จุดกลับใจ 7 | PUIFAI - จุดตัดใจ

1984 คำ
จุดกลับใจ 7 PUIFAI - จุดตัดใจ “มึงไหวป่ะเนี่ย” เอวาหย่อนก้นนั่งบนโซฟาข้างๆฉัน “ยังไหว ยังไม่เมา” ใช่ฉันดื่ม ฉันอยากดื่มเพราะวันนี้ฉันมาคอนโดเอิง มาเจอเพื่อนๆ และมันก็อึดอัดมาก “กูหมายถึงหัวใจ” สุดท้ายฉันก็มองไปที่เขาจนได้ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ใส่ใจนั่งดื่มเบียร์กับเพื่อนผู้ชายอย่างเฮฮา ฉันก็ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “กำลัง ที่กูมาวันนี้ก็มาให้เจ็บๆ เอาให้สาหัสแม่งไปเลยจะได้จบสักที” “เจ็บสาหัสได้แต่อย่าถึงตาย กูไม่อยากไปงานขาวดำ” “อีดอก” เอวาหัวเราะร่วน ตั้งแต่ฉันขอโทษเปิดอกคุยกันเหมือนเราสองคนจะสนิทกันมากขึ้นยังไงไม่รู้ ฉันไม่ชอบอะไรฉันจะพูดตรงๆ นางอยากด่านางก็ด่า เราไม่ทำอะไรลับหลังกันอีกแล้ว แบบนี้สบายใจดี แต่พอนึกอะไรได้ก็หันไปถาม “เออ พ่อแม่กูบอกว่ามึงไปบ้าน ไปทำไม? ไม่ได้ฟ้องที่กูเหี้ยกับมึงใช่ไหม?” เอวาส่ายหน้าทันที “ไม่ๆ ฟ้องทำไม คนเหี้ยแบบมึงไม่ได้น่าเอาคืนเลยสักนิด เรื่องนั้นกูลืมไปแล้ว เห็นสภาพมึงตอนนี้กูเวทนากว่า” ฉันเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ มือยังถือขวดสปายไม่วาง “ถามจริง มึงเคยอิจฉากูบ้างไหม เคยคิดไม่ดีกับกูบ้างป่ะ?” เอวาทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะยกแขนโอบไหล่ฉันด้วยท่าทางสบาย “อิจฉาดิ แต่ไม่เคยริษยา มึงโชคดีมากนะ มีครอบครัวอบอุ่น มีเงิน อยากได้อะไรก็ได้ ดูกูเมื่อก่อนดิ... เฮ้อ เกือบได้แย่งข้าวหมากิน” ฉันนึกถึงครอบครัวตัวเองทันที ก็จริง พ่อแม่ฉันเลี้ยงมาดีมาก ทำไมฉันทำร้ายตัวเองด้วยการรักคนที่เขาไม่รักแบบนี้ และฉันก็รู้สึกผิดกับเอวาด้วย มันเป็นอีกคนที่หวังดีกับฉันมาตลอด “มึงพูดแบบนี้กูรู้สึกผิดอีกแล้ว” น้ำตาฉันคลอเบ้า จนเอวาขมวดคิ้วมองหน้าฉัน “ตอนนั้นกูไม่ได้อยากแย่งผัวมึงนะ รู้ว่าแย่งไม่ได้หรอก แต่ตอนนั้นกูเป็นบ้ามาก กูอิจฉามึง มันบ้าฉิบหาย” ฉันพูดจบก็ยกมือนวดขมับ “กูเหมือนจะเมาแล้ว พูดเรื่องเก่าๆทำไม...” ฉันดื่มมาสี่ขวดแล้วแถมยังใช้หลอดมันก็สมควร เอวาเลยดึงขวดสปายจากมือฉันไปวางไว้บนโต๊ะ จนกระทั่งหนึ่งในพวกผู้ชายตะโกนถามมา “เอวาไม่ดื่มสักหน่อยเหรอ หรือแฟนห้าม?” “ไม่อ่ะ เราไม่รู้ว่าจะท้องรึเปล่างดกินก่อนดีกว่า” เท่านั้นแหละเอิงที่นั่งเก็บอาการมองแก้วเบียร์ตั้งนานหันขวับมาทันที พวกผู้ชายทุกคนนิ่งชะงัก คงคิดว่าหูฝาดไป สมน้ำหน้า “ถามจริง?” นัตถามอึ้งๆ “ใช่ เราดร็อปปีนึง เลยปล่อยๆดู” น่าปวดใจจริงๆ เอิงถึงกับทำใจไม่ได้ ยกแก้วเบียร์กระดกหมดแก้วอย่างรวดเร็วราวกับมันเป็นน้ำเปล่า จากนั้นก็รินใหม่และดื่มหมดอีกโดยไม่รอใคร หมดขวดก็คว้าขวดใหม่มาเปิดเทลงแก้วโดยไม่สนใจฟองเบียร์ที่ล้นออกมา เหอะ คงแดกให้เมาตายไปเลยมั้ง ฉันเอนพิงพนักโซฟาและหันไปมอง เป็นบ้าไปเลย ฉันจะได้เจ็บๆและตัดใจได้สักที “ความฝันของกูคืออะไรรู้ไหม” อยู่ๆผู้ชายในกลุ่มก็พูดขึ้นมา “อะไรวะ” “อยากทำงานเก็บเงินไปซื้อรถที่โชว์รูมแฟนเอวา แม่ง รถสวยๆทั้งนั้น อย่างเท่อ่ะ แต่คันละสิบล้านอัป!” ยิ่งมีคนพูดถึงคุณออสตินแฟนของเอวา เอิงยิ่งดื่มหนัก ฉันจึงคว้าสปายมาดื่มเหมือนกัน เอวาพยายามห้ามแล้ว แต่ฉันดื้อเพราะฉันอยากเมา แถมยังหันไปบอกเอวาอีก “มึงพูดถึงแฟนมึงเลย กูอยากเห็นเอิงมันเจ็บเจียนตาย” “แต่ว่า...” “นะ กูจะนั่งมองมันตาไม่กะพริบ จะเจ็บให้ตายเหมือนกัน พรุ่งนี้กูจะมูฟออน” “มูฟออนเป็นวงกลม?” “....” ฉันถึงกับเงียบ เอวาจึงจับมือฉันมาบีบเบาๆ ตอนนี้แหละฉันห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้ ก้มหน้าลงร้องไห้ทันที “เออ แม่มึงรอให้มึงโทรหาทุกวันเลย กูไปหาก็บอกว่าเป็นห่วงมึง บอกว่าพักนี้มึงอารมณ์แปรปรวน” “....” “ถามกูว่าม.ที่มึงจะซิ่วดีไหม มึงโชคดีมากปุยฝ้ายมีครอบครัวที่รักมึงขนาดนี้ กูอยากมีแบบนี้โคตรๆ เพราะมันเป็นรักที่บริสุทธิ์ที่สุดแล้ว เออนี่... แม่มึงเคยทำมึงร้องไห้รึเปล่าวะ” ฉันส่ายหน้า ใช่ฉันมีแผนจะซิ่วเพราะจะตัดใจจากเอิง แต่ยังไม่คอนเฟิร์มจริงจัง “ไม่...” “แล้วพ่อมึงอ่ะ” “ไม่” แล้วฉันก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหน้าเอวาทั้งน้ำตา “มึงจะเสียเวลาวิ่งตามคนที่ไม่ได้รักมึงทำไม ในเมื่อมีคนรักมึงเยอะแยะ” ริมฝีปากฉันสั่นระริก น้ำตาไหลลงมาอีกอย่างสุดกลั้น เพื่อนผู้หญิงเริ่มสะกิดกันมองแต่ฉันไม่สนใจ เอาแต่มองเอวาผ่านม่านน้ำตาตัวเอง ฉันอ่อนไหวมากๆไม่รู้ว่าเมาหรืออะไร แต่วันนี้มันไม่ไหวแล้ว “เอวา... ฮือๆ” “อย่ามาร้องไห้ใส่กู กูเกลียดมึง และไม่ได้อยากเห็นน้ำตามึงด้วย” “ฮืออออออออ” ฉันร้องไห้สะอื้น ตอนนี้ในตัวเหมือนมีคนเมา คนเสียใจ คนรู้สึกผิดอยู่ในร่างเดียว เอวาตบไหล่แรงๆปลอบ มันไม่ห้ามฉันดื่มอีกแล้ว ทางฝั่งผู้ชายก็เหมือนกันปลอบเอิงที่เริ่มเมา จนกระทั่ง... แฟนเอวามาตามกลับ มันก็ชวนฉันกลับด้วย “มึง” เอวาสะกิดแขนฉัน “หือ” “กลับกัน กูไปส่งมึงเอง มึงเมาแล้ว” “ใครจะกล้า มึงกลับไปก่อนเถอะ” ฉันตอบเสียงเบา ฉันไปสร้างวีรกรรมไว้ขนาดนั้นและแฟนเอวาก็น่ากลัวมาก ใครจะกล้ากลับไปกับมัน “ดะ เดี๋ยวเราไปส่งปุยฝ้ายเองเอวา” พิมพ์เพื่อนผู้หญิงในห้องพูดขึ้นมา เอวาเลยยอม นางหยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่และเดินตามแฟนออกไป ซึ่งทันทีที่เอวากับคุณออสตินออกไป เพื่อนในห้องก็ถอนหายใจโล่งออกมาพร้อมกัน “เฮ้อ หายใจไม่ออกเลยกู” “จริง” ฉันหันไปมองเอิง เขานั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมคว้าแก้วเบียร์มายกดื่มหมดแก้ว จนนัตต้องปราม “เฮ้ย ใจเย็นดิเพื่อน แค่แฟนเขามาตามเอง” “กูมาก่อน ไม่น่าเลยว่ะ” สมน้ำหน้า “โห่ไอ้เหี้ย ก็มึงช้า แฟนเอวาน่ากลัวมากเป็นมาเฟียจริงๆว่ะ ถ้าตัดใจไม่ได้มึงตั้งแก๊งไปสู้เลย” เอิงเงยหน้าขึ้นและชี้นิ้วไปที่ตึกสูงสีดำด้านที่ไม่ไกลจากคอนโดของเขา “มึงดู กูจะเอาเหี้ยอะไรไปสู้ นั่น นั่น นั่นตึกเขาทั้งหมด” “สืบหมดแล้ว?” “เออดิ กูรักของกูมาตั้งหลายปี” ฉันก็รักแกมาหลายปีเหมือนกัน นานกว่าที่แกรักเอวาอีก ฉันนั่งเงียบ ถึงแม้จะอยู่ตรงนี้เอิงก็มองฉันเป็นธาตุอากาศ โชคดีที่น้ำตาไม่เหลือให้ไหลแล้ว จึงยกสปายดื่มหมดขวดแล้วคว้ากระเป๋าสะพายตัวเองลุกขึ้นบ้าง “ทุกคน เรากลับก่อนนะ” “เราไปส่งดีกว่า เธอดื่มอ่ะปุยฝ้าย” พิมพ์เอ่ยขึ้นเสียงดัง และนั่นก็ทำให้เอิงหันมามองฉันและลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาหา อุตส่าห์ใจแข็งเดินออกไปจากห้องก่อน แต่ทุกอย่างพังไม่เป็นท่าตอนเขามายืนตรงหน้าขวางทางไว้ “เรามีเรื่องจะคุยด้วย” “อืม...” เอิงเดินนำไปที่ห้องนอน พอฉันเข้ามาก็ปิดประตูล็อกไว้ เตียงตรงนั้นฉันเคยนอน เก้าอี้เคยนั่ง ของทุกอย่างในห้องนอนเอิงฉันเคยใช้มันหมดแล้ว “มีอะไรเหรอ” ฉันเอ่ยถาม ในใจยังมีความหวังอยู่น้อยนิด “คุยอะไรกับเอวา เธอพูดเรื่องไม่ดีอีกสินะ จะทำให้เอวาไม่ชอบเรา?” ฉันมองหน้าเขากลับทันที เดี๋ยวนะ... ฉันนั่งร้องไห้กับเอวาเขายังมองฉันในแง่ร้ายอีกเหรอ “มองเราเป็นคนดีบ้างไม่ได้เหรอเอิง” “เธอไม่ใช่คนดีไง” คำพูดของเขาทำฉันเจ็บจนกระอัก “....” รวมถึงสายตาที่มองหน้ากัน ว่างเปล่าซะไม่มี “ที่ฉันชอบเธอไม่ลง เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงจิตใจดี จ้องจะทำลายแต่คนอื่น ดูเอวาดิขนาดเธอทำแบบนั้นยังให้อภัยซึ่งฉันชอบผู้หญิงแบบนั้นโคตรๆ แต่เธอไม่ได้เป็นแบบนั้น” คิดว่าน้ำตามันหมดไปแล้วซะอีก แต่ร่วงลงมาอีกจนได้ คำพูดของเขาเจ็บปวดเกินไป ใจฉันมันสลายแล้วจริงๆ จึงรีบเช็ดมันออกแล้วเผยยิ้มตอบทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า ฮึบไว้ปุยฝ้าย “อะ... โอเค เราเข้าใจแล้ว ต่อไปนี้นายไม่ต้องรังเกียจที่ผู้หญิงแบบเราชอบนายนะ เราจะไม่ชอบนายแล้ว และจะไม่มีวันชอบอีก” พูดจบฉันก็ไม่ทนอยู่ต่อ รีบเปิดประตูห้องนอนออกไปทันที เพื่อนๆที่แอบฟังอยู่รีบถอยออกจากประตูแทบไม่ทัน ฉันไม่มองหน้าใครทั้งนั้น รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วและพยายามกลั้นน้ำตาไว้ แต่พอพ้นประตูเท่านั้นแหละน้ำตาพวกนั้นมันก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย ทำได้สักทีนะปุยฝ้าย... เดินออกไปไกลๆเลยนะ อย่ากลับมาห้องนี้ คอนโดนี้อีก หรือแม้แต่เฟซบุ๊กเขาก็อย่าส่อง สายก็อย่ารับ ฉันรีบเดินต่อทั้งที่น้ำตานองหน้า จากนั้นกดลิฟต์ลงไปชั้นจอดรถและขึ้นรถสตาร์ททิ้งไว้ สองมือจับพวงมาลัยรถมั่น น้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่มีใครวิ่งตามมา มือถือก็ยังเงียบ มันจบแล้ว... นี่ไงที่แกต้องการปุยฝ้าย เจ็บให้สุดๆและตัดใจซะเถอะ ฉันก้มหน้าลงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าบนตัก ใช้นิ้วสั่นๆปลดล็อกหน้าจอและเข้าไปที่บัญชีรายชื่อ บล็อกเบอร์ จากนั้นเข้าเฟซบุ๊กบล็อกเฟซต่อ ไลน์ หรือไอจี ทุกช่องทางที่มีเอิงฉันบล็อกเขาหมดหรือไม่ก็ปิดบัญชีทิ้งไป ก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ โทรหาแม่ตัวเอง คนที่ไม่ซ้ำเติมฉันแน่ๆ และพร้อมกอดฉันไว้ CALLING | MOM (โทรมาซะดึกเลยปุยฝ้าย) น้ำตาฉันร่วงเผาะลงมา ริมฝีปากสั่นระริก จุกอยู่ในอกแต่ก็ต้องกลั้นใจพูด “แม่คะ... หนูอกหัก” (...) “หนูเจ็บจังเลยค่ะแม่ ฮือๆ มันเจ็บมากๆเลยอ่ะ” สุดท้ายฉันก็ทนไม่ไหว สิ่งต่างๆที่อยู่ข้างใน หลายเหตุการณ์ที่เจอมามันผุดขึ้นมาตบหน้าฉัน อีโง่ มึงควรหยุดนานแล้ว เป็นไง เข็ดไหม พอรึยัง! แล้วมือถือแม่ก็โดนแย่งไป มีเสียงนุ่มๆและอบอุ่นของพ่อพูดขึ้นมา (ยังมีพ่อนะลูก พ่อรักปุยฝ้ายของพ่อที่สุดเลยนะ ไม่ไหวกลับมาหาพ่อกับแม่ หรือให้พ่อแม่ไปหาดี?) ฉันหลับตาลงจนน้ำตาที่ค้างอยู่ไหลอาบแก้ม “หนูจะกลับไปอยู่ใกล้ๆพ่อกับแม่เองค่ะ รอรับหนูด้วยนะคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม