บทที่ 1 ข่าวร้ายกลางวันรับน้อง

1218 คำ
เฮ้ ! เย้! เสียงกลองเชียร์ดังสนั่นทั่วลานกิจกรรมของคณะนิเทศศาสตร์ ข้าวฟ่าง สาวน้อยปีหนึ่งในชุดเฟรชชี่สีขาวสะอาด กำลังสนุกกับกิจกรรมรับน้อง เพื่อน ๆ รอบตัวส่งเสียงเฮฮา ขณะที่รุ่นพี่นำเกมแกล้งปีหนึ่งให้ทำภารกิจต่าง ๆ “น้องข้าวฟ่าง! ออกมารับโทรศัพท์ก่อน!” เสียงพี่สตาฟตะโกนแทรกเสียงโหวกเหวกของกิจกรรม ทำให้เธอชะงัก ข้าวฟ่างหันไปมองรุ่นพี่ที่ยืนถือโทรศัพท์มือถือสีดำของเธออยู่ สีหน้าของพี่เขาเคร่งเครียดจนน่าแปลกใจ เธอเดินเข้าไปรับโทรศัพท์อย่างงุนงง หัวใจเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผล “สวัสดีค่ะ ข้าวฟ่างพูดค่ะ” ต้นสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงของหญิงวัยกลางคนจะดังขึ้น น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงความกังวล “น้องข้าวฟ่างใช่ไหมคะ? พี่เป็นพยาบาลจากโรงพยาบาลเอกพล” ข้าวฟ่างขมวดคิ้วแน่น แว่วเสียงกลองเชียร์ดังอื้ออึงอยู่ข้างหลัง “ค่ะ มีอะไรเหรอคะ?” ปลายสายเงียบไปเสี้ยววินาที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่สั่นไหว “ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ…” คำพูดแค่นั้นทำให้หัวใจข้าวฟ่างกระตุกวูบ มือเธอเริ่มเย็นเฉียบโดยไม่รู้ตัว “เกิดอะไรขึ้นคะ!?” เธอถามเสียงดังขึ้น ลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางเพื่อน ๆ และรุ่นพี่มากมายที่กำลังมองมา เสียงของพยาบาลยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม แต่มันเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจเธอ “พ่อกับแม่ของน้อง… ประสบอุบัติเหตุรถชน ตอนนี้อาการ....” ข้าวฟ่างรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ หูอื้อจนไม่ได้ยินประโยคที่เหลือ เธอได้ยินแค่เสียง อุบัติเหตุรถชน และ พ่อกับแม่ของน้อง… “มะ… ไม่จริง” เธอพึมพำ น้ำเสียงสั่นเครืออย่างควบคุมไม่ได้ หัวใจเธอเต้นแรงจนเจ็บ มือไม้เย็นเฉียบ โทรศัพท์แทบหลุดจากมือ เพื่อน ๆ และรุ่นพี่รอบตัวเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ หลายคนเดินเข้ามาหา แต่เสียงของทุกคนฟังดูไกลออกไป ข้าวฟ่างแทบไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว เธอได้ยินแค่เสียงสะท้อนในหัว… พ่อกับแม่ของน้อง… ประสบอุบัติเหตุ เธอเม้มปากแน่น ฝืนก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวเหมือนพยายามหนีจากความจริงที่เพิ่งได้รับ “พี่คะ! หนูขอไปดูเพื่อนหน่อยได้ไหม?” ลมเหนือ สาวร่างบางผมสั้นวิ่งไปขออนุญาตรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงร้อนรน ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความกังวล รุ่นพี่ที่เห็นสีหน้าซีดเผือดของ ข้าวฟ่าง ก็พยักหน้าอนุญาตโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติม ทันทีที่ได้รับอนุญาต ลมเหนือรีบวิ่งตรงไปยังเพื่อนรักที่ยืนตัวแข็ง ราวกับถูกแช่แข็งอยู่ตรงนั้น “ข้าวฟ่าง เป็นอะไรไป!?” เธอจับไหล่เพื่อนสนิทแล้วเขย่าเบา ๆ แต่ข้าวฟ่างไม่ตอบอะไรเลย มีเพียงน้ำตาใส ๆ ที่ไหลออกมาไม่หยุด ลมเหนือใจหายวูบ ไม่เคยเห็นเพื่อนรักเป็นแบบนี้มาก่อน “พ่อกับแม่ของฉันอ่ะ… ลม” เสียงสั่นเครือของข้าวฟ่างทำให้ลมเหนือขมวดคิ้วแน่น หัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ “ทำไม…?” ข้าวฟ่างเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำเสียงแผ่วเบาแต่กรีดแทงหัวใจ “เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์…” ลมเหนือเบิกตากว้าง “…อยู่ที่โรงพยาบาลเอกพล” ราวกับมีเสียงระเบิดดังขึ้นกลางใจ ลมเหนือรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แต่พอได้สติ เธอรีบคว้ามือเพื่อนรักมากุมแน่น “ไม่เป็นไรนะข้าวฟ่าง เดี๋ยวฉันพาแกไปเอง!” เธอพูดพลางพยุงข้าวฟ่างให้ลุกขึ้น แม้ว่าเพื่อนสนิทของเธอจะตัวสั่นเทาและแทบไม่มีแรงเดินก็ตาม ลมเหนือไม่รอช้า รีบพาข้าวฟ่างออกจากลานกิจกรรม ฝ่าผู้คนมากมายไปที่รถของตัวเอง ใจเธอเต้นรัวแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเป็นมา ขออย่าให้มันร้ายแรงอย่างที่คิดเลย… เธอได้แต่ภาวนาในใจ ขณะที่มือเรียวกำพวงมาลัยแน่น แล้วเหยียบคันเร่งพาข้าวฟ่างมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเอกพลทันที โดยไม่รู้เลยว่า สิ่งที่รอพวกเธออยู่ที่นั่น… จะเปลี่ยนชีวิตของข้าวฟ่างไปตลอดกาล อีกด้าน ~ปี๊ดดดดด~ เสียงนกหวีดดังสนั่นกลางสนามกีฬาของคณะวิศวกรรมศาสตร์ รุ่นพี่สั่งให้ปีหนึ่งทำกิจกรรมรับน้องท่ามกลางแดดเปรี้ยง ๆ แต่พวกปีสี่อย่าง ใต้ฝุ่น ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม เขายืนกอดอกดูน้อง ๆ จากระเบียงตึก ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่แล้วดวงตาคมกริบของเขาก็เหลือบไปเห็น ไอ้บอล เพื่อนสนิทของเขาเดินคอตกมาหา สีหน้ามันหมดอาลัยตายอยากเหมือนคนอกหักรักคุดมาสักสิบรอบ ใต้ฝุ่นเลิกคิ้วมองภาพตรงหน้า ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความกวนตีน “เป็นเหี้ยอะไรไอ้บอล เดินคอตกเหมือนหมาถูกทิ้งแบบนี้?” บอลเงยหน้าขึ้นมองใต้ฝุ่นพลางถอนหายใจยาวเหยียด “น้องลมเหนือน้องสาวมึง อยู่ ๆ ก็ออกไปข้างนอก กูจะอยู่ไปเพื่อไร สู้มาหามึงดีกว่า ทำคะแนนกับมึง” คำตอบนั้นทำให้ใต้ฝุ่นขมวดคิ้วทันที “มึงหยุดคิดจะจีบน้องกูเลยไอ้บอล น้องกูไม่เอามึงหรอก” ว่าแล้วก็จัดการยกเท้าใส่เพื่อนสนิทอย่างไม่ลังเล ไอ้บอลร้องโอดโอยแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก “กูเพื่อนมึงนะใต้ฝุ่น ไม่เข้าข้างกูเลย” มันบ่นเสียงหงอย “มึงเลวไงไอ้บอล อย่ามาชอบน้องกู” บอลทำเสียงขึ้นจมูก หัวเราะขำในลำคอแล้วตอบกลับทันที “มึงก็เลวเหมือนกู ถึงเป็นเพื่อนกันได้” จากนั้นบอลยกยิ้มเย็น ก่อนจะพูดอย่างท้าทาย “คอยดูนะ ถ้ามึงจีบใครจริงจังขึ้นมานะไอ้ใต้ กูจะบอกให้น้องคนนั้นหนีไปจากมึง” “ฝันไปเถอะ” ใต้ฝุ่นพูดพลางตบไหล่เพื่อนเบา ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง เอียงคอถามแทน “เออ แล้วน้องกูหนีกิจกรรมเหรอวะ? ทำไมถึงออกไป” “ก็ไม่เชิงหรอก” บอลเกาหัว “เห็นออกไปกับข้าวฟ่างนั่นแหละ” ใต้ฝุ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เส้นเลือดบนขมับจะเต้นตุบ ๆ ยัยเด็กนี่พาน้องสาวเขาเถลไถลงั้นเหรอ!? “ให้ตายสิ” เขาพ่นลมหายใจแรง ๆ นึกภาพเด็กปีหนึ่งตัวเล็ก ๆ อย่างข้าวฟ่างพาน้องสาวสุดรักของเขาหนีออกไปจากมหาลัยแล้วก็รู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉุนเชียวว่ะ” บอลแซวขำ ๆ “หรือว่า… มึงไม่ชอบข้าวฟ่าง?” ใต้ฝุ่นเหลือบมองเพื่อนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์ “กูไม่ชอบเด็กแบบนั้นเว้ย” “หืม? เด็กแบบไหนวะ?” “ก็น่ารำคาญ” ใต้ฝุ่นตอบเสียงขุ่น “คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูแสนดี ทั้งที่เอาแต่ก่อปัญหา” “หึ ๆ ปากแบบนี้…” บอลยิ้มมุมปากแล้วตบบ่ามันเบา ๆ “อีกไม่นานหรอกมึง” “อีกไม่นานอะไรของมึง?” บอลยักไหล่ ไม่ตอบอะไร ได้แต่หัวเราะในลำคอ… เพราะเขารู้ดีว่า… คนอย่างใต้ฝุ่น ถ้าเกลียดใครมาก ๆ มักจะลงเอยด้วยการสนใจคนนั้นเสมอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม