“ใบข้าว...ใบข้าว...ไอ้ข้าว!!”
“คะๆ!!ใบข้าวเซอร์วิสยินดีให้บริการค่ะ~”
คนตัวเล็กที่กำลังเคลิ้มหลับอยู่ในท่าใช้หน้าฟุ้บลงไปกับชีทเรียนที่วางอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อน ดีดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดสโลแกน ซึ่งใช้รับสายโทรศัพท์ลูกค้าเสียงดังลั่นบริเวณใต้ตึกเรียน เมื่อถูกเพื่อนสนิทตะโกนใส่ดังลั่นผ่านแก้วหูชั้นใน
“ข้าวเอ้ย! อายเค้าๆ นั่งลงเดี่ยวนี้เลยนะแก ทำงานจนเป็นบ้าไปแล้วเนี่ย”นักศึกษาที่นั่งอยู่โต๊ะม้าหินอ่อนใกล้ๆ หันมามองเราสองคนเป็นตาเดียว
ไอรีสออกแรงกระตุกดึงแขนฉันที่กำลังยืนงัวเงียอยู่อย่างแรงให้นั่งลงไปข้างๆ พร้อมกับวางกระเป๋าแบรนด์เนมใบล่าสุดของเธอลงบนชีทเรียน
“ตกใจหมดเลย ทำไมต้องตะโกนด้วยเนี่ย คนกำลังฝันถึงแจ็คสัน หวังอยู่เลย” ปากเล็กอ้าออกหาวหวอดๆ ฟุ้บหน้าลงบนชีทเรียนอีกครั้งด้วยความง่วง
เมื่อคืนกว่าฉันจะขับรถไปส่งลูกค้าเสร็จ กว่าจะกลับถึงบ้านตัวเองก็กินเวลาเกือบตีสี่ โชคดีที่พวกพี่เขาให้ทริปฉันเยอะเลยคุ้มค่าที่จะต้องอดหลับอดนอนอยู่บ้าง แต่ได้นอนแค่สามชั่วโมงก็ต้องรีบตื่นเพราะวันนี้มีเรียนเช้า ซึ่งอาจารย์ผู้สอนโหดแสนโหด ฉันเลยต้องรีบมาก่อนเวลานี่แหละ
“ก็ฉันเรียกแกตั้งนานไม่ยอมตื่นเองนี่” ไอรีสบ่นอุบก่อนจะเลื่อนกล่องอาหารมาตรงหน้าฉัน “ช่วยกินแทนหน่อย”
“ว้าว~พี่แมวให้มาอีกแล้วเหรอ” ฉันดันตัวขึ้นนั่งตัวตรงดวงตาเป็นประกาย เปิดกล่องครัวซองที่ซื้อมาจากร้านดัง หยิบมันขึ้นมากินอย่างเบิกบานใจ ร้านนี้ฉันเคยไปต่อคิวยาวเหยียดซื้อให้ลูกค้าที่สั่งทางออนไลน์อยู่บ่อยๆ ราคาแพงใช้ได้เลยล่ะ
“ฮึ!พี่เสือมั้ย เรียกซะลายพี่เค้าหายหมด”
“ก็เห็นตามจีบแกยังกะแมว นี่แกไม่คิดจะสนใจพี่เค้าบางหรือไง”
“ไม่ล่ะ เบื่อๆ ช่วงนี้ยังไม่อยากมีใคร” ไอรีสบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆสไตล์คุณหนูไอรีสผู้คนสวยเลือกได้แต่ไม่ยอมเลือก “ว่าแต่แกเถอะ ได้นอนบ้างมั้ยเนี่ย ดูขอบตาแกดิ๊”
กระจกเงาจากตลับแป้งพับแบรนด์ดังถูกยกขึ้นส่องมายังใบหน้าไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มของฉันด้วยฝีมือของคุณเพื่อน เพื่อจงใจให้ใช้ส่องดูสาระรูปของตัวเอง
“เดี๋ยววันนี้รับงานแค่ช่วงบ่าย คืนนี้ไม่รับละ” ฉันบอกไปปัดๆ พร้อมกับยัดครัวซองชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ตามด้วยกาแฟที่ได้รับอนิสงค์มาจากเพื่อนล้วนๆ ลงไปจนหมดครึ่งแก้วในทีเดียว
"รับงานคืนนี้คงได้พาลูกค้าหลับใน ซิ่งลงข้างทาง"
"ปาก!"ฉันวางแก้วกาแฟลง ส่งสายตาจิกกัดไปทางไอรีสอย่างไม่ได้จริงจังอะไรนักกับคำพูดของคนเป็นเพื่อน
“พูดจริงนะข้าว แกควรพักบ้าง ไม่ใช่รับงานจนตัวเองกลายเป็นผีตายซากแบบนี้ ทั้งเตี้ย ทั้งผอม เดือดร้อนอะไรก็บอก ฉันจะช่วย เข้าใจมั้ยเพื่อน”
“อื้อ~” นัยน์ตากลมโตเสมองไปทางอื่น เมื่อได้ยินน้ำเสียงจริงจังจากเพื่อนสนิทที่แม้แต่แม่แท้ๆ ยังไม่เคยถามคำถามแบบนี้กับฉันเลย รู้สึกว่าขอบตากำลังเห่อร้อน เหมือนจะมีน้ำตาไหลออกมาดื้อๆ
เดือดร้อนอะไรก็ให้บอกอย่างนั้นน่ะเหรอ ล่าสุดไอรีสก็แอบไปจ่ายค่าเทอมที่ค้างเอาไว้สองเทอมให้ฉันเพราะกลัวฉันไม่มีสิทธิ์สอบ ไหนจะรถที่ให้ฉันเอามาใช้ขับรับส่งลูกค้าอีก ก็มีแต่ความช่วยเหลือจากคุณหนูไอรีสลูกสาวตระกูลมาเฟียใหญ่ทั้งนั้น แล้วยังจะให้ฉันรบกวนอะไรเธออีก
“ฉันรู้นะว่าแกแอบร้องไห้"ฝ่ามือนุ่มนิ่มของลูกสาวมาเฟียวางทาบลงบ่าฉันอย่างห่วงใย "ไม่เอาดิข้าว แกเป็นเพื่อนฉันนะเว้ย” แขนเรียวของไอรีสตวัดกอดฉันเอาไว้แน่น ซึ่งฉันก็กอดตอบเธอด้วยเช่นกัน น้ำตาที่คิดจะกลั้นเอาไว้ค่อยๆ ไหลออกมาช้าๆเพราะคำพูดแสดงความเป็นห่วงของเพื่อน
“ฮึก! แค่แกเปย์ฉันอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะไปหามาจากไหนคืนให้แกแล้ว”
“แกต้องมอบชีวิตของแกให้ฉัน ฮึก!”
