เธอดีดตัวออกจากตักแกร่ง เมื่อเขายอมปล่อยกอดออก
“เอาคีย์การ์ดคืนมาแล้วกลับไปได้แล้ว”
เขายังคงนั่งนิ่ง หยิบเพียงมือถือที่มีข้อความแจ้งเตือนจากเพื่อนรักขึ้นมาอ่าน
“พูดไม่ได้ยินหรือไง?”
อีธานละจากมือถือ เลิกคิ้วหนาเชิงถาม
“ฉันบอกว่าให้นายกลับไปได้แล้ว และเอาคีย์การ์ดของฉันคืนมา”
“ก็มาเอาดิ...อยู่ในกางเกง”
“ชิ...ประสาท” เธอสะบัดหน้าหนีพลันเอามือกอดอก
หมอนี่ขยันเสนอตัวเหลือเกิน นึกว่าฉันจะตกหลุมรักคนอย่างเขาง่ายๆ เหมือนผู้หญิงทั่วไปอย่างนั้นเหรอ ชิ! ประสาทชะมัด
“เธอคิดอะไรทะลึ่งเกี่ยวกับฉันอยู่หรือเปล่า” อีธานแกล้งถาม เพราะเห็นคนตรงหน้าเอาแต่ทำปากมุบมิบเหมือนจะนินทาเขาในใจ
“คิดอะไรทะลึ่งของนายเล่า” เธอตอบเขาด้วยท่าทางเอาเรื่องที่เจ้าตัวขยันหาเรื่อง 18+ พูดใส่เธอไม่หยุด
“กลับไปได้แล้ว”
“ตอนนี้ฉันง่วง...ขอนอนก่อน” อีธานพูดพร้อมล้มตัวลงนอนอย่างถือวิสาสะ
“ออกไปนะ นายจะมานอนแบบนี้ไม่ได้”
เธอดึงมือหนาให้พยายามลุกออกจากโซฟาราคาแพงของเธอ
“ว้ายยยยย ไอ้บ้าปล่อย” เธอร้องเมื่อเขากระชากเธอให้ล้มลงไปที่ตัว แต่โชคยังดีที่ตอนนี้เธอตั้งหลัก และยันอกหนาเอาไว้ทัน
“ขยันกระชากจังนะไอ้บ้า”
ป้าบ! เสียงดังจากมือบางที่ตบลงไปที่อกกว้าง อย่างหมั่นไส้ จนเขาต้องร้องออกมา
“โอ๊ยยยย โคตรแสบ” อีธาน ปล่อยมือเธอ และรีบเอามือลูบไปที่อกที่กำลังแสบเพราะแรงตบ
“สมควร”
“ก็รู้ว่าจะโดนกระชาก แล้วจะเดินเข้ามาอ่อยเพื่อ?”
“อ่อย? นายมันบ้า...กลับไปซะที”
“ก็บอกว่าง่วงนอน”
“กลับไปนอนบ้านนายสิ ไม่มีบ้านให้นอนหรือไง?”
“มี...แต่อยากนอนกับ....”
“เลิกคิดอะไรบ้าๆ นั่น ฉันไม่ตกลงตามข้อเสนออะไรของนายทั้งนั้น” ปิ่นมุกรีบหยุดความคิดของเขาโดยการตอบปฏิเสธทุกข้อเสนอ
“ทำไม...มีผัวอยู่แล้วหรือไง? ถึงเอาแต่ปฏิเสธ”
“ไอ้บ้า...”
“ไม่ยอมเป็นเมีย มาเป็นเด็กในสังกัดของฉันก็ได้นะ”
“ประสาท...นายมันทุเรศที่สุด มักมาก ไม่รู้จักพอ”
“พออะไร...ฉันยังไม่มีเมียหนิ”
“นายมันคงเป็นประเภทฟันไปทั่วนะสิ” เธอมองที่เสื้อช็อปสีแดงของเขา และพลันคิดถึงพวกเด็กวิศวะที่แต่ละคนร้ายกาจ และมีนิสัยชอบเยไปทั่วเหมือนที่เธอเคยได้ยินมา
“ถ้าจะให้หยุดก็หยุดได้...แต่มันอยู่ที่เธอจะทำให้ฉันหยุดได้หรือเปล่า?”
“เชิญนายมั่วอย่างทั่วถึงไปเถอะ ฉันมิบังอาจเอื้อมไปหยุดผู้ชายอย่างนายหลอก” ปิ่นมุกพูดอย่างประชดประชัน
“แล้วเธอจะจัดการเรื่องหนี้ของพ่อเธอยังไง? เงินตั้ง 10 ล้าน ลำพังขายคอนโดนี้เธอก็ยังใช้หนี้ของพ่อเธอไม่หมด ฉันยื่นข้อเสนอดีๆ ให้เธอก็ไม่เอา”
“มันเรื่องของฉัน” เธอต้องมาปวดหัวหนัก เพราะคนอย่างเขาลำพังวันนี้ที่เธอเจอทั้งแฟนเก่าจอมจองเวรอย่างไอ้พี่บรู๊ค และยังจะมาเจรจาเรื่องหนี้สินของพ่อเธอกับมาร์ตินไม่สำเร็จ ก็พอให้ปวดหัวมากพออยู่แล้ว ตอนนี้เธอดันมาเจอกับคนประสาทจอมตื้ออย่างอีธาน เธอควรทำยังไงก่อนดี คิกแล้วก็อยากจะบ้า!
อีธานนอนนิ่ง และเหมือนเขาจะหลับไปจริงๆ เธอยืนมองเขาอยู่สักพัก ยังคิดเจ็บใจที่จัดการกับอีธานไม่สำเร็จ
เธอมองคีย์การ์ดของเธอที่อยู่ในมืออีธานที่เขากำมันไว้แน่น พลางคิดในใจว่าอยากจะไปดึงเอาคีย์การ์ดคืน แต่ก็กลัวคนเจ้าเล่ห์จะแกล้งหลับ และกระชากเธอไปนั่งบนตัวเขาอีก ความคิดนั้นเลยหยุดลง
เธอเดินไปหยิบผ้าเช็คตัวในห้องนอนแทนปล่อยให้คนหน้าคมหลับพริ้มอยู่บนโซฟาในห้องเธอ เพราะคิดว่าโวยวายไป คนบ้าๆ อย่างอีธานก็ไม่ยอมออกไปง่ายๆ แน่
เธอแอบมองเขาอีกครั้งก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“นายๆ” ปิ่นมุก แต่งตัวด้วยกางเกงตัวบาง กับเสื้อยืดตัวโคร่งที่เธอใช้ใส่นอนเป็นประจำ พร้อมกับเอาผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่ชุ่มเปียกหลังจากสระผมออกมาหมาดๆ
“นายไม่คิดจะกลับไปนอนบ้านนายหรือไง? ห๊ะ”
“ขอฉันค้างที่นี่นะ ฉันปวดหัว”
“อย่ามาใช้มุขนี้กับฉัน”
“ฉันปวดหัวจริงๆ” อีธานพูดทั้งที่กำลังหลับตาพริ้ม
“อีกอย่างฉันไม่ได้เอารถมาด้วย”
“แล้วตอนมานายมายังไงล่ะ?”
“ก็ให้ลูกน้องมาส่ง”
“ให้ลูกน้องนายมารับสิ”
“เกรงใจมัน...ป่านนี้ไอ้สันติมันคงนอนกกเมียมันแล้วมั้ง”
“เกรงใจลูกน้อง แต่ไม่เกรงใจเจ้าของห้องอย่างฉันเนี่ยนะ!” ปิ่นมุกพูดอย่างอารมณ์ขึ้น
“เหมือนฉันจะเป็นไข้...เมื่อกี้ตากฝนมาด้วย” อีธานพูดให้เธอสงสารอีกครั้ง
“สำออย”
“ไม่เชื่อเธอลองจับหน้าผากฉันดูสิ” เขาพยายามควานหามือบาง แต่เจ้าตัวก็ถอยหลังหนี
“เอาคีย์การ์ดคืนฉันมาก่อน”
แทนที่เขาจะยื่นคีย์การ์ดที่อยู่ในมือให้เธอ เขากับเอามันเก็บเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตามเดิม
“นี่นาย”
“เธอมีอีกอันไม่ใช่เหรอ อันนี้ก็เอาไว้ที่ฉัน”
“นายอย่ามาทำแบบนี้นะ” เธอทนไม่ไหวที่คีย์การ์ดของเธอจะตกไปอยู่กับผู้ชายอย่างอีธาน มันจะลุกล้ำความเป็นส่วนตัวกันมากเกินไปแล้ว
“เอามานะ”
เธอเดินเข้าไปแย่งของ ของเธอคืน ส่วนเขาก็ทำตามระเบียบ ดึงร่างบางให้ล้มลงมาที่อกแกร่งอย่างแนบชิด
“ตัวหอมจัง”
อีธานใช้จมูกสูดดมกลิ่นหอมจากตัวเธอ
“ปล่อยนะ ไอ้บ้า...ปล่อย”
อีธานรวบตัวเธอด้วยลำแขนแกร่งทั้งสองข้าง
“นายตัวร้อน”
“ก็ผมบอกคุณผู้หญิงแล้วหนิครับว่าผมไม่สบาย” เขาหรี่ตามองด้วยหัวที่หนักอึ้ง แต่แขนแกร่งก็โอบกอดเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยฉันก่อน...เดี๋ยวฉันติดไข้”
“ขอยาแก้ปวดหัวหน่อย และก็เช็ดตัวให้ฉันด้วย” อีธานพูดเชิงออกคำสั่ง
“ยาน่ะฉันพอมีให้นะ...แต่เรื่องเช็คตัวให้นาย ฉันขอบาย”
“เช็ดให้หน่อยไม่ได้เหรอ...ถ้าฉันตัวร้อนจนชักไปแล้วเธอจะทำไง ฉันยิ่งมีประวัติเคยชักตอนเด็กๆ อยู่”
“แล้วทำไมนายไม่ไปโรงพยาบาลตอนนี้เลยล่ะ”
“ตอนนี้เป็นไข้ธรรมดา ขอแค่ยากับเช็ดตัวให้ฉันก็พอ”
เขาพูดทั้งที่มีใบหน้าสวยซบอยู่ที่อกแกร่ง
“ปล่อยเดี๋ยวฉันติดไข้” อีธานยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“เอางี้ถ้าเธอเช็ดตัวให้ฉัน ฉันจะยืดเวลาให้ที่เธอจะไปหาเงินมาคืนไอ้ติน”
ปิ่นมุกคิดตามคำพูดของอีธาน อีกแค่วันเดียวบ้านพ่อเธอก็จะถูกยึด ตอนนี้ได้แต่ประวิงเวลาให้ยืดออกไป ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาพูดได้มันก็คงจะดี
“นายยืดเวลาให้ฉันได้แน่นะ”
“อืม...ได้ชัวร์ ฉันรับปาก”
ปิ่นมุกเอากระมังใบเล็กกับน้ำอุ่นมาวางไว้ข้างๆ โซฟา ก่อนที่จะไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็ก กับยาแก้ไข้มาให้เขากิน
“นายกินอะไรมาหรือยัง?”
“ยัง...”
“ต้องกินก่อนไหม เดี๋ยวยามันจะกัดกระเพาะเอานะ”
“อืม” อีธานได้แต่พยักหน้า เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย เพราะเกิดอาการชอบใจที่เธอดูจะเป็นห่วงเขาเป็นพิเศษ
“มาม่า...นายกินได้ไหม?”
“ได้” เสียงตอบในลำคอแผ่วเบา แสดงอาการของคนไข้เรียกความสงสารเลยเกิดขึ้น
ปิ่นมุกรีบ เดินไปที่ห้องครัว หยิบมาม่ากระป๋องเปิดน้ำร้อนใส่ให้ ก่อนที่จะเดินมาหาเขาและยื่นมันให้เขากิน
“หวังว่าคงไม่ต้องให้ฉันป้อนนะ”
“ได้ก็ดี”
“เกินไป”
อีธานรับมาม่ามา กิน ก่อนที่จะกินน้ำ กินยา และล้มตัวนอนอย่างคนหมดแรง