บทที่ 11 ประกวดดาวคณะ

1569 คำ
ขณะที่ข้าวฟ่างเดินออกมาจากโรงแรม จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็แจ้งเตือนดังขึ้น ติ้ง! ไม่รอช้ามือเรียวรีบล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่าลมเหนือทักมาถาม ลมเหนือ: อยู่ไหน? ข้าวฟ่างจึงรีบพิมพ์ตอบกลับไป ข้าวฟ่าง : กำลังจะไปมหาลัย ลมเหนือ : โอเค ไว้เจอกันที่มหาลัยนะ ข้าวฟ่าง : จ้า ช้าหน่อยนะ รถติด เธอกดส่งข้อความก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า ก้าวเท้าเดินไปตามฟุตบาทเพื่อมุ่งหน้าไปที่ธนาคาร เธอโกหกเพื่อนสนิทว่ากำลังไปมหาลัย และบอกว่ารถติด เพื่อลมเหนือจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมการเดินทางไปมหาลัยถึงได้นานนัก ขณะที่กำลังจะข้ามถนน รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใกล้เธอด้วยความเร็ว บรืนนนนนน! ข้าวฟ่างเบิกตากว้าง ร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ เท้าแทบจะก้าวไม่ออก แต่โชคดีที่เธอถอยหลังได้ทันก่อนที่รถจะเฉี่ยวชน หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างหวาดเสียว เกือบแล้ว…เกือบจะได้ตามพ่อแม่ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว เธอยืนนิ่งตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นรถมอเตอร์ไซค์คันเดิมกลับชะลอความเร็ว วนกลับมาจอดข้างทาง ก่อนที่ชายหนุ่มที่เป็นคนขับจะถอดหมวกกันน็อกออกแล้วเดินเข้ามาหา “เป็นอะไรไหม?” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ข้าวฟ่างเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตไล่สำรวจชายตรงหน้าโดยอัตโนมัติ เสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูปักตราคณะ คิ้วหนาเข้ม ดวงตาคม มีเหงื่อซึมบนหน้าผากเล็กน้อยจากการขับขี่ ท่าทางสบาย ๆ แต่ดูเป็นคนที่ไม่ใช่จะเข้าหาได้ง่าย ๆ …วิศวะ? ข้าวฟ่างกลืนน้ำลายลงคอ ทำไมโลกมันกลมแบบนี้…ใต้ฝุ่นก็อยู่คณะนี้ คนที่เจอตอนเช้าก็หนีไม่พ้นคนเรียนคณะนี้ สมัยนี้เขาฮิตเรียนคณะวิศวะ ใส่เสื้อช็อปกันหรือยังไง ข้าวฟ่างรีบปัดมือเบา ๆ “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ” เอ่ยจบก็ทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไปโดยไม่สนใจชายหนุ่มตรงหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะมีใบหน้าหล่อเหลาจนน่าหันมองก็ตาม แต่ตอนนี้เธอมีธุระที่สำคัญกว่า “อ่า ฉันซีโร่นะ วิศวะปี 4” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียกให้เธอชะงักไปเล็กน้อย “เธออยู่มหาลัยเดียวกันใช่ไหม? ดูจากกระดุมเสื้อน่ะ” ข้าวฟ่างขมวดคิ้ว ก่อนจะเหลือบตามองตามสายตาของอีกฝ่าย ซีโร่กำลังจ้องไปที่หน้าอกเธอ …ที่ลืมติดกระดุมเม็ดบน ข้าวฟ่างรีบยกมือเล็กขึ้นมาปิดไว้ทันที ความร้อนผ่าวแล่นขึ้นสู่ใบหน้า นี่เธอรีบออกจากโรงแรมจนลืมติดกระดุมเสื้อเหรอ? น่าอายชะมัด! “ค่ะ ฉันขอตัวนะคะ” เธอรีบพูดก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป “เดี๋ยว” เสียงเรียกทำให้เท้าเล็กชะงักกึก ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง “เธอชื่ออะไร?” ข้าวฟ่างลังเลนิดหน่อย ก่อนจะตอบไปตามตรง “ข้าวฟ่างค่ะ มีอะไรคะ?” ซีโร่ไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับยื่นกระดาษแข็งสีขาวมาให้เธอ “อ่ะ นี่นามบัตรฉัน เผื่ออุบัติเหตุครั้งนี้เจ็บตัวย้อนหลังก็ติดต่อมา” “…เจ็บตัวย้อนหลัง?” เธอทวนคำอย่างงุนงง แต่สุดท้ายก็ยอมรับนามบัตรมา ก่อนจะโค้งตัวให้เล็กน้อยแล้วรีบเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเธอไม่มีเวลามาสนใจเรื่องบังเอิญแบบนี้หรอก ณ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง …ข้าวฟ่างถอนหายใจยาว ขณะยื่นเงินสดจ่ายค่าเทอมที่ฝ่ายการเงินของมหาวิทยาลัย นี่เป็นเงินที่เธอหามาได้… แม้จะแลกกับศักดิ์ศรีของตัวเองก็ตาม แต่เมื่อธุระสำคัญเสร็จสิ้น เธอคิดว่าทุกอย่างน่าจะสงบลง ทว่า เสียงซุบซิบรอบข้างทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง สายตาของคนรอบตัวเต็มไปด้วยแววสงสาร บ้างก็แอบหัวเราะเยาะ หลายคนมองเธอเหมือนเป็นตัวประหลาด ก่อนที่เพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ “ข้าวฟ่าง…เธอเห็นข่าวหรือยัง?” ข้าวฟ่างขมวดคิ้ว “ข่าว?” เพื่อนคนนั้นยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้เธอดู มันเป็นคลิปข่าวจากทีวีรายงานเรื่องครอบครัวของเธอ “อดีตนักธุรกิจชื่อดังล้มละลาย สูญเสียทุกอย่าง!” ภาพของพ่อและแม่เธอปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ตามด้วยข้อมูลเกี่ยวกับคดีความหนี้สินที่พวกท่านทิ้งไว้ ข้าวฟ่างรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลาย เธอกำมือแน่น พยายามบังคับตัวเองไม่ให้แสดงอาการอ่อนแอออกมา เสียงซุบซิบรอบข้างดังขึ้นเรื่อย ๆ “เธอคือคุณหนูตกอับจริง ๆ ด้วย” “ดูสิดู ขนาดค่าเทอมยังต้องจ่ายสดเป็นปึก ๆ” “สงสัยไปกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายแน่ ๆ” ข้าวฟ่างสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เธอไม่มีเวลาให้เสียไปกับคำพูดของคนอื่น เธอแค่ต้องเดินต่อไป… แม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตามณ ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ข้าวฟ่างเดินผ่านโถงทางเดินที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของนักศึกษา เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นลมเหนือที่กำลังโบกมือเรียก เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อย… ก็ยังมีเพื่อนคนนี้ที่ดีกับเธอเสมอ “ช้าจัง! เรื่องพ่อแม่จัดการเสร็จแล้วเหรอ?” ลมเหนือบ่น พร้อมกับเลื่อนกระเป๋าออกจากเก้าอี้ข้าง ๆ ให้เธอนั่ง ข้าวฟ่างชะงักไปเล็กน้อย ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดที่ต้องโกหก แต่อีกใจก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือก เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนตอบ “อื้ม… เสร็จแล้ว” ขณะพูด มือเล็กกำชายกระโปรงแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ถ้าลมเหนือรู้ว่าเมื่อคืนเธอไปทำอะไร… ถ้ารู้ว่าเธอทำข้อตกลงอะไรกับใต้ฝุ่น มีหวังสองพี่น้องคู่นั้นได้แตกหักกันแน่ เพื่อหลีกเลี่ยงบทสนทนาที่อาจพาไปสู่ความจริง ข้าวฟ่างจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ?” “ยัง ช่วงนี้ยังไม่เปิดเทอมเต็มที่ ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมต้อนรับเด็กใหม่มากกว่า” ลมเหนือว่า พลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ “น่าจะเป็นประกวดดาวเดือนมหา’ลัยแหละมั้ง ได้ข่าวว่าปีนี้มีแต่คนสวย ๆ หล่อ ๆ ลงประกวดเพียบเลย” ข้าวฟ่างยิ้มบาง ๆ เธอไม่ค่อยสนใจเรื่องประกวดพวกนี้เท่าไหร่ แต่แค่ได้นั่งฟังลมเหนือพูดเจื้อยแจ้ว ก็ช่วยให้เธอลืมเรื่องหนักใจไปได้ชั่วคราว “แล้วแกไม่คิดจะลงบ้างเหรอ?” ข้าวฟ่างแซวกลับ ลมเหนือเบิกตากว้าง ก่อนจะโวยวายทันที “บ้า! ฉันเนี่ยนะ? แค่เดินให้ตรงยังลำบากเลย!” ข้าวฟ่างหัวเราะเบา ๆ เสียงใสของเธอทำให้ลมเหนือยิ้มตามไปด้วย ในช่วงเวลานี้ อย่างน้อย… เธอก็ยังมีเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง แม้ว่าโลกภายนอกจะโหดร้ายแค่ไหนก็ตามไม่นานนัก รุ่นพี่ในคณะก็เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับประกาศเรื่องสำคัญ “วันนี้พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษากันเกี่ยวกับตัวแทนที่จะไปประกวดดาวเดือนของคณะนิเทศศาสตร์” เสียงพูดคุยในห้องเริ่มซาลง ทุกสายตาหันไปมองรุ่นพี่ที่ยืนอยู่หน้าห้อง “เดิมที คนที่ได้รับการวางตัวให้เป็นดาวของคณะคือข้าวฟ่าง แต่…” พอได้ยินชื่อของตัวเอง ข้าวฟ่างก็ชะงัก หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทว่าคำพูดถัดไปกลับทำให้เธอต้องกำมือแน่น “อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่า สถานการณ์ของครอบครัวข้าวฟ่างตอนนี้… ไม่ค่อยดีนัก” มีเสียงซุบซิบดังขึ้นทันที แม้ไม่มีใครพูดออกมาตรง ๆ แต่ข้าวฟ่างก็รู้ได้ทันทีว่าคนพวกนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ “ถ้าหากส่งข้าวฟ่างไปประกวด อาจมีอุปสรรคตามมา เพราะการประกวดครั้งนี้ไม่ใช่แค่ระดับคณะ แต่มันเป็นเวทีใหญ่ที่เราต้องแข่งขันกับมหาวิทยาลัยอื่น” รุ่นพี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะเอ่ยประกาศตัวแทนที่ถูกเลือกแทน “ดังนั้น ตัวแทนของคณะเราจะเป็น ‘โซ่’ กับ ‘ลมเหนือ’” ข้าวฟ่างกะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกเหมือนก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่คอ เธอไม่ได้อยากลงประกวดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่พอได้ยินว่าตัวเองถูกตัดออกเพราะฐานะ มันก็อดเจ็บไม่ได้ ขณะเดียวกัน ลมเหนือที่นั่งข้าง ๆ ถึงกับตาเบิกโพลง “หา?! เดี๋ยว ๆ ๆ ฉันเนี่ยนะ?” เสียงของเธอดังลั่นห้องจนทุกคนหันมามอง ข้าวฟ่างหลุดขำออกมานิด ๆ ลืมความอึดอัดไปชั่วขณะ “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลยลมเหนือ คณะต้องการคนที่มีบุคลิกดี มีความมั่นใจ แล้วเธอก็เหมาะ” รุ่นพี่ยืนยันหนักแน่น ลมเหนือส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ฉันเนี่ยนะมีบุคลิกดี? รุ่นพี่ไม่ลองไปหาข้อมูลก่อนเหรอว่าฉันเดินสะดุดล้มมาแล้วกี่รอบในชีวิต!” เสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วห้อง บรรยากาศคลายความตึงเครียดไปได้บ้าง ข้าวฟ่างมองลมเหนือที่ยังคงโวยวายไม่หยุด ในใจก็อดรู้สึกขอบคุณเพื่อนไม่ได้ อย่างน้อย การมีลมเหนืออยู่ข้าง ๆ ทำให้เธอยังมีแรงยิ้มออกมาได้…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม