขาแค่อยากจะถามเรื่องสำคัญก็แค่นั้นเอง" "เอ่อ...สวัสดีค่ะแม่เลี้ยง" รมตียกมือไหว้คุณแสงศรา เพราะดูท่าทางนางไม่ใช่คนไม่ดีอะไร แต่คนเป็นบุตรชายช่างแตกต่างจากมารดาโดยสิ้นเชิง "เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่านะ" นางบอก "แต่หนูอยากกลับโรงแรมค่ะ ถ้าแม่เลี้ยงจะกรุณาก็ช่วยปล่อยหนูกลับไปที่โรงแรมเถอะนะคะ หนูไม่สะดวกที่จะค้างที่นี่ ส่วนเรื่องคำตอบที่พ่อเลี้ยงเขาถาม หนูขอปรึกษากับคนในครอบครัวก่อนได้หรือเปล่าคะ?" "ไม่ได้! ยิ่งเธอทำแบบนี้เธอก็ยิ่งน่าสงสัย" พ่อเลี้ยงแสนพูดแทรกขึ้นเสียงดัง "น่าสงสัยอะไร ฉันก็แค่อยากคุยกับคุณพ่อก่อน" "งั้นก็แปลว่าพ่อเธอรู้ว่าซื้อที่ดินมาจากใคร บอกมาว่าตอนนี้พ่อเธออยู่ที่ไหน ฉันต้องการคุยกับพ่อของเธอ ฉันอยากรู้ว่าพ่อเธอได้ที่ดินผืนนี้มายังไง" "นี่คุณ มันจะมากเกินไปแล้วนะ" คำพูดของพ่อเลี้ยงแสนทำให้รมตีรู้สึกหวั่นใจ เพราะเธอรู้ดีว่าบิดาชอบซื้อขายที่ดินทางภาคเหนือ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีปัญหาขัดแย้งกับใครเช่นนี้ รมตีหวาดกลัวเหลือเกินว่าบิดาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของบิดาพ่อเลี้ยงแสน "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณพ่อของฉันนะ" "เกี่ยวสิ นอกซะจากว่าเธอกำลังปกป้องคนผิดอยู่" "พ่อเลี้ยงแสน! พ่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด" รมตีขึ้นเสียงด้วยความโกรธ เพราะโดนเขากล่าวหาในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เธอจะไม่เชื่ออะไรทั้งนั้นจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะได้รับการพิสูจน์ "แสน แม่ว่าลูกไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า เดี๋ยวแม่จะดูแลหนู..." คุณแสงศราจ้องมองรมตีเพราะอยากรู้ชื่อของหญิงสาว "หนูชื่อสร้อยค่ะแม่เลี้ยง" "หนูสร้อย ฉันพาหนูเข้าไปพักข้างในก่อนดีกว่านะ" รมตีชั่งใจ ก่อนจะยอมตอบรับโดยการพยักหน้า พ่อเลี้ยงแสนชักสีหน้าหงุดหงิดเมื่อโดนมารดาสั่งห้ามไม่ให้คุยกับหญิงสาวตอนนี้ "ใครก็ได้! ไปตามลุงไก่กับไอ้มะยมมาเฝ้ารอบๆ บ้านไว้ อย่าให้ผู้หญิงคนนี้หนีออกไปได้เด็ดขาด" พ่อเลี้ยงแสนออกคำสั่งเสียงดัง ชมพู่ได้ยินพอดีจึงรีบวิ่งไปตามคนสวนทั้งสองคนมา "แสน ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ?" คุณแสงศรามองค้อนบุตรชาย "แล้วคุณแม่ก็อย่าลืมนะครับ ว่าผมให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะคนรับใช้ หวังว่าคุณแม่จะไม่ขัด เพราะมันเป็นวิธีที่จะทำให้เขายอมพูดออกมาว่าใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง" พ่อเลี้ยงแสนพูดจบแล้วจึงเดินฟึดฟัดกลับเข้าไปในบ้าน รมตีมองตามหลังคนปากร้ายด้วยแววตาโกรธเคือง แล้วจึงยอมเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับคุณแสงศราเช่นเดียวกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม