ตอนนี้มาร์ตินถึงมือหมอ และพ้นขีดอันตรายแล้ว หมอเอากระสุนออกจากอกด้านซ้ายได้สำเร็จ อีธานที่เฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อปาดน้ำตาออก เมื่อหมอเดินออกมาบอกว่า เพื่อนรักของเขาปลอดภัย
Rrrrr
“ผมจับเสี่ยปืนกับลูกสาวได้แล้วครับ” สันติรีบโทรมารายงาน
“มึงจับไว้ที่ไหน?”
“อยู่ชั้นบนสุดของคาสิโนครับ”
“อืม...ดีมาก เดี๋ยวกูไป”
ตอนนี้มาร์ตินถูกย้ายตัวไปที่ห้องพักฟื้น และเขาต้องไปจัดการกับสองพ่อลูกที่สร้างเรื่องใหญ่หลวงไว้ให้กับเขา
อีธาน ขับรถสปอร์ตคู่ใจสีดำ ตรงไปที่คาสิโนทันที
เขาเดินเข้าไปที่ห้องโดยมีสันติ กับ สุชาติเป็นคนนำทาง
เขาเดินเข้าไปจ้องมองใบหน้าของปิ่นมุกที่โดนมัดมือมัดเท้าไว้ที่กลางห้องพร้อมกับพ่อของเธอ
“พวกมึงออกไปก่อน”
“ครับลูกพี่”
“อย่าทำอะไรลูกฉันนะ เรื่องนี้ฉันคิดมาเองคนเดียว” เสี่ยปืนพูดด้วยความกลัว ส่วนเธอก็หลบสายตาคมของอีธานเพราะกลัวความผิด และไม่กล้าแสดงสีหน้าที่เย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้
“ตอนนี้ไอ้ตินมันโดนยิง...แล้วคุณก็รู้ใช่ไหมว่ามันจะจัดการกับพวกคุณแบบไหน?” อีธานย่อตัวไปพูดกับเสี่ยปืน
“จะฆ่าฉันก็ได้ แต่ลูกสาวฉันต้องปลอดภัย”
“พ่อคะ...”
“มาเฟียอย่างไอ้ติน มันไม่เคยปล่อยใครให้รอดเลยสักราย มันฆ่าล้างตระกูลแน่ ถ้าทำมันกับคนของมันเจ็บ”
“ฉันขอแค่ชีวิตของลูกสาวฉัน”
“ฉันขอชีวิตพ่อฉัน...”
“ลูกปิ่น”
“นายบอกว่านายเคยจะช่วย....” ปิ่นมุกกัดริมฝีปากแน่น เธอบอกเขาเป็นในๆ ว่าเธอยอม
แต่สายตาที่คลั่งเธอก่อนหน้านี้ดูจะลดระดับลง
อีธานถอนหายใจและเงียบไปอยู่นาน
“ผมถามอาริสแล้ว เธอบอกว่าไม่เอาเรื่องอะไรกับพวกคุณ แต่...”
“แต่อะไร?” เสี่ยปืนถาม
“แต่ไอ้ตินไม่น่าจะยอม”
“แล้วผมต้องทำยังไง”
ตอนนี้ใบหน้าสวยกลับมีน้ำตาออกมาจากสองแก้ม เธอร้องไห้กับสิ่งที่พ่อเธอกับเธอทำในวันนี้ ทั้งที่เธอไม่เคยคิดจะทำเรื่องเหล่านี้เลยสักนิด ถ้าวันนี้พ่อต้องโดนมาเฟียอย่างมาร์ตินฆ่า เธอก็คงจะต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียวบนโลกใบนี้ซินะ
“ถ้านายจะฆ่าพ่อฉัน นายก็ฆ่าฉันไปด้วยเลย...”
อีธานนิ่งมองเธออยู่นาน อย่างครุ่นคิด
“ผมมีข้อเสนอ...”
“อะไรเหรอครับ?” เสี่ยปืนพูดด้วยท่าทางที่สุภาพผิดจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“คุณต้องไปอยู่เมืองนอกสักระยะ ให้เรื่องมันเงียบ”
“ผมสองคนต้องไปอยู่เมืองนอกเลยเหรอ? นายจะพาพวกเราหนีได้จริงๆ ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่สองคน...ผมหมายถึงแค่คุณ”
“แล้วลูกสาวผมล่ะ?”
“เรื่องปิ่นมุกเดี๋ยวผมจัดการเอง ส่วนเรื่องเงิน ผมจะใช้หนี้แทนให้”
“งั้นตกลงตามนั้น...แต่ นายจะช่วยปิ่นมุกจากมาร์ตินได้เหรอ?”
