บทที่ 7 ต้องกำจัดชายาตาบอด 2/2

1210 คำ
“เจ้ายังโกรธข้าใช่หรือไม่ ข้าอยากขอโทษเจ้า” เขาวางตะเกียบแล้วกุมมือนางแทน เขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นเช่นนี้ เพราะเขาโง่เองต่างหาก “ข้ามิโกรธท่านเพียงแต่หากท่านอยากไถ่โทษ ขอเพียงอย่างเดียว ข้าจะไม่ร้องขอสิ่งใดจากท่านอีกเลย” เสียงเนิบนาบพูดไร้อารมณ์ไม่พอใจ “เจ้าว่ามาสิสิ่งใดกันที่เจ้าอยากได้ หากข้าหามาได้จะไม่ลังเล” “ให้หนังสือปลดภรรยาแก่ข้าเถิด ปล่อยให้คนตาบอดเช่นข้าใช้ชีวิตที่เหลือด้วยความสงบเถิด ท่านก็เห็นแล้วว่าวันนี้ไท่จื่อเฟยต้องการสิ่งใด หากไม่ใช่ต้องการแน่ใจว่าข้าไร้คุณสมบัติการเป็นพระชายาอีกต่อไป” ต่อให้นางมองไม่เห็น ก็รับรู้ถึงเจตนาการมาของทั้งแม่เลี้ยงและน้องสาว พวกนางล้วนเป็นเครือญาติกันก็ต้องส่งเสริม เพียงแต่ตอนแต่งนางก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดจึงเป็นนาง ดีใจได้ไม่เท่าไหร่ แต่งมาก็ต้องรับน้องสาวมาอยู่จวนจวิ้นอ๋อง ไม่เพียงแค่นั้นสามียังทำเหมือนนางไม่มีตัวตน จนร้ายแรงที่สุดคือนางมองไม่เห็นด้วยฝีมือเขา แล้วจะให้นางทำเช่นไรอีกเล่า ในเมื่อถูกพวกเขากระทำอยู่ฝ่ายเดียว “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าฝ่าบาทไม่อนุญาตให้ข้าแต่งงานใหม่” “แล้วท่านอยากแต่งงานใหม่หรือไม่” คำถามนี้ทำเอาจวิ้นอ๋องน้ำท่วมปาก หากกูเทียนมี่อยู่เบื้องหน้า เขาย่อมยินดีแต่งงานใหม่ ต่อให้ผู้ใดห้ามปรามก็ตาม นางคือความรู้สึกดีแรกของเขาที่จะไม่รู้ลืม “ท่านตอบไม่ได้ใช่หรือไม่ เรื่องนั้นเป็นแค่คำพูดตอนกริ้วเท่านั้น ถึงเวลาท่านก็ต้องมีภรรยา มีบุตรไว้สืบสายเลือด หากแต่ข้าทำหน้าที่นั้นไม่ได้แล้ว” “เหตุใดไม่ได้”เขาขึ้นเสียง คำก็หย่า สองคำก็ปลดภรรยา เขาไม่ชอบใจนัก “ท่านทนนอนกับภรรยาตาบอดได้เช่นนั้นหรือ” คำถามนี้มีเพียงเสียงเงียบเป็นคำตอบ แต่นางก็รู้อยู่แล้วว่าเขาอย่างไรก็รังเกียจนางที่เป็นเช่นนี้ มีภรรยาตาบอดจะให้ความสำราญแก่สามีได้เช่นไร นางยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำ แล้วเขาล่ะ “ข้า...ข้า” “ท่านอย่าโกหกหัวใจตัวเอง ไหนจะมีคนในใจของท่านอีกเล่า ข้าไม่กล้าไปแทนที่ใคร และละอายใจยิ่งนัก เพียงท่านปล่อยข้า ข้าก็ปล่อยท่านแบบนี้ถึงจะเหมาะสม การแต่งงานเดิมก็ไม่ใช่ท่านหรือไม่เต็มใจ เข้าหอสักครั้งก็ไม่เคย แต่จะพูดออกไปก็มีแต่ข้าเสียหาย เช่นนั้นข้ายอมเป็นหญิงหม้ายที่มีคุณธรรมให้สามีแต่งงานกับคนที่ช่วยสืบสกุลได้ คนต้องยกย่องข้าแน่นอน” เว่ยเหยายกเหตุผลร้อยแปดเพื่อหว่านล้อมเขา ก็เพราะว่านางต้องการจากจวนนี้ไปไวไว ยิ่งเร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี “ใช่...ข้ามีคนในใจคนหนึ่ง แต่นางอาจจะไม่อยู่แล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะตามหานางได้จากที่ใด” ซ่งเว่ยเหยาเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยคำถามเสียดแทงใจตัวเองออกมา “นางเป็นใครหรือ” คำถามนี้แม้จะเจ็บปวด แต่นางก็อยากรู้ว่าสตรีผู้นั้นเป็นผู้ใดกัน สตรีแบบไหนกันที่ได้หัวใจ จวิ้นอ๋องไปครอง “ข้าเจอนางเมื่อ 12 ปีก่อนชายแดนบูรพา นางแบ่งซาลาเปาให้ข้า...แต่ว่า...ข้าก็ช่วยนางจากสงครามไม่ได้” ได้ยินคำตอบทำเอาเว่ยเหยาใจสั่น แบ่งซาลาเปา เมื่อ 12 ปีก่อน ชายแดนบูรพา... “นะ...นะ...นางนามว่าอันใด” เสียงสั่นเครือนั้นถามเขาออกไป แต่จวิ้นอ๋องกลับรู้สึกว่านางสะเทือนใจที่เขาบอกรักคนอื่นต่อหน้านาง จึงไม่คิดเปิดเผยชื่อ “บอกไปเจ้าก็ไม่รู้จัก เจ้าอยู่ในจวนของข้าให้ดีก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องคิดมาก ข้าย่อมจัดการได้” เขารู้ดีว่าเสด็จแม่ต้องการสิ่งใดที่มาเมื่อวาน ทั้งยังพาน้องสาวของนางมาด้วย คนนอกยังรู้ว่าฮูหยินซ่งต้องการให้ลูกสาวตัวเองแต่งเข้าจวนด้วย เขาต้องจัดการปัญหานี้ให้จงได้ สามวันให้หลัง ซ่งฮูหยินส่งอาหารมาให้ที่เรือนพระชายาจวิ้นอ๋อง แต่ตัวนางไม่ได้มาเพราะรู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงตัวหากไม่ได้รับอนุญาต “ท่านแม่...จะได้ผลหรือเจ้าคะ” “แม่ให้คนแอบไปสืบมาแล้ว อาหารพวกนี้ล้วนแสลงยาที่นางกิน หากนางกินยาก็จะขับยาออกหมด หากนางกินนาน ๆ สะสมเรื่อย ๆ ก็จะทำให้ตายได้” “ท่านแม่ฉลาดสุด ๆ อาหารพวกนี้ผิวเผินเหมือนอาหารบำรุงทั่วไป ต้องไม่มีคนจับได้แน่นอนแน่เจ้าค่ะ” หลินเหยามั่นใจว่าคราวนี้แผนการต้องสำเร็จ นางต้องได้แต่งเข้าจวนจวิ้นอ๋องแน่นอน มีคนจากจวนเสนาบดีซ่งส่งอาหารมาให้ที่จวนจวิ้นอ๋อง พ่อบ้านหลี่รับอาหารจากจวนตระกูลซ่งมาแล้วก็ให้คนของท่านจวิ้นอ๋องตรวจสอบ เมื่อจวิ้นอ๋องเห็นว่าไม่มีอันตราย จึงให้นำมาให้นางได้ ก่อนที่อาหารพวกนั้นจะมาถึง ก็มีเสียงกระซิบเหมือนเสียงลมผ่านหูด้านหลังของเว่ยเหยา ‘อาหารมีสิ่งที่เจือด้วยพิษอย่ากินพ่ะย่ะค่ะ’ คำพูดเหมือนลมผ่านมา แล้วก็ผ่านไปจนเว่ยเหยาต้องเรียก “ใคร...ผู้ใดอยู่ตรงนั้นออกมานะ” เสียงนางเรียกทั้งหูก็จับเคลื่อนไหว แต่นางไม่ได้ยินเสียงใดเลย อาหารงั้นเหรือ? หรือว่านี่จะเริ่มแล้ว เริ่มกำจัดนางแล้วหรือ เพียงเวลาไม่นานคนพวกนั้นต้องการให้นางตายเร็วเพียงนี้เชียวหรือ เว่ยเหยาสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด ตั้งมั่นหากสวรรค์อยากให้นางมีชีวิตอยู่ก็ต้องสู้กันสักตั้ง “เป่ยเป่ย เสี่ยวซี เสี่ยวเป้ย จากวันนี้เป็นต้นไปอาหารที่มาจากครัวใหญ่ไม่รับ อาหารข้างนอกไม่รับ เราจะทำอาหารกินกันเอง” “มีอะไรเจือปนในอาหารหรือเจ้าคะ” “ย่อมต้องมี” นางพูดเท่านั้น แล้วก็สั่งให้คนของตัวเองไปจัดการแจ้งพ่อบ้านหลี่ ประจวบกับที่พ่อบ้านหลี่นำอาหารมาให้พอดี “ขออภัยพ่อบ้านหลี่พระชายาไม่รับอาหารจากข้างนอกนับจากวันนี้ นางอยากให้ข้าน้อยทำให้นางกิน นางไม่ชอบอาหารรสมือผู้ใด” เป่ยเป่ยอ้างว่าพระชายาติดรสมือนางแทน จะได้ไม่เป็นที่สงสัย “แต่นี่เป็นอาหารจากที่บ้านเดิมพระชายา” “รบกวนท่านนำไปแจกจ่ายให้สาวใช้เถิด เอามาก็ต้องยกกลับอยู่ดี” เป่ยเป่ยกล่าวเท่านั้นก็รับรู้ได้ทันที ตระกูลซ่งนั้นเลวทรามนัก ขนาดแต่งออกมายังไม่วายมาระรานสินะ “เช่นนั้นข้าจะไปเรียนท่านอ๋อง” พ่อบ้านหลี่ขัดไม่ได้จึงต้องรายงานไปตามสาวใช้ของพระชายากล่าว แม้จะลำบากใจอยู่บ้างก็ตาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม