14.15น.
ปี้นๆ ๆ
“ติดอะไรนักหนาเนี่ย จะทันมั้ยๆ” นิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยรถเพื่อนับเวลาที่โชว์อยู่บนป้ายสัญญาณไฟเขียว พร้อมกับค่อยๆเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถตามคันข้างหน้าไปช้าๆ ท่ามกลางเสียงแตรของรถด้านหลังหลายๆคัน
รู้ทั้งรู้ว่ายังไงมันก็ขับลอยข้ามคันอื่นไปไม่ได้ ยังจะมาบีบแตรไล่กันอีก นัยน์ตากลมโตปลายตา มองกระจกหลังเพียงนิด ก่อนจะเร่งเครื่องยนต์ทะยานไปข้างหน้าอย่างใจจดจ่อ แต่เพราะโชคไม่เข้าข้าง สัญญาณไฟจราจรสีเขียวได้เปลี่ยนเป็นสีแดงจนจำเป็นต้องเหยียบเบรกกระทันหัน เพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าไฟแดง
เอี๊ยด!!!!
โครม!!
“เฮ้ย!” รถของฉันพุ่งไปข้างหน้าโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว เมื่อมีรถสปอร์ตป้ายแดงพุ่งเข้าชนท้ายรถของฉันเข้าในระยะประชิด หน้าผากเล็กชนเข้ากับคอนโซลหน้ารถอย่างห้ามไม่ได้
“โอ๊ย!เจ็บชะมัด” มือเล็กลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ก่อนจะตั้งสติเมื่อพบว่ามีรถชนกันถัดจากรถของฉันไปอีกหนึ่งคัน เห็นอย่างนั้นฉันจึงรีบลงไปดูสภาพของรถที่ถูกชนท้ายในทันที
“ไฟท้ายแตกเลยลูกแม่”มือเล็กลูบลงตรงไฟท้ายรถที่แตกละเอียดอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“ไอ้น้อง เบรกกะทันหันแบบนั้นรถก็จูบก้นกันสิวะ”
“ขอโทษด้วยค่ะพี่ มันเปลี่ยนเป็นไฟแดงพอดีหนูเลยต้องเบรค รถพี่เป็นยังไงบ้างคะ” ฉันถามพลางวิ่งไปดูรถพี่ผู้ชายที่อยู่คนที่3 ซึ่งโชคดีแค่กันชนหน้าบุบไปนิดเดียว แต่รถหรูคันที่อยู่ตรงกลางนี่สิไม่มีร่องรอยอะไรเลย แถมเจ้าของรถยังไม่ลงมาจากรถด้วย
“เอาไงดีล่ะทีนี้” ผู้ชายเจ้าของรถคันที่3เกาหัวแกร้กๆ ก่อนจะเดินไปเคาะกระจกรถหรูคันกลางทันที
ก๊อกๆๆ
“คุณครับ ลงมาคุยกันหน่อย” พี่เจ้าของรถคันที่3เคาะกระจกอยู่สักพักก่อนที่เจ้าของรถหรูซึ่งถูกชนทั้งด้านหน้าด้านหลังจะค่อยๆ เปิดประตูก้าวลงมาจากรถ
คนตัวสูงในชุดสูทอย่างเป็นทาง ใบหน้าหล่อคมเข้ม ภายใต้แว่นกันแดดแบรนด์หรู มือหนาถอดมันออกเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลปนเทาที่อยู่หลังแว่น บ่งบอกได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนเชื้อชาติไทย
“คะ...คุณ...” ปากเล็กขยับช้า ดวงตากลมเบิกโพล่งเมื่อจำได้ว่าเขาคือคนๆ เดียวกันกับผู้ชายที่เล่นอยู่กับพี่กอแก้วเมื่อคืน
“ร้อน!!”
“ฮะ!” ฉันเผลออุทานออกมาอย่างเสียมารยาท เมื่อคนตัวโตเดินลงมาจากรถที่ถูกชนทั้งหน้าและหลัง แต่กลับพูดเพียงคำว่า ร้อน เป็นภาษาอังกฤษ ตาคมมองซ้ายมองขวาไม่ได้สนใจรถของเขาหรือของเราที่แนบชิดติดกันเลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ... เอาไงดีล่ะไอ้น้อง”
“แป๊บหนึ่งนะพี่” ฉันหันไปทางพี่เจ้าของรถคันที่3 จากนั้นก็หันไปเจรจากับเจ้าของรถหรูคันกลาง เป็นภาษาอังกฤษ “เอ่อ คุณเรียกประกันได้มั้ยคะ คือรถ...”
“เธอรู้จักที่นี่มั้ย” มือหนายื่นโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดของยี่ห้อดังมาตรงหน้าฉัน
“เคทีกรุ๊ป รู้จักค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบกลับเขาไปเมื่ออ่านชื่อบริษัทจบ จะไม่รู้จักได้ยังไงในเมื่อฉันกำลังจะเอาของไปส่งที่นั่นพอดี “ว้าย แย่แล้ว!คือฉันรีบมากๆ”เมื่อนึกได้ว่าต้องรีบเอาชุดไปส่งลูกค้าก่อนบ่ายสามโมง เท้าเล็กรีบวิ่งกลับไปที่รถ หยิบโพสอิทมาสองแผ่น ก่อนจะบรรจงเขียนชื่อและเบอร์โทรลงไปแทนนามบัตร
“ว่ายังไงน้อง”
“พี่คะ คือหนูรีบมากนี่ชื่อกับเบอร์โทร พี่เรียกประกันมาเคลียร์เลยนะคะ เดี๋ยวหนูกลับมารับทราบข้อกล่าวหา”
“มีใครบาดเจ็บตรงไหนมั้ยครับ” จังหวะเดียวกันกับคุณตำรวจที่อยู่บริเวณป้อมยามเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย
“ของหนูคันนี้ค่ะไม่เป็นไรมาก”
“เอางี้น้อง ของพี่ไม่มีประกัน เราต่างคนต่างซ่อมไปละกัน แล้วพี่ฝรั่งนี้จะเอาไงน้องถามเค้าสิ” พี่เจ้าของรถคันที่3พยักพเยิบหน้าไปทางเจ้าของรถหรูที่ตอนนี้ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกแล้วสามเม็ด พร้อมกับเหงื่อท่วมใบหน้า
“คุณคะ...”
“เดี๋ยวลูกน้องฉันจะมาจัดการให้ แต่ตอนนี้ฉันต้องการไปที่นี่ก่อนบ่ายสาม เธอรู้จักเคทีกรุ๊ปใช่มั้ย"
"ระ...รู้จักค่ะ"
"งั้นช่วยไปส่งฉันที”
“ดะ...ได้สิ ฉันกำลังจะไปที่นั่นพอดี”
“โอเค ไปรถเธอนะ ส่วนรถฉันเดี๋ยวให้ประกันมาจัดการ”
“ละ...แล้วรถฉัน” นิ้วเรียวชี้ไปที่ไปท้ายที่แตกกระจายอยู่บนพื้นถนน
“เดี๋ยวฉันจ่ายให้”
“งั้นเชิญด้านนี้เลยครับ เจ้านาย” ง่ายแบบนี้ก็หวานหมูไอ้ข้าวน่ะสิ ฉันผายมือให้คนตัวสูงซึ่งเขาก็เดินมาขึ้นรถฝั่งข้างคนขับอย่างว่าง่าย เพราะด้านหลังข้าวของวางเต็มหมดแล้วจ้า
“หนูไปนะพี่ ต่างคนต่างซ่อม คุณตำรวจขา หนูฝากรถหรูคันนี้ด้วยนะคะ ไปล่ะค่ะรีบมากๆ”
“ยินดีครับ”
“โชคดีไอ้น้อง อย่าไปเที่ยวเบรคมั่วๆ อีกล่ะ”
“สวัสดีจ๊ะพี่” ฉันยกมือไหว้ทั้งคุณตำรวจและพี่เจ้าของรถคันที่3 ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถของตัวเองที่ไฟท้ายยังห้อยต่องแต่งอยู่ เพื่อเร่งเครื่องไปส่งชุดที่รับมาจากร้านซักรีดให้ลูกค้าที่เคทีกรุ๊ป
“ร้อนว่ะ!” มือหนาถอดเสื้อสูทออกโยนไปไว้ด้านหลังอย่างไม่ใยดี ก่อนจะพันแขนเสื้อเชิ้ตแขนยาวขึ้นลวกๆ
“เอ่อ เดี๋ยวฉันเพิ่มแอร์ให้นะคะ” ปากเล็กค่อยๆ เรียบเรียงประโยคพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เอื้อมมือไปปรับความเย็นของเครื่องปรับอากาศให้เขาอย่างนอบน้อม เสมือนเขาเป็นนายจ้างยังไงยังงั้น โชคดีที่ตั้งใจเรียนภาษาเลยพอจะคุยกับเขาได้ไม่ติดขัด
“เธอรู้จักไอ้บริษัทเฮงซวยนี่แน่นะ” เจ้าของเสียงเข้มมองฉันสลับกับกระจกหน้ารถ
“แน่นอน เพราะฉันกำลังจะเอาชุดข้างหลังไปส่งให้คนที่นั่นเหมือนกัน” คนตัวโตถามขึ้นขณะที่รถเลี้ยวเข้าซอยแคบแบบวันเวย์ เขาคงกลัวฉันพาไปหลงสินะ ดูท่าทางจะไม่รู้จักเส้นทางสักเท่าไหร่
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันเป็นพนักงานบริการขับรถ รู้จักเส้นทางทุกเส้นดี วางใจได้ค่ะ คุณจะถึงภายในสิบนาทีนี้แน่นอน” ฉันพูดอย่างรัวเร็วพร้อมกับหักพวงมาลัยรถเลี้ยวซ้ายออกถนนเส้นหลัก ซึ่งระยะทางไม่ถึง1กิโลเมตรก็ถึงที่หมายแล้ว
“ใช้ได้นี่” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นเมื่อรถจอดที่ลานจอดรถของบริษัทขนาดใหญ่ก่อนเวลา ฉันรีบวิ่งอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูรถให้เขา เหมือนที่เคยทำให้ลูกค้าทั่วไป
“เชิญค่ะนาย”
“เอาบัญชีมาเดี๋ยวฉันโอนค่าเสียหายให้”
“นะ...นี่ค่ะ” คิวอาร์โค้ดบัญชีสำหรับโอนเงินของฉันถูกยื่นไปด้านหน้าเขาอย่างเร็วรี่ ซึ่งเขายื่นโทรศัพท์ของเขามาแสกนสักพักก็ได้ยินเสียงข้อความแจ้งเตือน
เงินโอนเข้าบ/ชX2529ผ่านระบบ 30,000บ.ใช้ได้XXX
“โอ้โห! นายคะ เยอะไปมั้ยคะแค่ไฟท้ายอันเดียว” ปากเล็กอ้าออกกว้างอุทานคำว่า โอ้โห ออกมาอย่างเสียมารยาท ดวงตาคู่สวยกระพริบตาปริบๆ ไปทางนายฝรั่ง
“ทิป! และก็ไปทำแผลตรงหน้าผากซะนะ
"อ่ะ เอ่อ"นิ้วเล็กเลื่อนขึ้นไปจับหน้าผากที่พึ่งผ่านการชนกับคอนโซลรถมาหมานๆ มันเจ็บจี๊ดทันทีที่สัมผัส
"อย่าจับ! ระวังเชื้อโรค"มือหนาคว้าข้อมือฉันเอาไว้ คิ้วเข้มขมวดกันเป็นโบว์
"มะ...ไม่เป็นไรค่ะนาย ขอบคุณค่ะ"
"ฉันไปล่ะ โชคดีนะตัวเล็ก”
“อ่ะ เดี๋ยวค่ะนาย เอ่อ...นี่เป็นชื่อกับเบอร์โทรฉันนะคะ เผื่อนายต้องการใช้บริการคนขับรถ ใบข้าวยินดีให้บริการค่ะ” ฉันบอกออกไปด้วยรอยยิ้มกว้างแบบสยามเมืองยิ้ม ยื่นกระดาษโพสอิทไปตรงหน้าเขา
“....” มือหนาหยิบนามบัตรที่เขียนด้วยลายมือขยุกขยิกนั่นไปจากมือฉัน พยักหน้าให้น้อยๆ จากนั้นก็เก็บมันลงในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะก้าวขายาวๆ เข้าไปในตัวบริษัท
ฉันมองตามแผ่นหลังสูงใหญ่นั่นไปจนลับตา แต่อยู่ๆ เสียงซาวแทร็คก็ตามมาหลอกหลอนฉันจนขนลุกซู่
“อ๊า~คุณซีย์ กอแก้วเสียวค่ะ อ๊ะ อ๊า~”
“เย้ย!คุณซีย์”
ร่างเล็กขนลุกซู่ หันรีหันขวางก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกหาเจ้าของชุด เพื่อแจ้งให้ลูกค้าลงมารับของตามที่สั่ง พลางสะบัดหัวเร็วๆ ให้ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนหายไปจากความทรงจำ