ซูหลันหนี่ว์เจ็บใจนักที่มีแต่คนปกป้องนางพระชายาตาบอดนั่น ขนาดไท่จื่อเฟยยังโดนกีดกันนับประสาอะไรกับนางเล่า หากมาเพียงลำพังกับลูกสาวมีหวังคงได้ยืนรอเพียงหน้าประตูด้านนอกเท่านั้น
แต่วันนี้อย่างน้อยก็ได้เห็นมันตาบอด นางเชื่อว่าต้องกำจัดมันได้แน่นอน
“ท่านแม่เราจะเอาอย่างไรต่อดี หากวันนั้นมันไม่ไล่ลูกออกมา ลูกก็ยังอยู่ในจวนจวิ้นอ๋อง จัดการมันสบายนัก” ซ่งหลินเหยาไม่ได้อยากเป็นผู้แพ้ นางต้องเป็นผู้ชนะเพียงคนเดียวเท่านั้น ชาตินี้อย่างไรนางก็จะเป็นฮองเฮาให้ได้ แล้วจวิ้นอ๋องก็ว่าที่ฮ่องเต้องค์ถัดไปอีกด้วย
“เจ้าแม่ลูกวางแผนอะไรกันดูทิศทางลมด้วย” ซ่งอันเดินเข้ามาในห้อง เขารู้ว่าภายในมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับตำแหน่งองค์รัชทายาท จากกรณีที่บุตรสาวคนโตโดนทำร้าย ประชาชนตราหน้าว่าจวนจวิ้นอ๋องไม่เหมาะสม ทำร้ายสตรีเป็นเรื่องไม่ควรกระทำ ทั้งบางกลุ่มที่เคยภักดีต่ออดีตจักรพรรดิยิ่งไม่พอใจ
“ท่านพี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร ดูทิศทางลม” ซูหลันหนี่ว์ไม่เข้าใจที่ท่านพี่บอกนาง
“ตำแหน่งองค์รัชทายาทสั่นคลอน หากจวิ้นอ๋องแต่ภรรยาคนอื่นเข้าจวน เรื่องนี้ขันทีในวังลือกันให้ขรม” ซ่งอันที่โดนเพ่งเล็งว่าจับขั้วอำนาจองค์รัชทายาทเพื่อล้มล้างบัลลังก์ก็เครียดนัก ไม่เฉพาะตำหนักบูรพาที่โดนจับตา จวนของเขาก็เช่นกัน
“ท่านพี่พูดอะไรอย่างนั้นเจ้าคะ....จะเป็นไปได้ยังไง” ซูหลันหนี่ว์อยากผลักดันลูกสาวตัวเองขึ้นเป็นใหญ่ แม้นางไร้วาสนาแต่ลูกสาวของนางวาสนามาถึงแล้ว เหตุใดต้องมีมารอย่างซ่งเว่ยเหยา ลูกเลี้ยงที่นางรังเกียจอยู่ด้วยนะ
ข้าไม่เข้าใจสวรรค์ เหตุใดให้แม่ตายไม่ส่งลูกไปตายด้วยเล่า
“แม่นางเป็นใครแล้วเจ้าเป็นใคร!” เสียงถัดมาทำเอาซูหลันหนี่ว์ตัวเย็นเฉียบ เมื่อรู้ว่านังองค์หญิงเกาหยางตายไปแล้วยังตามมาหลอกหล่อนอีกงั้นหรือ
‘ข้าทำเจ้าตรอมใจแล้ว เหตุใดยังไม่เลิกรังความอีก’
“แต่พระชายาตาบอดใครจะยอมรับ” นางเถียงกลับ อย่างไรก็เป็นที่อับอาย ประชาชนย่อมไม่ยอมรับเรื่องนี้
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ เถิดรอดูทิศทางลม ตำหนักจวิ้นอ๋องไม่จำเป็นไม่ต้องไป หากไม่อยากตายกันหมด”
เพียงยัดข้อหากบฏก็ตายยกตระกูลแล้ว อย่าว่าแต่อย่างอื่นเลย เขาจึงต้องเงียบสงบไม่พูดคุยหรือติดต่อกับองค์รัชทายาทสักพัก
“นิ่งได้อย่างไรท่านพี่ ที่จริงควรเป็นหลินเหยาของเราแต่งเข้าจวนจวิ้นอ๋อง หากไม่เพราะ...”
“เพราะอะไรก็ช่าง หากเจ้ายังดื้อดึงทั้งแม่และลูก ข้าจะจับขังไว้แต่ในเรือนดีหรือไม่” เวลานี้ใช่เวลามันฟื้นฝอยหาตะเข็บหรืออย่างไร เอาตัวให้รอดก่อนเถิด
ซูหลันหนี่ว์ได้แต่เก็บปากไว้ นางเห็นแท้ ๆ ว่าบัลลังก์หงส์ของลูกสาวอยู่ตรงหน้า จะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปเด็ดขาด อีกอย่างจวิ้นอ๋องเองก็ไม่ได้รักใคร่ปรองดองกับลูกเลี้ยงของนางเท่าไหร่นัก หากจะจัดการก็ควรจะเป็นช่วงนี้
“ท่านแม่ทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ เว่ยเหยามีฝ่าบาทหนุนหลัง” หลินเหยาไม่ยอมให้มันเป็นอนาคตฮองเฮาแล้วตัวเองต้องก้มหัวแทบเท้าแน่ ไม่มีวัน
“ใจเย็นก่อนลูก แม่ต้องหาวิธีได้แน่อีกหน่อยเพียงขอไท่จื่อเฟยเข้าไปดูแลจวนแทนเว่ยเหยาก็หาวิธีกำจัดเว่ยเหยาได้แล้ว”
“ไท่จื่อเฟยจะอยู่ข้างเราใช่หรือไม่”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น” ซูหลันหนี่ว์ปลอบใจลูกสาว ตอนแต่งงานเพียงเพราะลูกเลี้ยงเป็นบุตรสาวคนโต เหตุผลนี้ตลกสิ้นดี อยากรู้นักว่าใครเป็นคนคิดตั้งธรรมเนียมบ้า ๆ นี้ไว้ ลูกนังองค์หญิงเกาหยางได้สามีดีกว่าลูกนาง
นางไม่มีวันยอมเด็ดขาด!
ไฉ่กั๋วกงให้คนตามประกบสองแม่ลูก ทั้งตำหนักไท่จื่อด้วย จึงได้รับรู้แผนการของคนเหล่านี้ เขาจึงสั่งให้คนไปดูแลเว่ยเหยารอบ ๆ โดยแฝงเป็นบ่าวรับใช้ชายหญิงปะปนกันไป
‘นางต้องปลอดภัย’
เขาไม่เคยรู้สึกเป็นห่วงใครเท่านี้มาก่อนนางเป็นคนแรกที่เขานั้นห่วงใยนัก ไม่รู้เพราะอันใดเช่นกัน ไม่ว่าความสงสารหรือเหตุผลใด เขาก็ตั้งมั่นจะปกป้องนางแล้ว ไม่มีใครจะเปลี่ยนใจของเขาได้
ในช่วงเย็นจวิ้นอ๋องมาเรือนของเว่ยเหยา เขาตั้งใจจะมาทานข้าวตอนเย็นร่วมกับนาง จึงเดินมาพร้อมกับอาหารบำรุงมากมาย เสียงเดินฝีเท้าหลายคนทำให้เว่ยเหยาที่นั่งเหม่อคิดสิ่งใดเพียงลำพังนั้นหันหน้ามาถามเป่ยเป่ย
“ผู้ใดมาอีก บอกว่าข้าไม่อยากพบ”นางกระซิบสั่งสาวใช้ข้างกาย
“จวิ้นอ๋องเพคะ นำอาหารมาให้พระชายา”
“เจ้าบอกว่าข้ากินข้าวกินยาแล้ว” เว่ยเหยาไม่อยากกินของผู้ใดอีกแล้ว วันนี้นางกินมาเยอะแล้ว นั่ง ๆ นอน ๆ กิน ๆ กลัวว่าตัวจะอวบอ้วนเป็นหมูเสียก่อน
“คราวะจวิ้นอ๋อง พระชายาเอ่อ...เพิ่งทานอาหารกับดื่มยาแล้วเพคะ” เป่ยเป่ยรายงานตามที่นายหญิงสั่ง แต่จวิ้นอ๋องเหมือนจะฉลาดเพราะว่าอาหารนั้นยังไม่มาส่ง นางจะกินอันใดกัน คงไม่กินลมกินฟ้าหรอกนะ
“กินแล้วอย่างนั้นหรือ...เสียดายจังข้าอยากหาเพื่อนกินข้าวด้วยแท้ ๆ แต่ไม่เป็นไรนั่งกับนางก็แล้วกัน”
เป่ยเป่ยมองหน้านายหญิงที่ตอนนี้เหมือนจะโกหกไม่เนียนเพราะว่าโดนจวิ้นอ๋องจับได้แล้ว แต่จวิ้นอ๋องไม่เปิดเผยนางเพียงแต่ให้คนจัดโต๊ะอาหารแล้วให้นางนั่งอยู่ด้วย
“เจ้าอยากกินอีกหรือไม่ มีแต่อาหารดี ๆ บำรุงร่างกายทั้งนั้น ทั้งไก่ตุ๋นโสม ปลาเนื้อขาวนึ่งซีอิ้ว หรือว่า...จะเป็นปลาเปรี้ยวหวาน ให้ข้าเป็นคนป้อนให้ดีหรือไม่”
อาหารทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอาหารที่นางชอบทั้งนั้น เขาให้คนสืบมาแล้ว เหตุใดนางถึงไม่อยากกินเล่า
“เชิญจวิ้นอ๋อง ข้าอิ่มแล้ว” นางตอบเสียงเรียบไร้อารมณ์ ไม่ได้คิดอยากอาหารหรือสนทนาด้วย
อยู่ในอารามสองเดือนนางหมดแล้วซึ่งความอยากอาหารตรงหน้า หากจะอยากจริง ๆ คืออยากออกไปใช้ชีวิตอิสระเสียมากกว่า จนบางครั้งนึกอิจฉาชาวบ้านที่ไม่ต้องมียศตำแหน่งใด แต่ใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขัน หากนางเป็นได้เช่นนั้นคงดีไม่น้อย
จวิ้นอ๋องคาดเดาผิดไปหรือ เขามองอาหารบนโต๊ะรสชาติเลิศรสทั้งกลิ่นหอม นางกลับไม่รู้สึกอยากอาหารแม้เพียงนิด จะว่าไปเขาก็ไม่เคยคิดอยากทานอาหารกับนาง หากไม่เพราะว่าตัวเองไปทำนางต้องเจ็บป่วยเช่นนี้