แต่เล็กก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดเนื้อร้อนใจ เหตุใดจึงต้องประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ นางมองท่านอ๋องด้วยความคับแค้น นายหญิงปฏิเสธแล้วแท้ ๆ ท่านอ๋องก็ยังไปรับนางมาทรมานเช่นนี้ การอยู่ในโลกนี้โดยไม่เห็นสิ่งใดเลยย่อมทำให้ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตายจากเสียอีก
“เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนให้ดี ข้าก็ออกไปก่อน” จวิ้นอ๋องไม่รบกวนการพักของนาง กำชับเป่ยเป่ยดูแลนางให้ดี แล้วเขาก็ออกมาด้านนอก
เสด็จพ่อยังรั้งอยู่โดยมีไฉ่กั๋วกงก็ยังไม่ได้กลับเช่นเดียวกัน เขาเหมือนกำลังหารือบางอย่างกับท่านหมอ แล้วท่านพ่อก็เดินมาพูดกับเขาบางคำ
“นางไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เสด็จปู่เจ้าจะได้ให้อภัย” แน่นอนว่าตำแหน่งองค์รัชทายาทยังคงอยู่ ใบหน้าขององค์ไท่จื่อแย้มยิ้มขึ้นมา นั่นทำให้ไฉ่เฉินหันขวับมามองพ่อลูกเห็นแก่ตัวคู่นี้
สตรีตัวเล็กเพียงคนเดียวต้องมาประสบเคราะห์อย่างน่าสงสาร แต่ทั้งคู่ดูห่วงยศถาบรรดาศักดิ์นัก
‘มิคู่ควร!’
คำนี้ผุดขึ้นในหัวของเขา เขาไม่ชอบใจนักที่มีบุรุษเห็นสตรีเป็นเรื่องมือเช่นนี้ นางควรมีชีวิตที่ดี นางเป็นผู้หญิงที่งดงามน่ารัก แต่พวกเขาทำเหมือนนางเป็นของชิ้นหนึ่งที่มีประโยชน์ก็ดูแล ไร้ประโยชน์ก็ทิ้งขว้าง แล้วก็มองไปยังคนในเรือนด้านในอย่างรู้สึกสงสารนัก หากสิ้นแผ่นดินฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแล้ว คิดว่าชีวิตนางไม่ง่ายนัก
เขาสืบรู้ว่ามาไท่เจื่อเฟยคิดเอาลูกสาวคนรองของเสนาบดีซ่งขึ้นมาเป็นชายาอีกคนของจวิ้นอ๋อง มารดาของซ่งหลินเหยาเป็นญาติห่าง ๆ ของไท่จื่อเฟย เช่นนี้แล้วก็หมายอยากรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่เหตุใดไม่แต่งกับบุตรสาวคนรองเสียสิ้นเรื่อง เหตุใดต้องลากนางมาเกี่ยวข้องด้วย
‘ชะตาชีวิตของซ่งเว่ยเหยารันทดนัก’
“ทูลไท่จื่อ...จวิ้นอ๋อง...ข้าและท่านหัวหน้าหมอหลวงต้องขอตัวไปทูลต่อฝ่าบาทถึงอาการของพระชายาจวิ้นอ๋อง ต้องขอตัวก่อน วันพรุ่งนี้จะเข้ามาใหม่” ไฉ่เฉินค้อมกายคำนับแล้วออกจากจวนไป ภายในใจเมื่อเรื่องคับแค้นยิ่ง
“เช่นนั้นเชิญท่านกั๋วกง”จวิ้นอ๋องกล่าวลาและส่งท่านกั๋วกงขึ้นรถ ทั้งเสด็จพ่อของตัวเองด้วย
ยามนี้เขาไม่ได้สนใจอำนาจใดเหมือนกับเสด็จพ่อ เขาเพียงขอให้นางหายดีก็เพียงพอแล้ว
ในห้องนอนของเว่ยเหยานางยังปรับตัวไม่ได้ ดวงตาที่มองไม่เห็นก็เหม่อเช่นนั้น ทำเอาเป่ยเป่ยเป็นห่วงยิ่งนัก แม้ว่าร่างกายจะนอนพักแต่นางรู้ดีว่านายหญิงของนางนั้นมิได้หลับ
“นายหญิงพักผ่อนนะเจ้าคะ เมื่อนายหญิงหายดีเราจะไปสวดมนต์ที่อารามด้วยกันอีก ป่านนี้พระอาจารย์ผู้เฒ่าคงมองหานายหญิงแล้ว” รอยยิ้มเดียวที่เป่ยเป่ยพบได้สองเดือนที่ผ่านมา คือเวลาฟังธรรมจากพระอาจารย์ผู้เฒ่าเท่านั้น
“ข้าจะมองไม่เห็นไปตลอดชีวิตหรือไม่”
“อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องนั้นเลยเจ้าค่ะ ข้าแอบฟังท่านหมอพูดคุยกัน เพียงบอกว่านายหญิงอาจจะมองไม่เห็นชั่วคราวหรือไม่...” เป่ยเป่ยหยุดไว้แค่นั้นไม่อยากพูดให้นางหญิงท้อใจ แม้ว่าความหวังเลือนรางริบหรี่เพียงใด นางก็เชื่อว่านายหญิงต้องหายแน่นอน
“เจ้าอย่าปลอบใจข้า” นางตระหนักได้แล้วว่าเคราะห์ที่ถึงชีวิตยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้แน่ นางยังไม่ตายแค่มองไม่เห็น แต่หลังจากนี้เล่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับนาง
จวิ้นอ๋องว่าที่ขั้วอำนาจทางการเมืองเมื่อฝ่าบาทสละบัลลังก์ ไท่จื่อขึ้นครองบัลลังก์มังกร บัลลังก์หงส์ต้องตกเป็นซูหนิงไท่จื่อเฟย มารดาของแผ่นดิน แล้วลูกชายของนางที่เป็นองค์รัชทายาทจะมีชายาตาบอดไปได้หรือ
ยิ่งซูหลันหนี่ว์เป็นญาติห่าง ๆ ของพระนางด้วยแล้วไม่แคล้วน้องสาวของนางคงได้ตำแหน่งชายานี้กระมัง
“ตระกูลซ่งมาหรือไม่” นางถามขึ้น
“มาเจ้าค่ะนายหญิง แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายใน คำสั่งเด็ดขาดไม่รับแขก ตอนนายหญิงไม่ฟื้นอาการน่าเป็นห่วง ภายนอกลือข่าวเสียหาย ว่ากันว่าฝ่าบาททรงกริ้ว สะเทือนตำแหน่งองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ” เป่ยเป่ยกระซิบเพียงข้างใบหูนายหญิงเพราะด้านนอกมีคนมากมาย
“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าระวังให้ดีข้าตาบอดเช่นนี้ต้องมีคนคิดทำร้ายข้าแน่”
“ฝ่าบาทมิให้แต่งสตรีใดเข้าจวนจวิ้นอ๋องนะเจ้าคะ” นี่ก็ที่นางเดินไปแอบได้ยินทหารในรถม้าคุยกันแบบกระซิบ ระหว่างที่นายหญิงไม่ฟื้นนางต้องหาข่าวจากตรงโน้นทีตรงนี้ที อยากรู้ว่าเหตุใดจวิ้นอ๋องจึงกังวลใจนัก และนายหญิงจะมีโอกาสฟื้นหรือไม่
“หึ...! มิน่าเขาถึงดีใจที่ข้าฟื้น ข้ายังพอมีประโยชน์นี่เอง” เว่ยเหยาในที่สุดก็รับรู้ว่า นางตายไม่ได้ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นห่วง แต่เพราะอำนาจตัวเองในมือเท่านั้น
“โธ่...นายหญิง” เป่ยเป่ยสงสารนายตัวเองยิ่งนัก
“เจ้าไปขนที่นอนมานอนข้าเตียงข้าเถิด” ยามนี้เป่ยเป่ยเป็นตาแทนนาง นางไม่ไว้ใจผู้ใดอีก จากนี้ต้องระแวดระวังให้มาก
“เจ้ามีญาติหรือน้องสาวที่ไว้ใจได้หรือไม่ หากมีให้นางมาเป็นสาวใช้ข้างกายอีกคน เจ้าคนเดียวอาจจะพลาดพลั้งได้”
เป่ยเป่ยรู้สึกขนลุกนักกับคำพูดของนายหญิง การกลับมาจวนจวิ้นอ๋องครั้งนี้ หาความสงบมิได้เลยอย่างนั้นหรือ