“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ เป่ยจิ้งอ๋อง” ซุนกงกงที่กำลังนอนเกียจคร้านอยู่ในห้องพัก ได้รับแจ้งให้มาพบกับท่านอ๋องที่หน้าตำหนักเหม่ยฮวาจึงรีบเร่งมาประจบประแจงเอาหน้าอย่างรวดเร็ว
“เป็นเจ้าสินะ ผู้ที่สั่งโบยสาวใช้ของข้า”
เสียงแสยะยิ้มเย้ยหยันของเซี่ยหมิงหลัน ดูแคลนสุนัขรับใช้ของคนเถื่อนเช่นเว่ยซือหลาง ทั้งบ่าวและนายหาได้ต่างกันไม่
“เจ้าสั่งโบยใช่หรือไม่” เสียงห้าวหาญกล่าวขึ้นดังจนทำให้แก้วหูคนด้านข้างสะเทือน แต่ทว่าเซี่ยหมิงหลันหาได้หวั่นเกรงไม่
‘ก็แค่เสียงดังเข้าขู่!’
ชายผู้นี้จะมีอันใดดีไปกว่าเอะอะโวยวายและสั่งโบยเหมือนสุนัขรับใช้นั่นอีกเล่า
“ท่านอ๋องโปรดอภัย ผู้น้อยเพียงแต่ทำตามกฎของตำหนักเท่านั้น”
“ข้าเพิ่งทราบเดี๋ยวนี้เองว่า พระชายาป่วยส่งคนไปแจ้งแล้วต้องถูกโบย หากเป็นท่านอ๋องป่วยเล่า เส้าเฉียนกับจื่อตันมิต้องโดนตัดหัวงั้นหรือ” วาจานิ่มนวลแต่บาดลึกจนเลือดซิบได้ ทำให้คนที่นั่งข้างสะเทือนไปด้วย
เว่ยซือหลางเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ที่แท้นางหลอกด่าตนที่เป็นถึงเป่ยจิ้งอ๋องผู้เกรียงไกร ปกครองแคว้นจ้าวทั้งแคว้น แต่มิอาจปกครองคนของตนได้
“ซุนกงกงเจ้ารู้โทษใช่หรือไม่ว่า หลบหลู่พระชายาเป่ยจิ้งอ๋องมีโทษสถานใด”
เพล้ง!!
ไม่ว่าเปล่าแต่ถ้วยและกาน้ำชาที่วางบนตั่งถูกคนกักขฬะเช่นเขาปัดตกลงไปตรงหน้า ซึ่งซุนกงกงนั้นรนหาที่มานั่งอยู่ต่อหน้าเซี่ยหมิงหลันเสียอีก ทำให้ใบหน้าสวยมืดครึ้มลง
“มิปาใส่หัวข้าเสียเลยเล่า” นางประชดประชันอย่างมิพอใจนัก ที่กิริยาหยาบช้ามิสมกับเป็นเป่ยจิ้งอ๋องเลยสักนิด
นางถูกอบรมสั่งสอนกิริยามารยาทในวังมาเป็นอย่างดี และมิชอบการกระทำต่ำช้าราวกับคนบ้านป่าเมืองเถื่อนของเขาเท่าใดนัก
“หึ!”
มีเพียงเสียงคำรามในลำคอ หาได้มีถ้อยคำใดหลุดออกมาไม่ ภายในตำหนักเงียบงันลงจนได้ยินเสียงลมหายใจของทุกผู้ในนั้น กับผู้สั่งการลงโทษคนของพระชายาหมอบกราบอย่างตัวสั่นงันงกอยู่ที่พื้น
“ยังต้องให้พูดซ้ำอีกหรือไม่ เจ้าพวกไร้ประโยชน์”
เสียงอันดังก้องตวาดลั่นตำหนักพร้อมกับถ้วยชาในมือถูกปาลงพื้นระบายความโมโหที่ไม่ว่าใครก็ไม่ได้เรื่องสักคน
ซุนกงกงหวาดกลัวคุกเข่าก้มลงหมอบกราบติดพื้นขอขมาท่านอ๋อง
“ท่านอ๋อง! โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย!”
มิมีคำกล่าวแก้ตัวใด มีแต่คำขอให้ไว้ชีวิต สวะพวกนี้ดีจริง ๆ นางเชื่อเลย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำสิ่งใดผิด” คราวนี้ไม่มีเสียงที่ตวาดลั่นดังเดิม แต่เป็นถ้อยคำที่พูดเสียงเรียบ แฝงด้วยความน่ากลัวและข่มขู่อยู่ในที
เขาคืออ๋องแสนเย็นชาฆ่าคนราวผักปลาหากเพียงเพื่อต้องการแสดงอำนาจให้นางเห็น ว่าผู้ใดที่ยิ่งใหญ่ในตำหนักเป่ยจิ้งอ๋อง เขาจึงต้องเล่นใหญ่เพียงนี้
เซี่ยหมิงหลันดูงิ้วจนเหนื่อยรู้สึกง่วง และลุ้นกับการสอบสวนที่ไร้จุดจบด้วยความเบื่อหน่าย อยากรู้เสียจริงคนผู้นี้ของเขาจะโดนกับสิ่งใด หรือนอกจากโวยวายแล้วก็ปล่อยไปให้ทำผิดอีก หากเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่น่าเป็นสามีผู้ใดกระทั่งขอทานก็มิสมควรได้คนอย่างเขาเป็นสามี
“สอบสวนอีกนานหรือไม่ท่านอ๋อง ข้าง่วงแล้ว” พอรู้ว่าตนท้อง ก็คิดแต่อยากจะนอน หากมานั่งทำสงครามประสาทกับเขา คงเหนื่อยใจเปล่า ๆ
“ว่าอย่างไร” เว่ยซือหลางพูดซ้ำอีกครั้ง
“เมื่อ...เมื่อเช้า สาวใช้นางนี้ไปเรียกกระหม่อมจริงพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่านางมิพูดอันใด จนกระหม่อมไล่กลับไป เกรงว่าจะมาสร้างความวุ่นวายในตำหนัก” ซุนกงกงเลือกพูดเฉพาะส่วนที่เห็นว่าจะเป็นโทษแก่ตัวเองน้อยที่สุด
“นางมิพูดอันใดรึ” คราวนี้เป็นเยี่ยนฟางที่โดนสายตาพิฆาตมองมาอย่างเอาเรื่อง จนนางถอยร่นเข้าไปหลบด้านหลังพระชายา
“พ่ะย่ะค่ะ” เสียงสั่นระริกของซุนกงกงตอบออกมา ทำให้คนที่เพิ่งโดนโทษโบยไปเมื่อเช้าตัวสั่นงันงก ขึ้นมาทันที
“พระชายา...” เสียงเยี่ยนฟางเรียกนางอย่างน่าสงสารจนนางพยักหน้าให้อยู่นิ่งเฉย
“เหตุใดเจ้ามิบอกซุนกงกง” เขาหันมาเอาเรื่องกับคนของนางบ้าง เพราะนางหักหน้าตนต่อคนทั้งตำหนัก เพื่อวางอำนาจและบารมีให้คนเกรงกลัวเขาก็ต้องทำเช่นเดียวกัน
“ทูลท่านอ๋อง ซุนกงกงไม่ฟังอันใด เอาแต่บอกว่าข้าไปปลุกแล้วก็สั่งโบยเพคะ” เยี่ยนฟางพูดแล้วก็สะดุ้งเมื่อหันไปเห็นหน้าของคนที่เป็นใหญ่รองจากท่านอ๋องมองมาด้วยสายตาฆ่าคนตายได้
“เขาโบยเจ้ากี่ไม้”
“10 ไม้เพคะ”
“ดี...งั้นเอาโต๊ะมา ลงหวายที่หลังนางอีก 10 ที โทษฐานที่ไม่แจ้งให้กระจ่าง ทำให้พระชายาต้องลำบากออกไปหาหมอเอง”
คำตัดสินโทษของเขา ทำเอานางควันออกหู เกิดมาเพิ่งเคยได้ฟังคำตัดสินที่บริสุทธิ์ยุติธรรมที่มองจากเทือกเขาหลิงซานก็ยังรู้ว่ายุติธรรม