แต่ก่อนเป็นท่านหญิงเป็นที่เคารพนับหน้าถือตา ยามนี้แม้แต่งเข้าตำหนักเป่ยจิ้งอ๋อง ก็หาความสุขสบายสักนิดไม่ เรื่องราวทั้งหมดแม้รู้อยู่เต็มอกว่า เป็นท่านอ๋องที่สร้างเรื่อง หาใช่พระชายา แต่ถ้อยคำดูแคลนก็หาได้รับการแก้ต่าง
ความเจ็บปวดใจนี้ไม่เพียงพระชายาที่รู้สึก แต่นางที่เป็นสาวใช้คนสนิทก็รู้สึกมิต่างกัน ซูเจียวยืนรอหน้าตำหนักราวหนึ่งเค่อก็มิเห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ จากภายในจึงถอยออกมาเพื่อรายงานพระชายาที่ยืนท้าลมหนาวอยู่ด้านนอก
สีหน้าของสาวใช้คนสนิทบ่งบอกให้นางรับรู้ว่า บุรุษใจทมิฬยิ่งกว่าถ่านในเตาฟืนนั้นกลั่นแกล้งตน
“พระชายา...”
“ไม่ต้องพูด กลับ!” ในเมื่อมาพบแล้วยังไม่ให้เข้าพบจะเสียเวลาไปใย มิสู้กลับไปนอนหลับให้สบายใจเสียยังดีกว่า
เซี่ยหมิงหลันเดินนำสาวใช้เข้าไปในตำหนักของตน โดยมิสนว่าเขาจะอนุญาตหรือปฏิเสธ
เมื่อกล้าท้าทายข้า ข้าก็กล้าเช่นเดียวกัน!
ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ถึงมีเสียงเอ่ยออกมาสักหนึ่งคำ
“ให้นางเข้ามา” เสียงเย็นชากล่าวออกมา เขาคิดว่าให้นางยืนตากลมสักครึ่งชั่วยามจะเป็นอันใดไป ในเมื่อมีแรงออกไปด้านนอกได้ เช่นนั้นก็มีแรงยืนได้เช่นเดียวกัน
ครืด...
เมื่อเสียงประตูเลื่อนเปิด กลับไม่พบแม้สักผู้ที่ด้านนอกสายตาของเส้าเฉียนเลิ่กลั่ก ด้วยวันนี้น่าจะนองเลือดแล้วจริง ๆ
“ชักช้าอยู่ทำไม เหตุใดไม่เข้ามาอีก” เสียงกร้าวด้านในทำเอาผู้ที่มาแจ้งข่าวเหงื่อแตกพลั่กทั้ง ๆ ที่เป็นฤดูหนาว
“เอ่อ...คือ...คือว่า...”
“อะไร?”
“พระชายาไม่อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” กลั้นใจรายงานไปแล้วก็กลัวหัวหลุดจากบ่าไปด้วย ยิ่งลอบมองสีหน้าถมึงทึงของผู้เป็นนายทำให้ผู้เป็นบ่าวอย่างเขารู้สึกหวาดกลัวยิ่งขึ้น
เพล้ง !
เสียงถ้วยชากระทบกับพื้นห้องแตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดีเรียกอาการสะดุ้งของทั้งเส้าเฉียนและจื่อตัน ที่คอยปรนนิบัติท่านอ๋องอยู่ข้างกาย
“ไปลากตัวนางมา...อวดดีเช่นนี้ หากวันนี้ข้าไม่ได้ลงโทษอย่ามาเรียกข้าว่าเป่ยจิ้งอ๋อง!”
เส้าเฉียนไม่รอให้พูดซ้ำ รีบวิ่งไปตำหนักเหม่ยฮวาทันที แต่ทว่ากลับได้รับแจ้งว่าพระชายาบรรทมไปแล้ว
“ฮะ...พระชายาบรรทมงั้นหรือซูเจียว” เส้าเฉียนพูดเสียงหายกลืนเข้าไปในลำคอ ราวกับชีวิตนี้ของเขากำลังจะสั้นกุดลงในบัดดล
“ใช่ ท่านมีเรื่องอันใดด่วนหรือไม่ พระชายาตั้งครรภ์อ่อน ๆ ท่านหมอให้พักผ่อนให้มากคงยังพบท่านอ๋องตอนนี้ไม่ได้”
“ตะ...ตั้งครรภ์งั้นเหรอ?” เส้าเฉียนอึกอักไม่กล้ากล่าวอันใดออกมาต่อ หากจะกดดันให้คนท้องไปพบผู้เป็นนายตนยามนี้เห็นทีจะกระทบกระเทือนร่างกายของผู้มีครรภ์ สุดท้ายจึงจำใจเดินคอตกไปรับโทษเสียเอง
“ฮะ...เจ้าว่าอันใด นางนอนหลับอยู่งั้นรึ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ไปตำหนักเหม่ยฮวา”
“ทะ...ท่านอ๋อง...เดี๋ยวพ่ะย่ะค่ะ” เส้าเฉียนยังรายงานไม่ครบคนเที่เร่งร้อนก็ไปเสียแล้ว
ฝีเท้าที่มั่นคงของเป่ยจิ้งอ๋องก้าวฉับ ๆ มุ่งหน้าไปตำหนักที่เคยไปอยู่ทุกค่ำเช้า บัดนี้ทำไมรู้สึกเหมือนมันห่างไกลนัก หัวใจร้อนรุ่มดังไฟสุมอยู่ในทรวง อยากเจอหน้าสตรีอวดดีทั้งที่ไม่มีดีอะไรให้อวดนอกจากใบหน้าและรูปร่างที่งดงาม
ปัง!
เสียงพังประตูโดยฝีมือเจ้าของจวนทำให้คนที่กำลังหลับด้วยความอ่อนเพลียสะดุ้งตื่น นางเพิ่งหลับไปได้ไม่นานยามนี้กลับถูกปลุกความหงุดหงิดของคนท้องบวกกับความง่วงนอนก็พร้อมฆ่าคนได้เช่นกัน
“กระบือที่ไหนมันชนประตูตำหนักข้า!”
เสียงนั้นทำให้สองสาวใช้ที่นั่งคุกเข่าสั่นเป็นลูกนกตกน้ำเมื่อรู้ว่าผู้ใดเข้ามาเยือนถึงขั้นกล้าพังตำหนักเพียงนี้ เสียงที่จะเอ่ยสักครึ่งคำก็ไม่กล้าเปล่งออกมา
“เจ้านี่มันดีทุกเรื่องโดยเฉพาะปาก” น้ำเสียงกรุ่นโกรธประกาศกร้าวราวกับพายุถล่ม จนสะเทือนตำหนัก
เหม่ยฮวา แต่มีหรือคนที่นอนเอกเขนกในห้องบรรทมจะสะเทือนตับสะเทือนไต
“ข้าก็นึกว่ากระบือที่ใด เป็นท่านอ๋องหรอกหรือ
เพคะ” สีหน้าไม่ยีระของเซี่ยหมิงหลันเรียกความไม่พอใจให้กับผู้มาเยือน
“หากเจ้ายังไม่หยุดกล่าวหาว่าข้าเป็นกระบือ ข้าจะลงโทษเจ้า”
สตรีผู้นี้ร้ายกาจนัก หากไม่เพราะผิงหลัวร้องขอละก็ ให้ตายข้าก็ไม่คิดเอามาเป็นเมีย
“ข้าทำอะไรผิดงั้นหรือเพคะท่านอ๋อง” ใบหน้าหวานที่ซีดเซียวลงเชิดหน้าถามอย่างไม่ละลดเพราะมิรู้ว่าทำผิดคิดชั่วอันใด
เอาสิดูกันว่าใครมันจะแน่
“ใครอนุญาตให้เจ้าออกไปข้างนอก”
“เหตุใดต้องอนุญาต หม่อมฉันมิใช่นักโทษถึงจะต้องโทษถูกขัง”
“เจ้า...!”
ใบหน้างดงามเรียบตึงไม่พอใจที่ตนถูกหาเรื่องถึงตำหนัก ทั้งที่เป็นเขามิใช่หรือที่ขัดขวางไม่ยอมไปตามหมอให้นาง คิดอยากให้นางตายในตำหนักสินะ
เลือดเย็นสิ้นดี!
“เจ้าคือคนของข้า จะออกไปไหนต้องรายงานข้าก่อน หากข้าไม่อนุญาตก็มิอาจออกไปได้”
เมื่อได้ฟังคนที่วางอำนาจบาตรใหญ่กล่าวอย่างไร้หัวใจ รอยยิ้มแสยะบนใบหน้าหวานก็ปรากฏขึ้น
หึ!
“เจ้าหัวเราะอันใด”
“หัวเราะให้กับโชคชะตา มิรู้ทำกรรมอันใด นอกจากถูกบุรุษชั่วขืนใจ แต่งมาเป็นชายาไม่ต่างจากนักโทษ สงสัยข้าคงต้องแต่งงิ้วไปถวายให้กับเสด็จอาสักสองสามบท สรรเสริญน้ำใจให้กับบุรุษที่ฝ่าบาทเยินยอว่าแสนดีสมชายชาตรี แต่สันดานก็ไม่ต่างจากชื่อนัก” (ซือหลางแปลว่าสุนัขป่า)
“เจ้า!”
เว่ยซือหลางโกรธมือไม้สั่น ตั้งแต่เกิดมามีเพียงนางที่กล้าต่อปากต่อคำกับเขา ช่างไม่รู้จักเกรงกลัวเอาเสียเลย
“หรือยอมรับความจริงมิได้เล่า เว่ยซือหลาง”
ใบหน้านางแย้มยิ้มตรงมุมปากออกมาอย่างดูแคลน บางทีเขาก็เหมาะสมกับสตรีแสนเลวที่นางไม่อยากเอ่ยถึงผู้นั้น
“เจ้าไปทำอะไรข้างนอก”
“เป็นห่วงข้างั้นรึ”
“ฝันกลางวัน”
“ทูลท่านอ๋อง พระชายาไปหาหมอเพคะ” ซูเจียวสอดปากเข้าชี้แจง ก่อนที่ท่านอ๋องจะกริ้วโกรธไปมากกว่านี้
“คนในจวนตายกันหมดแล้วหรือไง ถึงให้เจ้าร่อนเร่ออกไปหาหมอ รู้ถึงไหนคนไม่ประณามหยามหมิ่นข้างั้นรึ”
“ซูเจียวเจ้าเงียบปากไปซะ”
เซี่ยหมิงหลันไม่ต้องการความสงสารหรือสมเพชใดจากชายผู้นี้ หากนางจะต้องตายก็ไม่ขอความช่วยเหลือจากคนไร้หัวใจเช่นเว่ยซือหลางเด็ดขาด
“มีอะไรที่ข้ายังไม่รู้อีก เส้าเฉียน” เขาแสร้งทำเป็นถาม แต่ที่จริงก็เดาออกได้แล้วว่าซุนกงกงมีลูกไม้บางอย่าง
“ถามซุนกงกงดีหรือไม่เล่า เหตุใดถึงโบยสาวใช้ข้าจนเลือดอาบ” ดีในเมื่อเขาต้องการรู้ความจริง ข้านี่แหละจะฉีกหน้าคนของเขาให้ดู