“ผมทำได้” อีธานพูดเสียงสูง
พ่อของเธอได้ยินประโยคนั้นแล้วก็คิดโล่งใจ แต่เธอกลับมองคนเจ้าเล่ห์ที่ใช้อุบายหลอกล่อออก
“นายจะดูแลลูกฉันยังไง?”
“ไม่ต้องถามมาก คุณไม่มีเวลาแล้ว...คุณต้องบินคืนนี้”
“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ ฉันยังไม่ได้เตรียมตัว แล้วนายจะส่งฉันไปอยู่ที่ไหน”
“อังกฤษ...ผมเตรียมทุกอย่างไว้ให้คุณหมดแล้ว”
อีธานแกะเชือกออกจากสองคนพ่อลูก และปล่อยให้ทั้งคู่ร่ำลากันสักพัก ก่อนที่จะเดินนำออกไป
“ไอ้สันติ...เอารถตู้ออก”
“ครับลูกพี่”
ตอนนี้รถตู้พาสองพ่อลูกไปที่สนามบิน
ติ้ง....อีธานก้มมองเสียงข้อความของมือถือที่ดังขึ้น
“นายเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมขนาดนี้เลยเหรอ?” ปิ่นมุกส่งข้อความไปถาม เพราะทั้งพาสปอร์ทของพ่อ เขายังเตรียมมันเอาไว้ให้พร้อมได้ขนาดนี้
อีธานหันไปยักคิ้วให้ ทั้งที่นั่งอยู่ข้างๆ กับเธอ
“นายมันเจ้าเล่ห์” เธอพิมพ์ข้อความกลับไปอีกครั้ง เพราะไม่อยากให้พ่อเธอรับรู้
“ถึงจะเจ้าเล่ห์ยังไง ผมก็ช่วยให้คุณกับพ่อคุณรอด”
@สนามบิน
“ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกต้องลำบาก”
“หนูรักพ่อนะคะ...หนูมีพ่อเพียงคนเดียว”
“ถ้าเรื่องทุกอย่างซาลง พ่อจะรีบกลับมา”
ทั้งคู่สวมกอดกันด้วยความอาลัยอาวรณ์
“นี่กุญแจเซฟที่บ้าน ในนั้นมีเงินพอที่จะจ่ายค่าเทอมค่าใช้จ่ายของลูกได้สักระยะเก็บไว้ใช้ ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก แล้วพ่อจะโทรหา”
“ขอบคุณนะคะพ่อ หนูรักพ่อนะคะ”
“ได้เวลาที่เครื่องจะออกแล้วครับ ร่ำลากันเสร็จหรือยัง?” อีธานเอ่ยถาม
“พ่อไปก่อนนะลูกปิ่น”
หลังจากจ้องมองพ่อจนเดินเข้าเกรดของสนามบินจนสุดสายตา เธอก็ก้มหน้าหลับตาลงไล่น้ำตาที่มันคลั่งค้างอยู่ที่สองเบ้าออก
“เสร็จแล้วก็กลับ”
เสียงเข้มดังขึ้นจนเธอต้องหันไปทางอื่นแล้วรีบปาดน้ำตาออก
เขาเดินเข้าไปประชิดตัวเธอกดต้นคอของเธอมาซบลงที่อกแกร่ง
“อ่ะ...อยากร้องก็ร้องออกมาให้พอ ร้องมันตรงนี้แหละฉันไม่เห็นความอ่อนแอของเธอหรอก ร้องซะให้พอ”
เธอสะอื้นอยู่ที่อกแกร่งของเขาอยู่สักพัก
“ไปกลับกันได้แล้ว” เขาคว้าข้อมือบาง แล้วลากออกไปจากตรงนั้นทันที
“นี่นายจะพาฉันไปไหน?”
“ไปทำเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาทำกันมั้ง!!”
“ไอ้บ้า...นายมันลามก ในหัวสมองคิดอยู่เรื่องเดียวหรือไง?”
“ยังไง เธอก็ต้องทำตามข้อตกลงของฉัน”
“ข้อตกลงบ้าอะไร”
“ขึ้นรถก่อนเดี๋ยวจะบอก”
“ไปไอ้สันติ...ออกรถ”
“ให้ผมไปส่งที่ไหนครับลูกพี่?”
“คอนโด...ที่ไม่ใช่คอนโดกู”
“ได้ครับลูกพี่” สันติตอบรับอย่างรู้ทัน แต่เธอกลับทำหน้าฉงน แต่ก็ไม่อยากจะเอ่ยถาม
“นายมีข้อตกลงอะไรของนาย? บอกมา”
“เธอจะให้ฉันพูดบนรถนี้จริงๆ เหรอ?” อีธานปลายตาไปมองสันติ
“ชิ!!! นายมันโรคจิต” เธอกอดอกแน่นหันไปมองเครื่องบินที่กำลังออกตัวจากสนามบิน พลางคิดถึงผู้เป็นพ่อขึ้นมาอย่างใจหาย เธอไม่เคยจากพ่อเธอไกลขนาดนี้
ไม่นานรถตู้ที่เธอนั่งก็เลี้ยวเข้าคอนโดที่คุ้นตา
“นี่มันคอนโดฉันหนิ...นาย!!!”
“ก็ยังดีที่จำมันได้...”
อีธานลงจากรถ และเดินตรงไปที่ลิฟต์ทันที
“นายจะเข้าออกที่นี่เหมือนคอนโดของตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ของๆ เมีย ก็เหมือนของผัวหรือเปล่าล่ะครับ”
“แต่ฉันไม่ได้เป็นเมียนาย”
“เดี๋ยวก็ได้เป็น”
เขาไปที่ลิฟต์โดยมีคนหน้าบึ้งเดินอยู่ตามหลัง
“เชิญเข้ามาก่อนครับคุณผู้หญิง” อีธานเปิดประตูห้องยังกับเป็นห้องของตัวเอง และผายมือเชิญเธอเข้าไปในห้องอย่างกวนประสาท จนปิ่นมุกต้องกระแทกเท้าเดินเข้าไปในห้อง
“บอกข้อตกลงของนายมา ฉันต้องทำอะไรบ้าง?”
“มันก็ไม่ยาก”
“พูด?”
“เธอเป็นเด็กของฉัน ในระหว่างนี้ต้องเชื่อฟังฉัน ปรนนิบัติเอาใจ ตามใจฉัน ดูแลฉันให้ดี ไม่ว่าฉันจะทำอะไรเธอก็ต้องดูแล และคอยเอาใจ ฉันร้อนเธอก็ต้องคอยพัดให้ ฉันหนาวเธอก็ต้องคอยห่มผ้าให้ความอบอุ่นกับฉัน ฉันหิวเธอก็ต้องทำกลับข้าวให้ฉันกิน....”
“โหย...นี่มันสัญญาทาสชัดๆ” เขาไล่มาซะยาวจนคนฟังเริ่มหงุดหงิด
“เดี๋ยวยังไม่หมด...เธอต้อง....”
อีธานเดินไปมองเรือนร่างของเธอ ยังใช้สายตาไล่ไปโดยรอบส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ
“ต้องอะไร?”
“ต้องนอนกับฉันไง?”
“ฉันไม่....”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาปฏิเสธ....เธออย่าลืมว่าฉันจะส่งพ่อเธอกลับมาให้ไอ้มาร์ตินมันเมื่อไรก็ได้”
“...” เธอเม้มปากแน่น
“แต่เรื่องนั้นฉันไม่....”
“เธออย่ามาปฏิเสธเรื่องนั้น เผอิญว่ามันเป็นเรื่องที่ฉันชอบ” อีธานพูดพร้อมไล่สายตาหื่นส่งให้เธอ
“หยี...ถอยออกไปนะ” เธอผลักใบหน้าที่บ้ากามออกไปให้ห่าง
เธอไม่ได้จะพยายามปฏิเสธ แต่เรื่องนั้นเธอจะบอกว่าเธอยังไม่เคยนะสิ แต่เขาก็ตัดบทของเธอเสียก่อน
“มันดึกแล้วรีบอาบน้ำนอนกันดีกว่า” เขาพูดด้วยท่าทางที่ฉายแววดีใจจนออกนอกหน้า ทิ้งให้เธอยืนหน้ามุ่ยไม่หาย
“ปิ่นครับ ขอผ้าเช็ดตัวให้ผมหน่อย”
“เวรกำอะไรของฉันเนี่ยที่ต้องมาเจอคนอย่างนาย” เธอบ่นพึมพำในใจเพียงคนเดียว ก่อนที่จะไปหยิบผ้าขนหนูผืนหนาส่งให้เขาในห้องน้ำ
“ไม่อาบด้วยกันเหรอ?”
“...”
“อ่ะๆ ไม่ก็ได้ เข้าหอวันแรกเดี๋ยวเธอจะตกใจที่เจอของใหญ่ของฉันไปซะก่อน”
ปัง!!!
“ไอ้คนประสาท” เธอปิดประตูห้องน้ำเสียงลั่นดังขังเขาไว้อยู่ในนั้น เดินหน้าร้อนผ่าวมาสงบสติอารมณ์อยู่ที่โซฟากลางห้อง