กับเว่ยซือหลางคนนี้ นางจะเหลือให้ไว้เพียงความเกลียดชังอย่างเดียวเท่านั้น เขาจะไม่ได้รับความรักจากนางแม้เพียงนิดคอยดู!
“เจ้าหึงข้าขนาดนั้นเชียว แค่พูดถึงสตรีอื่น” ใบหน้าง้ำงอของนาง ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อยที่ทำให้สตรีแสนเย่อหยิ่งหวั่นไหวได้
“ใครว่าข้าหึง ข้ารังเกียจเจ้าต่างหาก” นางกัดริมฝีปากจนห้อเลือด คับแค้นใจนักมิอาจจะชนะคนเลวผู้นี้ได้
“จริงหรือ”
“อ๊ะ!”
เขาใช้มืออีกข้างลูบขึ้นไปตรงเนินกลีบดอกไม้ แล้วกรีดนิ้วลงตามรอยแยกสีหวานที่ไม่ว่ายามใดก็ทำให้เขาสุขใจ
“เจ้า...เอามือสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
“ข้าอาบน้ำแล้ว เหตุใดยังสกปรก”
“เจ้าไม่มีส่วนใดสะอาดหรอก กระทั่งใจเจ้ายังดำทมิฬ” นางพูดอย่างเคืองแค้นเหลือแสน ‘หากมีทางใดที่จะฆ่าเขาทิ้งได้ นางจะไม่ลังเล’
ซือหลางกระตุกยิ้ม ก้มลงจูบที่ริมฝีปากของนางแล้วขยี้แรง ๆ สั่งสอนคนปากดี
“อื้อ...อื้อ...ฮึก” เซี่ยหมิงหลันกัดฟันแน่น ไม่ยอมให้เขาสอดลิ้นลุกล้ำเข้ามาโดยง่าย แต่ทว่าก็ไม่อาจต้านทานคนประสบการณ์เยอะอย่างเขาได้
เรียวลิ้นสอดแทรกเข้าหาความหวานในโพรงปากอิ่ม รสจูบของเขาทำนางหายใจไม่ทันจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ยามนี้นางเหมือนตัวเองกำลังขาดอากาศหายใจ
“ฮึก...ปล่อย...อื้อ” เสียงครางลั่นคำรามร้องในลำคอให้ปลดปล่อยนาง แต่ทว่าเขากลับยังไม่ละเสียทีเดียวแต่ค่อย ๆ เปลี่ยนความเร่าร้อนในตอนแรกเป็นรสจูบที่หวานฉ่ำจนนางเคลิบเคลิ้มในที่สุด
‘อ่อนหักนัก’
กว่าจะถอนริมฝีปากออกจากปากหวาน ๆ ของนางทำให้ร่างที่ระทดระทวยหอบหายใจอยู่นานจนเจ้าเนินเขาสองลูกที่เริ่มใหญ่ขึ้นนั้นไหวกระเพื่อม และเสามังกรของเขาตื่นอย่างบ้าคลั่ง มันขยับขึ้นลงด้วยความกระหายอยากเข้าไปทักทายบุตรในท้องมารดาแล้ว
“เห็นเจ้ายามนี้ ข้ามิอาจจะรั้งรอได้อีกต่อไปแล้ว หากเจ้าเป็นผิงหลัวจะดีเช่นไรกันนะ”
ยิ่งเขาพูดถึงน้องสาวของนาง นางก็ยิ่งเจ็บแค้นใจนัก ดวงตาที่ปรือฉ่ำยามนี้แดงก่ำทั้งกลั้นก้อนสะอื้นลงในคำคออย่างยากเย็น
‘ข้าจะไม่อ่อนแอให้ได้เจ้าเห็นเป็นแน่ เว่ยซือหลาง!’
“เสี่ยวหลัน...!” เสียงแหบพร่าเรียกนาง ทำให้นางตกตะลึงอีกครั้ง ยามร่วมรักกันตลอดมาหลังแต่งงานมา เขาชอบเรียกแต่ ‘เสี่ยวหลัว’มิใช่ เหตุใดวันนี้เรียกได้ถูกคนเล่า
“อื้อ...” นางครางออกจากลำคอเมื่อปลายหยักถูไถไปตามรอยแยกสีหวาน
“เจ้ารู้หรือไม่ เสามังกรนี้แหละที่ค้ำยันความสุขให้กับคู่รัก”
‘เขาเมาสุรามาใช่หรือไม่ ถ้อยคำหวานหูเช่นนี้เคยปรากฏที่ใดกัน หรือว่าเขาเดินชนเสาหน้าตำหนักเล่า’
แต่ทว่าเขาก็ไม่ให้นางสงสัยนาน จับสองขาเรียวแยกออกเผยให้เห็นกลีบกุหลาบที่งดงามอยู่เบื้องล่างโดยที่มีปลายเสามังกรถูไถไปมาตามรอยแยกจนน้ำหวานไหลซึมออกมา
เว่ยซือหลางกระตุกยิ้มอย่างลำพองใจ
“ข้าว่าเจ้าน่าจะคิดถึงข้ากระมัง น้ำหวานเจ้าออกมากเช่นนี้ หรือแท้ที่จริงเจ้าก็ ‘อยาก’ ใช่หรือไม่”
“ขะ...ข้า...ไม่...อ๊า!”
แค่นางจะปฏิเสธเขาก็กลั่นแกล้งนางทันที ปลายเสามังกรขยับเข้าออกจนกลีบกุหลาบอวบของนางปลิ้นไปตามแรงเสียดสี
“ฉ่ำเยิ้มเช่นนี้ยังจะโป้ปดข้าอีกหรือ ภรรยาข้า”
นางไม่ได้ต่อปากกับเขา เป็นเพราะเขาต่างหากนางถึงได้เป็นเช่นนี้ ร่างเล็กกัดริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้เสียงน่าอายเล็ดรอดออกมาได้ แต่ว่า...
“เจ้าทำไมมิร้องเล่า เสียงหวาน ๆ ของเจ้าทำให้ข้าสำราญใจยิ่ง”
“ไม่...!” นางกัดฟันแน่นแม้จะเสียวซ่านสั่นไหวเพียงใดก็ตามที
“เจ้ากล้าท้าทายข้า ฉะนั้นจงจำเอาไว้เถิด...ข้าจะทำให้เจ้าร้องขอข้าในทุกค่ำคืนมิได้ว่างเว้นแม้แต่ราตรีเดียว...”
ต่อให้ยามนี้เขาจะเสพติดการร่วมรักกับนาง แต่เขาจะทำให้นางนอนคิดถึงเขายามต้องห่างไกลกันให้จงได้
คนใต้ร่างรู้สึกได้ถึงความฉ่ำเยิ้มที่กระทบกับแท่งเนื้อจนเกิดเสียง ความแข็งขืนแทรกเข้ามาอย่างล้ำลึกแต่มิได้หนักหน่วงเท่ายามปกติที่เคยขึ้นเตียง ถึงอย่างนั้นก็ทำให้นางร้องอย่างทรมานยิ่งนัก
“ซี้ดดด...อื้อ...ท่านอ๋อง...อื้มม...อย่าทรมานข้า” ยิ่งเขาเคลื่อนไหวเชื่องช้าเท่าไหร่ นางก็ยิ่งทรมานจนสุดหัวใจ
สองขาเรียวเหยียดเกร็งสะโพกยกขึ้นลงอย่างต้องการ แต่นางมิอยากจะร้องขอจากเขา ให้คนที่ตั้งใจทรมานนางได้อกได้ใจ
“อืม...คับแน่นดีจริง...เสี่ยวหลันข้าชอบยิ่ง”
เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่นางพูดเลยสักนิด และยังคงทรมานนางต่อไปเพื่อยืดเวลารักให้ยาวนานขึ้น
ไม่ได้รักนางตั้งสามวันแล้ว มีหรือค่ำคืนนี้จะจบลงง่าย ๆ
เสียงโยกตัวเคลื่อนเข้าหาจนเตียงไม้ลั่น แต่นางทำได้เพียงรั้งผ้าห่มขึ้นมากัดไม่ให้ครวญครางออกมา
แต่คนอย่างเขาก็มีวิธีอื่นเช่นเดียวกัน
“หากเจ้ามิร้องขอ ข้าจะหยุด”
ไม่พูดเปล่าเขาหยุดจริง ๆ ‘อีอ๋องชั่ว!’ นางสบถก่นด่าในใจ แล้วสุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับคนกักขฬะอย่างเว่ยซือหลาง
“ท่าน...ท่านอ๋อง...ได้โปรด” นางอยากหลุดพ้นความทรมานนี้ออกไปเสีย แต่เจ้าคนต้นเรื่องกลับหยุดนิ่งแล้วเอาแต่ดูดดึงสองเต้าของนางอย่างมูมมามราวกับหมาหิว
เสียงลามกดังออกมาเป็นระยะยิ่งทำให้นางดิ้นรนอยากปลดปล่อยความทรมาน
“เจ้าควรขอร้องข้าอย่างไพเราะใช่หรือไม่”
นางกัดฟันแน่นรู้สึกอัปยศอดสูนัก ที่ต้องมาร้องขอให้ทำเรื่องน่าอายเช่นนี้
“ท่านอ๋อง...โปรดช่วยภรรยาด้วยเถิด” เสียงหวานเปล่งออกมาแล้วคนที่แน่นิ่งไป ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแต่ไม่ลงน้ำหนักไปที่ท้องของนาง เขาจับสองขาชันเข่าขึ้นแล้วนั่งระหว่างขาดันสะโพกสอบเข้าระรัว
เขาใช้เวลาเพียงไม่นานนางก็รู้สึกได้ถึงโปร่งโล่งสบาย สมองพร่าราวกับตัวเองล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ
ร่างใหญ่ทรุดลงนอนเคียงข้าง แล้วก็หลับไปส่วนเซี่ยหมิงหลันนั้นลืมตาโพรงในความมืด คิดถึงชะตาของตัวเองพลันน้ำตาเกลือกกลิ้งลงมาอย่างห้ามไม่ได้
หลังจากนางแต่งงานมา ไม่เคยมีสักครั้งที่จะให้น้ำตาหยดลงมา แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้นางถึงได้เศร้าสร้อยนัก
ยิ่งเมื่อคิดว่าตัวเองเป็นเพียงตัวแทนของใครบางคน ความเจ็บซ้ำกลับบาดลึกในหัวใจ มันเจ็บแสบเสียจนต้านทานไม่ไหว
‘ไม่ว่าสุดท้ายนี้จะจบเช่นไร นางจะขอมีเพียงลูกก็เพียงพอ ส่วนพ่อของลูกอย่างเว่ยซือหลาง’
‘ตาย ๆ ไปได้ก็ดี!’