บทที่ 1 สามีใจอำมหิต 2/2

1253 คำ
แต่ก่อนเป็นท่านหญิงเป็นที่เคารพนับหน้าถือตา ยามนี้แม้แต่งเข้าตำหนักเป่ยจิ้งอ๋อง ก็หาความสุขสบายสักนิดไม่ เรื่องราวทั้งหมดแม้รู้อยู่เต็มอกว่า เป็นท่านอ๋องที่สร้างเรื่อง หาใช่พระชายา แต่ถ้อยคำดูแคลนก็หาได้รับการแก้ต่าง ความเจ็บปวดใจนี้ไม่เพียงพระชายาที่รู้สึก แต่นางที่เป็นสาวใช้คนสนิทก็รู้สึกมิต่างกัน ซูเจียวยืนรอหน้าตำหนักราวหนึ่งเค่อก็มิเห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ จากภายในจึงถอยออกมาเพื่อรายงานพระชายาที่ยืนท้าลมหนาวอยู่ด้านนอก สีหน้าของสาวใช้คนสนิทบ่งบอกให้นางรับรู้ว่า บุรุษใจทมิฬยิ่งกว่าถ่านในเตาฟืนนั้นกลั่นแกล้งตน “พระชายา...” “ไม่ต้องพูด กลับ!” ในเมื่อมาพบแล้วยังไม่ให้เข้าพบจะเสียเวลาไปใย มิสู้กลับไปนอนหลับให้สบายใจเสียยังดีกว่า เซี่ยหมิงหลันเดินนำสาวใช้เข้าไปในตำหนักของตน โดยมิสนว่าเขาจะอนุญาตหรือปฏิเสธ เมื่อกล้าท้าทายข้า ข้าก็กล้าเช่นเดียวกัน! ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ถึงมีเสียงเอ่ยออกมาสักหนึ่งคำ “ให้นางเข้ามา” เสียงเย็นชากล่าวออกมา เขาคิดว่าให้นางยืนตากลมสักครึ่งชั่วยามจะเป็นอันใดไป ในเมื่อมีแรงออกไปด้านนอกได้ เช่นนั้นก็มีแรงยืนได้เช่นเดียวกัน ครืด... เมื่อเสียงประตูเลื่อนเปิด กลับไม่พบแม้สักผู้ที่ด้านนอกสายตาของเส้าเฉียนเลิ่กลั่ก ด้วยวันนี้น่าจะนองเลือดแล้วจริง ๆ “ชักช้าอยู่ทำไม เหตุใดไม่เข้ามาอีก” เสียงกร้าวด้านในทำเอาผู้ที่มาแจ้งข่าวเหงื่อแตกพลั่กทั้ง ๆ ที่เป็นฤดูหนาว “เอ่อ...คือ...คือว่า...” “อะไร?” “พระชายาไม่อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” กลั้นใจรายงานไปแล้วก็กลัวหัวหลุดจากบ่าไปด้วย ยิ่งลอบมองสีหน้าถมึงทึงของผู้เป็นนายทำให้ผู้เป็นบ่าวอย่างเขารู้สึกหวาดกลัวยิ่งขึ้น เพล้ง ! เสียงถ้วยชากระทบกับพื้นห้องแตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดีเรียกอาการสะดุ้งของทั้งเส้าเฉียนและจื่อตัน ที่คอยปรนนิบัติท่านอ๋องอยู่ข้างกาย “ไปลากตัวนางมา...อวดดีเช่นนี้ หากวันนี้ข้าไม่ได้ลงโทษอย่ามาเรียกข้าว่าเป่ยจิ้งอ๋อง!” เส้าเฉียนไม่รอให้พูดซ้ำ รีบวิ่งไปตำหนักเหม่ยฮวาทันที แต่ทว่ากลับได้รับแจ้งว่าพระชายาบรรทมไปแล้ว “ฮะ...พระชายาบรรทมงั้นหรือซูเจียว” เส้าเฉียนพูดเสียงหายกลืนเข้าไปในลำคอ ราวกับชีวิตนี้ของเขากำลังจะสั้นกุดลงในบัดดล “ใช่ ท่านมีเรื่องอันใดด่วนหรือไม่ พระชายาตั้งครรภ์อ่อน ๆ ท่านหมอให้พักผ่อนให้มากคงยังพบท่านอ๋องตอนนี้ไม่ได้” “ตะ...ตั้งครรภ์งั้นเหรอ?” เส้าเฉียนอึกอักไม่กล้ากล่าวอันใดออกมาต่อ หากจะกดดันให้คนท้องไปพบผู้เป็นนายตนยามนี้เห็นทีจะกระทบกระเทือนร่างกายของผู้มีครรภ์ สุดท้ายจึงจำใจเดินคอตกไปรับโทษเสียเอง “ฮะ...เจ้าว่าอันใด นางนอนหลับอยู่งั้นรึ” “พ่ะย่ะค่ะ” “ไปตำหนักเหม่ยฮวา” “ทะ...ท่านอ๋อง...เดี๋ยวพ่ะย่ะค่ะ” เส้าเฉียนยังรายงานไม่ครบคนเที่เร่งร้อนก็ไปเสียแล้ว ฝีเท้าที่มั่นคงของเป่ยจิ้งอ๋องก้าวฉับ ๆ มุ่งหน้าไปตำหนักที่เคยไปอยู่ทุกค่ำเช้า บัดนี้ทำไมรู้สึกเหมือนมันห่างไกลนัก หัวใจร้อนรุ่มดังไฟสุมอยู่ในทรวง อยากเจอหน้าสตรีอวดดีทั้งที่ไม่มีดีอะไรให้อวดนอกจากใบหน้าและรูปร่างที่งดงาม ปัง! เสียงพังประตูโดยฝีมือเจ้าของจวนทำให้คนที่กำลังหลับด้วยความอ่อนเพลียสะดุ้งตื่น นางเพิ่งหลับไปได้ไม่นานยามนี้กลับถูกปลุกความหงุดหงิดของคนท้องบวกกับความง่วงนอนก็พร้อมฆ่าคนได้เช่นกัน “กระบือที่ไหนมันชนประตูตำหนักข้า!” เสียงนั้นทำให้สองสาวใช้ที่นั่งคุกเข่าสั่นเป็นลูกนกตกน้ำเมื่อรู้ว่าผู้ใดเข้ามาเยือนถึงขั้นกล้าพังตำหนักเพียงนี้ เสียงที่จะเอ่ยสักครึ่งคำก็ไม่กล้าเปล่งออกมา “เจ้านี่มันดีทุกเรื่องโดยเฉพาะปาก” น้ำเสียงกรุ่นโกรธประกาศกร้าวราวกับพายุถล่ม จนสะเทือนตำหนัก เหม่ยฮวา แต่มีหรือคนที่นอนเอกเขนกในห้องบรรทมจะสะเทือนตับสะเทือนไต “ข้าก็นึกว่ากระบือที่ใด เป็นท่านอ๋องหรอกหรือ เพคะ” สีหน้าไม่ยีระของเซี่ยหมิงหลันเรียกความไม่พอใจให้กับผู้มาเยือน “หากเจ้ายังไม่หยุดกล่าวหาว่าข้าเป็นกระบือ ข้าจะลงโทษเจ้า” สตรีผู้นี้ร้ายกาจนัก หากไม่เพราะผิงหลัวร้องขอละก็ ให้ตายข้าก็ไม่คิดเอามาเป็นเมีย “ข้าทำอะไรผิดงั้นหรือเพคะท่านอ๋อง” ใบหน้าหวานที่ซีดเซียวลงเชิดหน้าถามอย่างไม่ละลดเพราะมิรู้ว่าทำผิดคิดชั่วอันใด เอาสิดูกันว่าใครมันจะแน่ “ใครอนุญาตให้เจ้าออกไปข้างนอก” “เหตุใดต้องอนุญาต หม่อมฉันมิใช่นักโทษถึงจะต้องโทษถูกขัง” “เจ้า...!” ใบหน้างดงามเรียบตึงไม่พอใจที่ตนถูกหาเรื่องถึงตำหนัก ทั้งที่เป็นเขามิใช่หรือที่ขัดขวางไม่ยอมไปตามหมอให้นาง คิดอยากให้นางตายในตำหนักสินะ เลือดเย็นสิ้นดี! “เจ้าคือคนของข้า จะออกไปไหนต้องรายงานข้าก่อน หากข้าไม่อนุญาตก็มิอาจออกไปได้” เมื่อได้ฟังคนที่วางอำนาจบาตรใหญ่กล่าวอย่างไร้หัวใจ รอยยิ้มแสยะบนใบหน้าหวานก็ปรากฏขึ้น หึ! “เจ้าหัวเราะอันใด” “หัวเราะให้กับโชคชะตา มิรู้ทำกรรมอันใด นอกจากถูกบุรุษชั่วขืนใจ แต่งมาเป็นชายาไม่ต่างจากนักโทษ สงสัยข้าคงต้องแต่งงิ้วไปถวายให้กับเสด็จอาสักสองสามบท สรรเสริญน้ำใจให้กับบุรุษที่ฝ่าบาทเยินยอว่าแสนดีสมชายชาตรี แต่สันดานก็ไม่ต่างจากชื่อนัก” (ซือหลางแปลว่าสุนัขป่า) “เจ้า!” เว่ยซือหลางโกรธมือไม้สั่น ตั้งแต่เกิดมามีเพียงนางที่กล้าต่อปากต่อคำกับเขา ช่างไม่รู้จักเกรงกลัวเอาเสียเลย “หรือยอมรับความจริงมิได้เล่า เว่ยซือหลาง” ใบหน้านางแย้มยิ้มตรงมุมปากออกมาอย่างดูแคลน บางทีเขาก็เหมาะสมกับสตรีแสนเลวที่นางไม่อยากเอ่ยถึงผู้นั้น “เจ้าไปทำอะไรข้างนอก” “เป็นห่วงข้างั้นรึ” “ฝันกลางวัน” “ทูลท่านอ๋อง พระชายาไปหาหมอเพคะ” ซูเจียวสอดปากเข้าชี้แจง ก่อนที่ท่านอ๋องจะกริ้วโกรธไปมากกว่านี้ “คนในจวนตายกันหมดแล้วหรือไง ถึงให้เจ้าร่อนเร่ออกไปหาหมอ รู้ถึงไหนคนไม่ประณามหยามหมิ่นข้างั้นรึ” “ซูเจียวเจ้าเงียบปากไปซะ” เซี่ยหมิงหลันไม่ต้องการความสงสารหรือสมเพชใดจากชายผู้นี้ หากนางจะต้องตายก็ไม่ขอความช่วยเหลือจากคนไร้หัวใจเช่นเว่ยซือหลางเด็ดขาด “มีอะไรที่ข้ายังไม่รู้อีก เส้าเฉียน” เขาแสร้งทำเป็นถาม แต่ที่จริงก็เดาออกได้แล้วว่าซุนกงกงมีลูกไม้บางอย่าง “ถามซุนกงกงดีหรือไม่เล่า เหตุใดถึงโบยสาวใช้ข้าจนเลือดอาบ” ดีในเมื่อเขาต้องการรู้ความจริง ข้านี่แหละจะฉีกหน้าคนของเขาให้ดู
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม