บทที่ 3 สารภาพมา 2/2

1235 คำ
“ขันที...เรียกจวิ้นอ๋องมาพบเรา” ฝ่าบาทไท่หวงจื่อ บอกแล้วก็นั่งรอ จวิ้นอ๋องที่กำลังจะทูลลาเสด็จพ่อและเสด็จแม่กลับไปดูอาการนาง แต่ก็โดนขัดขวางด้วยขันทีประจำพระองค์ของเสด็จปู่เสียก่อน “เสด็จพ่อ” จวิ้นอ๋องหันมาเรียกหมายให้ช่วย เพราะตนเองนั้นเป็นห่วงนางยิ่งนัก “เจ้าไปเรียนเสด็จปู่ด้วยตัวเอง ลูกผู้ชายกล้าทำย่อมต้องกล้ารับ” เรื่องนี้เป็นลูกชายของตนที่ทำผิดเอง ย่อมต้องเข้าไปยอมรับผิดเรื่องนี้ “พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” ซูหนิงเป็นห่วงลูกชายยิ่งนัก เพราะว่าลูกชายนั้นทำให้สตรีผู้หนึ่งเป็นหรือตายเท่ากัน หากเป็นสตรีทั่วไปก็คงไม่เป็นอันใด แต่นี่เป็นถึงลูกสาวเสนาบดี และมารดายังเป็นอดีตองค์หญิงอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะคิดเห็นประการใด ฝ่าบาททรงเรียกเข้าพบที่ห้องรับรองด้านหลัง แล้วก็นั่งรอว่าหลานชายจะพูดว่าอย่างไร โดยมีไฉ่กั๋วกงยืนอยู่ข้าง ๆ “สารภาพมา” ไท่หวงจื่อผ่านผู้คนมามาก เหตุใดไม่รู้ว่าเจ้าหลานชายต้องทำผิดมา แต่กล่าวเท่านั้นมันก็ทรุดไปคุกเข่าแล้ว “หลานผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ...หลาน...หลานเมา...เพราะหลาน” เขาพูดตะกุกตะกัก ทั้งสับระคนเสียใจ “เราให้เจ้าสารภาพไม่ใช่แก้ตัว” เสียงฝ่าบาทแม้ชราวัยแต่ก็ยังทรงด้วยอำนาจ ทำให้หลานชายตัวสั่นงันงก องค์รัชทายาทที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกจึงเร่งเข้ามาคุกเข่าด้านข้างลูกชายขอประทานอภัย เขารู้ดีว่าเสด็จพ่ออยู่ในวังแต่หูตากว้างไกลนัก ขนาดเรื่องที่ลูกสะใภ้ไม่มาร่วมงานในวันนี้ยังสังเกตได้ “หึ...ยังไม่รีบพูด” “ทูลเสด็จปู หลานเมาแล้วผลักนางล้มหัวกระแทกพื้นอาการตอนนี้เป็นตายเท่ากัน หากฟื้นก็ไม่แน่ว่าจะมองเห็น” เขาก้มหน้าติดพื้นสารภาพความผิด ไฉ่กั๋วกงที่ยืนอยู่ด้านข้างกำหมัดแน่น รู้สึกโกรธแค้นแทนนางชอบกล เขาพบเจอนางวันนั้นก็จริง แล้วก็แอบไปมองนางอยู่บ่อย ๆ จนเมื่อพระอาจารย์ผู้เฒ่าที่ฝ่าบาทนับถือเข้ามาเทศนาในวังส่วนพระองค์ แล้วเล่าเรื่องของพระชายาจวิ้นอ๋อง ทำให้มีการจัดงานวันนี้ “เจ้าไล่นางไปอยู่อาราม ยามเมื่อเราเรียกเข้าวังเจ้าก็ทำร้ายนาง เช่นนี้เจ้าต้องการสิ่งใด นางเป็นลูกผู้ใดเจ้ามิรู้หรือ แม่นางเป็นใครเจ้ามิสนใจเลยงั้นหรือ” เสียงกล่าวที่ไม่ได้เจือด้วยโทสะ เพียงแต่เนิบนาบนั้นแฝงด้วยความเสียดสีอยู่ในที จนสองพ่อลูกไม่กล้ากล่าวอันใดออกมา “เจ้ามิสนใจนาง เหตุใดยังแต่งนางเข้าจวน ตอนนี้เรื่องจวิ้นอ๋องทำร้ายพระชายาสาหัสลือกันทั่วตลาด เจ้าจะให้เราทำเช่นไร ตำแหน่งองค์รัชทายาท ยังจำเป็นสำหรับครอบครัวพวกเจ้าหรือไม่!!” เจี่ยหมิงตัวสั่นทันที ตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งไม่มีครั้งไหนหรือเหตุการณ์ใดจะสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้เช่นนี้ “เสด็จพ่อลูกสั่งสอนหงจื่อไม่ดี โปรดลงโทษลูกด้วยเถิด” เขารีบขอการลงโทษดีกว่าถูกปลด “ลงโทษหรือ...โทษใดจะคุ้มกับความผิดเจ้าดีล่ะ แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ คิดให้อำนาจเสนาบดีกลาโหมมาทานอำนาจฝ่ายอื่นงั้นหรือ เจ้าหวั่นใจเช่นนั้นเชียว หรือความสามารถของเจ้ามันน้อยนักรึ...อย่าคิดใช้เรื่องนี้มาขู่เรา!” “เสด็จปู่เรื่องนี้หลานผิดเองไม่เกี่ยวกับเสด็จพ่อนะพ่ะย่ะค่ะ ลงโทษหลานเถอะ” จวิ้นอ๋องจะไม่ยอมให้เรื่องนี้มาสั่นคลอนตำแหน่งเสด็จพ่อ เป็นเขาที่เลอะเลือนชั่วขณะเองเท่านั้น “เหอะ! เจ้าพ่อลูกทำประการใดอย่างคิดว่าเราไม่รู้ เจ้าไม่ใช่ลูกชายคนเดียวของเรา จำเอาไว้” “เจ้า...ทำให้นางฟื้นให้ได้ จะมองเห็นหรือไม่เห็นก็ช่าง หากเจ้าแต่งสตรีอื่นเข้าจวนแทนที่นาง บัลลังก์มังกรของพวกเจ้าก็ไม่เหลือ” เขาจัดงานนี้เพื่อหวังให้เว่ยเหยาที่อาภัพแม่ตั้งแต่เด็กด้วยภัยสงคราม ต้องตายที่ชายแดนอย่างอนาถ เขาไม่ใช่ไม่เคยติดตาม แม่ของนางมีเชื้อสายเดียวกันแม้ว่าจะห่างนักก็ตาม แต่ก็เป็นอดีตจักรรพรรดิเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขานั้นเป็นองค์ชายสายรองไม่ได้สายตรง เนื่องจากภัยสงครามคร่าชีวิตองค์ชายสายตรงไปจนหมด เขาเพียงเป็นลูกของอนุชาอดีตองค์จักรพรรดิ “พ่ะย่ะค่ะเสด็จปู่” จวิ้นอ๋องก็ไม่คิดจะแต่งใครเข้ามาอยู่แล้ว คนเดียวที่เขาคาใจคือกูเทียนมี่เพียงผู้เดียว สตรีอื่นหมื่นแสนเขาก็ไม่สน แต่ยามนี้นางเป็นเรื่องเดียวที่เขาต้องรับผิดชอบ และจะรับผิดชอบอย่างดีอีกด้วย ข่าวเรื่องจวิ้นอ๋องทำร้ายพระชายาจนเป็นตายเท่ากันกระพือไปทั่ว กระทั่งจวนเสนาบดีซ่งเองก็รับรู้ข่าวเช่นกัน แต่ซูหลันหนี่ว์แม่เลี้ยงของเว่ยเหยานั้นเพียงแต่ตกใจในครั้งแรกแล้วก็ลอบยิ้มกับหลินเหยาเท่านั้น ‘มิต้องลงแรงอันใด วาสนาก็ตกมาถึงลูกสาวของนาง’ “ท่านพี่เราควรไปเยี่ยมลูกหน่อยดีหรือไม่” ซ่งอันปกติก็ไม่ใคร่ใยดีบุตรสาวผู้นี้อยู่แล้ว เขาเพียรปรารถนาบุตรชายสืบสกุลซ่งเป็นคนแรก ครั้งเมื่อนางเป็นหญิงเขาก็ผิดหวังจนต้องรับซูหลันหนี่ว์เข้ามา แต่นางก็มิได้ให้กำเนิดลูกชายเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงทำใจ แต่ดูเหมือนจะสายไปเมื่อเกาหยางมิได้อยู่ให้เขาดูแลนางอีกต่อไปแล้ว แต่นั่นเขาก็ไม่เคยรู้สึกผิดใด ๆ เพียงแต่เลี้ยงบุตรสาวของนางให้ดีเท่านั้น และก็รับอนุเข้าจวนเรื่อย ๆ เพื่อหวังอยากได้บุตรชาย จนในที่สุดก็มี ตอนนี้เขาอายุเพียง 7 หนาว นามว่า ซ่งเจาเหอ เขาจึงใส่ใจเพียงแต่บุตรชาย บุตรสาวก็ให้เป็นหน้าที่ฮูหยินไปก็แล้วกัน “เจ้าเป็นมารดาควรจะไปเยี่ยมนาง ข้ามีราชกิจอีกมาก ทั้งยังเข้มงวดกับซ่งเจาเหอด้วย” แน่นอนว่าเขามิไว้ใจให้ซูหลันหนี่ว์เลี้ยงบุตรชาย มิใช่ไม่รู้ไม่เห็น เพียงแต่หลับตาข้างหนึ่งเท่านั้น “เจ้าค่ะ ข้าจะทำหน้าที่แม่ที่ดี” หลินเหยาพยักหน้ากับท่านแม่แล้วพากันไปที่จวนจวิ้นอ๋อง แต่ครั้นมาถึงกลับได้รับคำสั่งห้ามผู้ใดเข้าจวนโดยไม่ได้รับอนุญาต “ท่านแม่...เหตุใดสั่งห้ามพวกเรา” “เจ้าเรียนจวิ้นอ๋องเถิด ข้าเป็นแม่ของพระชายาอยากจะมาดูอาการนางด้วยความเป็นห่วง” “ไม่ได้ขอรับ” ทหารยามด้านหน้าทำหน้าที่แข็งขัน ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปในจวนเด็ดขาด เพราะตอนนี้ระดมหมอหลวงแทบหมดวังมาดูอาการของพระชายา คนนอกจึงห้ามเข้า “ข้าจะเข้า...เหตุใดเข้ามิได้” “ทหารใครฝืนคำสั่งลากไปตัดหัว!!!!” เสียงนั้นทำสองแม่ลูกสะดุ้ง เพราะเป็นเสียงองค์รัชทายาท ยามนี้ตำแหน่งกำลังสั่นคลอนคนนอกจึงไม่รับอนุญาตให้เข้าจวนกลัวจะแพร่งพรายเรื่องภายในออกไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม