มาร์ตินถึงกับชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่บรู๊คพูดออกมา เพราะตั้งแต่เมื่อวานเขาเองก็ยังติดต่ออาริส แฟนเด็กของเขาไม่ได้เหมือนกัน
“ไอ้บรู๊ค...มึงพูดมาให้ชัดดิ ว่าอาริสหายไปตั้งแต่ตอนไหน?
“อย่ามาแถกูนะไอ้มาร์ติน! มึงเอาน้องสาวกูคืนมา!” เสียงบรู๊คตะโกนลั่นจนเด็กวิศวะทั้งสองสถาบันต่างขยับเข้ามาเขม่นใส่กันอย่างเอาเรื่อง
“กูไม่ได้เล่น! กูแค่ถามว่า...เธอหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่!”น้ำเสียงมาร์ตินเริ่มสั่นเพราะห่วงแฟนเด็กใจจะขาด
“กูไม่รู้โว้ย! เมื่อวานเธอไม่ได้กลับบ้าน น้องกูหายไปครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว...กูจะแจ้งความ”
มาร์ตินกับอีธานมองหน้ากันอย่างครุ่นคิด
อีธานพยักหน้าให้เพื่อน ก่อนที่มาร์ตินจะหันกลับไปพูดกับพวกที่ยืนล้อมกันอยู่เป็นกำแพงพร้อมปะทะ
“ไม่มีอะไรแล้ว พวกมึงแยกย้ายไปเรียนเถอะ”
เสียงของมาร์ตินนิ่งแต่เฉียบพอให้ใครๆ ไม่กล้าเถียงทว่า...บรู๊คกลับไม่ยอม
“มึงจะไปไหน ไอ้เวร!” เขาตะโกนพลางรีบก้าวตามสองคนนั้นไปติดๆ
“ไอ้บรู๊ค...มึงจะเอายังไงวะ” เลย์ที่ติดตามบรู๊คมาด้วยตะโกนถาม
“พวกมึงกลับไปก่อน!” บรู๊คหันไปสั่งพรรคพวก “ไม่ต้องห่วงกู!”
บรู๊คพยายามวิ่งตามไอ้สองคนข้างหน้าที่สาวเท้าไวกว่าปกติ
เสียงฝีเท้าวิ่งกระทบพื้นคอนกรีตดังสะท้อนในทางเดิน
“พี่ครับ” มาร์ตินพูดขึ้นขณะเปิดประตูเข้าไปในห้องโสต
“ผมขอดูกล้องวงจรปิดหน่อยครับ”
บรรยากาศในห้องโสตเงียบลงทันตา เมื่อชายร่างหนาสามคนในชุดเสื้อช็อปสีแดงสดก้าวเข้ามาพร้อมหน้าตาที่ดูขึงขัง
ทั้งที่ก่อนหน้านี้พนักงานชายสองคนยังหัวเราะคุยกันอย่างออกรส เสียงพูดคุยที่เคยคลออยู่แผ่วหาย เหลือเพียงเสียงเครื่องปรับ
อากาศที่ดังเบาๆ แทนที่ความครึกครื้นเมื่อครู่ด้วยความตึงเครียดบางอย่างที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?” พนักงานประจำห้องโสตถึงขั้นเลิกคิ้วแสดงสีหน้าที่มีแต่คำถาม
“น้องสาวของผมหายตัวไป” บรู๊คชิงตอบ
พนักงานหนุ่มพยักหน้า ก่อนลุกไปเปิดคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกล้องวงจรปิดทั่วมหาลัย
เสียงพัดลมเครื่องดังเบาๆ ขณะภาพวิดีโอค่อยๆ ปรากฏบนจอ
“พอจะรู้ไหมว่า วันที่เท่าไร? และเวลาไหน?”
“เมื่อวาน ครับ พี่ช่วยดูตั้งแต่ 9 โมงเช้าเลยนะครับ” มาร์ตินตอบทันที เขารู้ดีว่าอาริสมีเรียน 10 โมง แต่เธออาจจะมาก่อนเวลาเพราะต้องมาหาเขาที่คณะก่อนเป็นประจำ และใช่เมื่อวานมันแปลกที่เธอไม่ได้เข้ามาหาเขา และเขาก็ติดต่อเธอไม่ได้เช่นกัน ยังแอบสงสัยว่าอาริสโกรธอะไรเขาหรือเปล่า
พนักงานห้องโสต รีบเปิดกล้องตัวที่อยู่หน้าประตูมหาลัย
บรู๊คกอดอกแน่น ดวงตาแดงก่ำจากความโกรธและความกลัวที่ปนกันจนแทบระเบิดออกมา
“เดี๋ยวนะครับ น้องเขาเรียนอยู่คณะอะไรนะครับ” พนักงานห้องโสตถาม
“นิเทศครับพี่” บรู๊คตอบ
“พี่ช่วยดูกล้องที่อยู่ระหว่างคณะวิศวะ ไปถึงคณะนิเทศเลยนะครับ”
“เจอแล้ว...นั่นแหละครับ ผู้หญิงคนนั้นน้องสาวผม”
พนักงานกดเลื่อนเวลาในวิดีโอภาพจากกล้องมุมสูงเผยให้เห็นอาริสเดินถือถุงอาหารออกมาจากรถของเธอที่จอดอยู่ตรงตึกคณะนิเทศ
และทุกอย่างมันก็ดูปกติ เธอเดินถือถุงอาหารมาทางคณะวิศวะของมาร์ตินจริงๆ “แล้วเธอจะหายไปตอนไหน?” ทุกคนต่างสงสัย
“พี่ครับผมขอมุมกล้องตรงริมถนนคณะวิศวะด้วยครับ” มาร์ตินพูดเสียงเข้ม
เขานึกขึ้นมาได้ว่าเขาเจอกับถุงอาหารร้านดังที่อยู่แถวบ้านอาริสตกอยู่บริเวณนั้น
พนักงานห้องโสต รีบเปิดกล้องตัวที่อยู่ตรงถนนริมทางเดินตามที่มาร์ตินบอกทันที
“เดี๋ยว...ตรงนั้น” อีธานพูดพลางชี้นิ้วไปที่หน้าจอ
ร่างอาริสเหมือนกำลังมองใครบางคนที่อยู่นอกมุมกล้อง
จากนั้น...เธอก็รีบเดินออกไปอีกทาง
มาร์ตินให้พนักงานที่ควบคุมกล้องวงจรปิดหยุดภาพ
เธอสวมชุดนิสิตสีขาวเรียบพอดีตัว แสงแดดเย็นสะท้อนบนกระโปรงพลิ้วทุกอย่างดูปกติ...จนเธอเดินจะมาถึงคณะวิศวะ หยุดชะงักตรงต้นไม้ และเดินออกมาจากคณะวิศวะอย่างรวดเร็วจนขวางกับรถตู้สีดำสนิทคันนึงเข้า
เหมือนเธอก้มหัวขอโทษ...แต่
“ไอ้เหี้ยใครวะ?” บรู๊คพุ่งเข้าไปที่หน้าจอ เมื่อเห็นน้องสาวตัวเองถูกชายฉกรรจ์ลากขึ้นไปที่รถ
และทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างตกใจ ที่มีคนทำการอุกอาจในมหาลัยที่มีผู้คนพลุกพล่านได้ขนาดนี้
“พี่ครับช่วยซูมไปที่ป้ายทะเบียนรถหน่อยครับ” มาร์ติน พยายามตั้งสติระงับอารมณ์โกรธ ทั้งที่พี่ชายของเธอเหมือนจะสติหลุดไปแล้ว
“พยายามดูแล้วครับ แต่ป้ายทะเบียนมันเบลอ...” พนักงานตอบอย่างจนใจ
มาร์ตินเพ่งมองไปที่ป้ายทะเบียนอีกครั้ง เขามองเห็นอะไรรางๆ
“ไอ้เหี้ย...ใครมันลากน้องกูไปวะ?” บรู๊คกำมือแน่นพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ
“ไอ้อีธาน...”
“ว่า?”
“กูพอจะรู้แล้วว่ามันเป็นใคร” เสียงของมาร์ตินแผ่วต่ำ แต่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต
“ใคร/ใคร” เสียงทั้งสองประสานกันถาม
“มึงตามกูมา และเตรียมคนของเราให้พร้อม เราจะไปบุกเพชรบุรีกัน”
ทั้งบรู๊ค และอีธาน ยังคงมีสีหน้าที่นิ่งอึ้ง
“พี่ครับ เรื่องนี้ผมขอให้เป็นความลับก่อนนะครับ”
พนักงานห้องโสดรีบพยักหน้าตอบรับ
ส่วนมาร์ตินก็สาวเท้ายาวก้าวนำออกไป ทิ้งให้สองคนนั้นต่างฉงน จนมาร์ตินต้องถอยหลังกลับมาเรียกเตือนสติ
“พวกมึงจะยืนงงอีกนานไหม?”
“ไปๆ ไอ้บรู๊คไป...มึงจะไปช่วยไหมน้องมึงอ่ะ?”
ระหว่างทางเดิน อีธานโทรสั่งลูกน้องให้มารวมตัวกันที่หน้าคณะวิศวะ
ไม่นานรถตู้จำนวน 10 คัน พร้อมทั้งชายฉกรรจ์ชุดดำก็มาจอดเรียงรายอยู่หน้าคณะ
พวกเขาทั้งหมดจำนวนนับสิบ ลงมาโค้งคำนับมาร์ตินกับอีธานยังกับในหนังมาเฟียอะไรสักเรื่อง จนบรู๊ค กับ เด็กในคณะวิศวะที่อยู่
บริเวณนั้นถึงขั้นสงสัยและอึ้งไปตามๆ กัน
“นี่พวกมึง” บรู๊คมองอาวุธปืนที่อยู่ที่เอวของลูกน้องของเขาทั้งหมด พลางคิดในใจกับคนที่เคยเป็นอาริกันมาตลอด “นี่กูมีอาริเป็นมาเฟียหรือเนี่ย”
“ไอ้เหี้ยบรู๊ค มึงจะยืนอึ้งแดกอีกนานไหม?” อีธานเท้าสะเอวถาม ทั้งที่ทุกคนขึ้นรถพร้อมจะออกกันหมดแล้ว
“ไปๆ กูไปด้วย”
“มึงรู้แล้วเหรอว่าใครพาอาริสไป” อีธานนึกสงสัยเลยเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ป้ายทะเบียนมันคือเพชรบุรี ถึงมันจะขูดเอาตัวเลขออก แต่ตรงจังหวัดมันยังมีร่องรอยให้กูพอแกะรอยได้อยู่ และตอนนี้คนที่อยู่จังหวัดนั้นที่กำลังมีเรื่องกับกูอยู่ก็ไม่ใช่ใคร”
“เสี่ยปืน” อีธานอุทานขึ้นมาเบาๆ
“มึนแน่ใจแล้วเหรอวะไอ้ติน” อีธานถามเขาไปอีกครั้ง เขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น เพราะถ้าอาริสเป็นอะไรไปจริงๆ ไอ้ตินมันไม่ปล่อยคนทั้งตระกูลนั้นไปแน่ๆ รวมทั้งคนที่เขากำลังพยายามจะผูกมัดเธอด้วย