ตอนที่ 1
อัครเรชผู้เย็นชา
“เชิญทางนี้คะคุณแป้ง”
เสียงบอกของสาวรับใช้ทำให้ ศรัญญา เดินตามด้วยความประหม่า ทันทีที่ก้าวลงจากรถเข้ามาในบ้านหรูทรงโรมันสีขาวใจกลางเมืองที่มีกำแพงสูงกั้นแยกบรรยากาศจากโลกภายนอก เสมือนว่าคฤหาสน์แห่งนี้เป็นคนละส่วนโดยสิ้นเชิง
“สู้ๆนะแป้ง”
ศรัญญาบอกตัวเอง ขยับมือที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเมื่อเดินก้าวเข้ามายังห้องโถงที่ปูด้วยพื้นหินอ่อนของ บ้านสิริวัฒนา ตระกูลเก่าแก่ที่รุ่นทวดมีเชื้อสายยุโรปและแขกขาวมาทำธุรกิจด้านขนส่งและปิโตรเลียมในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
ประวัติอื่นๆ ศรัญญาไม่แน่ใจมากนัก รู้เพียงว่าเจ้าของบ้านทั้งสองเสียชีวิตกระทันหันหลังจากเดินทางกลับจากเซ็นสัญญางานที่เยอรมัน และปัจจุบันธุรกิจของกลุ่มสิริวัฒนาทั้งหมดอยู่ในความดูแลของ อัครเรช สิริวัฒนา ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลที่อายุเพียงยี่สิบห้าปีเท่านั้น
อัครเรช อายุห่างจากเธอเพียงห้าปี แต่ศรัญญากลับรู้สึกว่าเขาเหมือนผู้ใหญ่ที่อายุสักสี่สิบปีได้ แม้เธอจะเคยพบเจอเขาไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็สัมผัสถึงความเย็นชาและเยือกเย็น จนบางคนเรียกเขาว่า ปีศาจน้ำแข็ง
และยิ่งหลังจาก พ่อกับแม่ของเขาเสีย ความเย็นชาและอำมหิตของ อัครเรช ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเขาเข้ามาบริหารธุรกิจเต็มตัว ด้วยการจัดการที่เด็ดขาดในทุกเรื่องจนเขาสร้างศัตรูไว้รอบตัว
ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ศรัญญาจะไม่ยอมเยื้องกรายมาที่นี่ยังที่อยู่ของเขาเด็ดขาด เพราะเธอรู้จักตัวตนเขาดีว่า ไม่ใช่เขาเป็น พ่อมดน้ำแข็งยังเดียว แต่เขายังคือปีศาจร้ายที่พร้อมจัดการทุกคนรอบข้างได้อย่างเลือดเย็นยิ่ง
“คุณเรช รออยู่ในห้องเปียโนแล้วค่ะ”
สาวใช้คนเดิมบอกโค้งคำนับอย่างนอบน้อม เมื่อเปิดประตูบานใหญ่และผายมือให้เธอ ก้าวเข้าไปข้างใน
เสียงเปียโน บรรเลงเพลงคลาสิคของ Cascades ดังขึ้น ฟังแล้วแสนไพเราะยิ่ง
ศรัญญา สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อจะเตรียมเข้าไปพบกับ พ่อมดน้ำแข็งในห้อง มือขยับประตูบานใหญ่ที่เปิดแง้มไว้เพียงเล็กน้อย
หญิงสาวค่อยๆ ก้าวเท้าช้าๆเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจกลัวจะรบกวนเสียงเพลงแสนคลาสิคนี้
อัครเรช นั่งหันหลังเล่นเปียโนตัวใหญ่อยู่กลางห้อง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวงาช้างสะอาด และกางเกงสีครีมดูสุภาพเหมือนผู้ดี นิ้วเรียวสวยที่แข็งแกร่งสวมแหวนที่ตราประจำตระกูลไว้ในนิ้วกลางข้างขวา บรรจงกรีดบนแป้นเปียโนอย่างเพลิดเพลิน
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายก้มลงเล็กน้อย ตาที่มีขนตาเป็นแพยาวเรียงกันหลับตาพริ้มเหมือนกำลังเข้าไปสู่โลกแห่งเสียงดนตรี ไม่ได้ใส่ใจว่ากำลังมีใครเดินเข้ามาในห้อง
ศรัญญา ผ่อนลมหายใจเมื่อเดินเข้ามากลางห้องแล้วดนตรียังบรรเลงไม่หยุด เธอเพ่งมองบ่ากว้างของเขาที่มีปรอยผมหยักศกนั้น ด้วยใจที่สั่นระรัว
บ่ากว้างที่เธอเคย จิกกัดมาแล้วจนได้กลิ่นเลือดจางๆ
ตึ้งๆๆ
โน้ตตัวสุดท้ายที่ถูกกดโดยนิ้วชี้ของเขา ปราดยาวเพื่อจบเพลงก่อนจะถอนมือออกอย่างอ้อยอิ่ง
ไพเราะยิ่ง ...ไม่น่าเชื่อว่าบรรเลง โดยปีศาจน้ำแข็ง
“ว่าไงครับ”
ปีศาจน้ำแข็ง เอ่ยเบาๆ แต่ยังคงหันหน้ามองไปนอกหน้าต่างของห้อง ไม่ชายตามามองคนตัวเล็กที่ก้าวเข้ามาในห้องแม้แต่น้อย
“คะ...คือแป้งอยากจะขอเวลาคุณเรชสักครู่ค่ะ”
ศรัญญาเอ่ยเสียงเข้ม รวบรวมความกล้าที่มีมาทั้งหมด เพราะกว่าเธอจะพยายามนัดหมายผ่านคนของเขาเพื่อจะได้พบ และพูดคุยในเวลาส่วนตัวกับ คนตรงหน้าเป็นสิ่งยากยิ่ง
“ว่ามาครับ” ปากหยักได้รูปเอ่ย ขยับกายและหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ
และศรัญญาก็ได้สังเกตใบหน้าเขาชัดๆ ว่าเขามีใบหน้าคมคายรับกับจมูกโด่งเป็นสัน และดวงตาคู่สีมรกตเข้มดูลุ่มลึกและน่าค้นหาประหลาด
เป็นครั้งแรกที่เธอได้มองและพิจารณาใบหน้าเขาชัดๆ
“หือ”
อัครเรช หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นกริยาของคนตัวเล็กในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน ที่เอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองเขาอยู่กลางห้อง
“พอดีแป้งทราบว่า คุณเรชไม่ค่อยเข้าออฟฟิศเลยจะขออนุญาตมาคุยที่นี่ เกี่ยวกับเรื่องการร่วมธุรกิจปิโตรที่กำลังจะสัมปทานกับทางวิโรทัยของบ้านแป้งค่ะ”
ศรัญญากล่าวเสียงราบเรียบ พยายามระงับความรู้สึกประหม่า ยามสบตาคู่สีถ่านเข้มตรงหน้า
“เรื่องนี้ ผมปฎิเสธกับคุณเจียงไปแล้วนี่ครับ”
ปากหยักได้รูปของเขาเอื้อนเอ่ยเสียงราบเรียบ ขยับกายเพียงเล็กน้อย ยกขาอีกข้างมาไขว้เพื่อจะนั่งได้ถนัดขึ้น
“อีกอย่าง เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมให้เด็กมาคุย”
คำพูดว่าเด็กของเขา ทำให้ศรัญญารู้สึกหน้าชาเหมือนโดนตบที่หน้าอย่างแรง คล้ายเขากำลังดูถูกเธอว่าไม่ประสีประสาพอที่จะมาเจรจาเรื่องธุรกิจกับสิริวัฒนา
เธอไม่ใช่เด็กแล้ว ปีนี้เธอก็อายุครบยี่สิบปีพอดี
“เรื่องนั้นแป้งทราบแล้วค่ะ และอีกอย่างแป้งไม่ใช่เด็กอย่างที่คุณเรชคิดแล้วนะคะ”
ศรัญญาเอ่ยเสียงเข้ม ปากจิ้มลิ้มอวบอิ่มของเธอเม้มเข้าหากันแน่น จมูกเรียวเชิดนั้นยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยของเธอจ้องเขานิ่งอย่างท้าทาย
ดูไปก็เหมือน ลูกกวางตัวน้อยๆ ที่พยายามจะข่มเสือ
“งั้นเหรอครับ”
อัครเรชหลุบตาคู่สีถ่านลงต่ำ ยกมือมาประสานกันไว้แน่น ปลายนิ้วเขาลูบไล้แหวนประจำตระกูลอย่างครุ่นคิด
“แล้วอะไรที่จะพิสูจน์ได้ว่า แป้งไม่ใช่เด็ก”
เขาเอ่ยถาม ลูกกวางน้อยตรงหน้า ที่ยังยืนตัวลีบอยู่กลางห้อง แต่หน้าเนียนใสนั้นก็ยังเชิดและจ้องเขาตาไม่กระพริบ