“ไม่นะยัยแม่มด”
“ไอ้บ้า ฉันคือมาเลฟิเซนต์”
“งื้อ ขอบใจแกนะนางฟ้าแม่ทูลหัว ยัยคุณหนูลูกสาวมาเฟียตระกูลใหญ่ของฉัน”
“ฮึก! ไอ้ข้าวบ้า แกจะอวยยศให้ฉันยาวไปถึงอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิเลยมั้ย” ฝ่ามือนุ่มนิ่มของเธอลูบลงที่หลังฉันเบาๆ เป็นการปลอบ นี่แหละไอรีสเพื่อนของฉัน ซึ่งเราสองคนแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ฉันคือคนที่ต้องปากกัดตีนถีบ ช่วยเหลือส่งเสียตัวเองทุกอย่าง จนตอนนี้เรียนอยู่ปี3แล้ว
ตอนกลางวันฉันมีหน้าที่เรียนหนังสือ หลังเลิกเรียนฉันทำงานบริการ ซึ่งฉันสมัครงานในเพจๆหนึ่ง โดยมีลูกค้าที่ต้องการเลือกใช้บริการหลายรูปแบบ เช่น บริการรับ-ส่งอาหาร บริการขับรถให้ บริการส่งของ บริการทำความสะอาด เป็นต้น ซึ่งจะมีแอดมินเพจส่งงานให้เราอีกที โดยได้รับการการันตีไว้แล้วว่าไว้ใจได้ทั้งสองฝ่าย ส่วนครอบครัวของฉันนั้น ฉันมีแม่คนเดียวแต่กลับมีพ่อหลายคน เอาไว้เดี๋ยวทุกคนก็จะเข้าใจความหมายนี้เอง
“ฮึ!...แกก็นะ คบฉันมาจะเข้าปีที่4แล้ว ฉันยังไม่มีอะไรตอบแทนแกเลย” ฉันขำออกมาอายๆ ผละกอดออกจากไอรีสที่บ่อน้ำตาตื้นไม่ต่างกัน ไม่อย่างนั้นเสื้อนักศึกษาของเธอคงเปอะเปื้อนด้วยน้ำตาของฉันแน่ๆ
“แค่แกไม่ริษยาฉันทั้งต่อหน้าและลับหลัง ฉันก็ไม่ต้องการอะไรแล้วล่ะเพื่อนเลิฟ”
“อิจฉาว้อย สวยและรวยมากอย่างแกเนี่ย”
“ฉันขอแด๊ดให้รับแกเป็นลูกบุญธรรมดีมั้ยวะข้าว”
“พอเลยนะ” ฝ่ามือเล็กรีบยกขึ้นปางห้ามญาติโดยอัตโนมัติ “แด๊ดแกโหดอ่ะ” ฉันจำได้ไม่เคยลืมเลือน คอยเตือนตัวเองเอาไว้ ว่าตอนปีหนึ่งเคยไปค้างที่บ้านไอรีส แล้วฉันก็เจอเหตุการณ์ที่มาเฟียใหญ่ลงโทษลูกน้องที่ทรยศ ด้วยการทรมานอยู่ในห้องใต้ดิน เฮือก! พูดแล้วยังกลัวไม่หาย เสียงร้องโหยหวนของผู้ชายคนนั้นยังติดอยู่ในหูของฉันอยู่เลย ฉันเลือกที่จะลำบากต่อไป ดีกว่าไปเป็นลูกบุญธรรมมาเฟียที่แสนน่ากลัวอย่างคุณพ่อของไอรีส
“เว่อร์ไปข้าว แด๊ดออกจะใจดี เนี่ยเมื่อวานฉันก็พึ่งไปอ้อนเอากระเป๋าใบนี้มาแหละเพื่อน~”
“เหอะ~ ซื้ออีกแล้ว เดือนก่อนก็พึ่งซื้อ” ฉันเบะปากใส่ไอรีสเป็นการหยอกล้อ ก่อนจะลุกขึ้นเก็บของทุกอย่างบนโต๊ะขึ้นมาไว้ในวงแขนเพื่อขึ้นไปเรียน
“แม่จ๋า อย่าบ่นหนูเลยนะคะ”
“ไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวไม่จบทั้งแม่ทั้งลูก” ฉันกอดแขนของไอรีสเดินไปยังลิฟท์ มืออีกข้างก็ถือชีทเรียนให้เพื่อนไปด้วย เราสองคนตัวติดกันแบบนี้จนคนในคณะบริหาร เข้าใจว่าเราเป็นคู่เลสเบี้ยนกันไปซะแล้ว