ยามห้าย (ประมาณสามทุ่ม) เซี่ยหมิงหลันนั่งแปรงผมที่หน้าคันฉ่องสีเหลืองนวล จิตใจว้าวุ่นเพราะเจ้าอ๋องชั่วที่ไม่รู้ตายอดตายอยากมาจากไหนขู่เข็ญว่าจะมาร่วมหลับนอนด้วย
ยามนี้นางมิพร้อมจะร่วมรักกับเขา ขณะที่กำลังคิดหาวิธีอยู่นั้นคนที่ไม่ปรารถนาจะพบก็มาหยุดอยู่หน้าประตู
“ถวายพระพรเพคะท่านอ๋อง” เสียงสองสาวใช้ที่เฝ้าหน้าประตูด้านนอกประสานกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อให้คนด้านในได้รับรู้ว่าบัดนี้ท่านอ๋องได้เสด็จมาถึงแล้ว
“เหตุใดต้องเสียงดัง” อ๋องหนุ่มที่คิดจะมาอย่างเงียบ ๆ กลับโดนสาวใช้ทำเสียแผนเสียนี่
เซี่ยหมิงหลันรีบวางหวีไม้ในมือแล้วขึ้นเตียงนอนแสร้งหลับทันที นางใจเต้นระทึกเมื่อเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาหยุดอยู่ใกล้ ๆ รังสีอำมหิตแผ่ซ่านจนนางรับรู้ได้ถึงการมาของเขา แต่ทว่ารีรออยู่นานก็ไม่เห็นเขาจะเคลื่อนไหวอันใดเสียที
แต่เมื่อคิดอีกทีเขาอาจจะปราณีนางที่เห็นว่านางพักผ่อนน้อย จึงไม่คิดรังแกจนเผลอถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่นั่นกลับทำให้อ๋องหื่นจับได้ว่านางนั้นแกล้งหลับ
“เจ้ายังมิหลับเหตุใดต้องแกล้ง”
เสียงที่เอ่ยอย่างรู้ทันแผนการของนางกล่าวขึ้นพร้อมกับทรุดกายลงข้างเตียงถอดรองเท้าแล้วแทรกตัวเข้าภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
แต่แล้วก็ต้องขัดใจเมื่อนางอยู่ในอาภรณ์ที่แน่นหนาราวกับต้องการจะยั่วโมโหเขา ทั้งที่รู้ว่าสามีต้องการสิ่งใด นางเป็นภรรยากลับไม่สนองตอบ
“เจ้าใส่เสื้อผ้าหนาเช่นนี้จะสบายตัวได้อย่างไร”
“หม่อมฉันหนาวเพคะ” เซี่ยหมิงหลันตอบขณะที่นอนหันหลังให้เขา
เขายิ้มอ่อนที่มุมปาก รับลูกไม้ของนาง
‘คิดว่าอาภรณ์แค่นี้จะขวางข้าได้งั้นเรอะ’
“หากเจ้าหนาว เช่นนั้นสามีที่ดีอย่างข้าควรจะทำให้เจ้าอบอุ่นใช่หรือไม่”
คำพูดเพียงสองสามคำของเว่ยซือหลาง ทำให้เซี่ยหมิงหลันหนาวเย็นไปสุดขั้ว เมื่อคิดได้ว่าเขาหมายความเช่นไร
“ท่านว่างเว้นสักวันไม่ได้หรือไง” สุดท้ายแล้วนางก็ต้องตกอยู่ใต้อำนาจของคนไม่มีหัวใจเช่นเขาอีกแล้ว
ยามร่วมรักที่ตัวเองเป็นเหมือนตัวแทนน้องสาวนั้นใครบ้างไม่รู้สึกเจ็บ นางก็ไม่เคยทำให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ เหตุใดต้องรังแกกันขนาดนี้ด้วย
“เจ้าลืมไปแล้วหรือ ตอนเจ้านอนป่วยนั้น ข้าได้พักไปแล้ว นั่นถือว่าข้ายังปราณีเจ้านะ หากข้าจะข่มแหงรังแกเจ้าก็ย่อมได้”
“เว่ยซือหลาง เจ้าไม่เห็นใจข้า ก็เห็นแก่ลูกเจ้าบ้างเถิดเขากำลังจะเกิดมา แต่เจ้า...!”
นางมิรู้จะทำอะไรกับเจ้าสุนัขป่าเป่ยจิ้งอ๋องนี้แล้วเช่นกัน เขาที่ไม่พูดพร่ำต่อปากกับนางแต่ดึงเอาสายคาดเอวของนางออกดึงเสื้อผ้าที่มันหนาจนดูรกรุงรังทิ้งไปด้านข้างเตียง จนร่างเล็กที่ผิวขาวเนียนละเอียดน่ามองไปทุกสัดส่วนเผยให้เห็นเต็มสองตา
ยามนี้ยังมิได้ดับเทียนในห้อง เขาอยากเห็นว่าที่ด้านหลังของนางแผลสมานดีหรือไม่ แม้ว่าเรือนร่างของนางยามที่ได้สัมผัสนั้นจะทำให้เขาคลั่งไคล้แทบบ้าก็ตาม
“หันหลังไป” เขาสั่งนางที่เอาแต่จ้องเขาด้วยแววตากรุ่นโกรธ
นางหันไปตามที่เขาสั่ง แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขากรีดนิ้วไปตามรอยแผลที่ด้านหลังของนาง ขนอ่อนลุกชันไปทั่วกลางหลัง
“สตรีอุ่นเตียงของข้าต้องไม่มีรอยแผลเป็น” เสียงพึมพำบ่งบอกว่าเขานั้นพึงพอใจกับการรักษาของบรรดาหมอเทวดาทั้งหลาย
“เจ้าทำอะไรข้าเสียวนะ”
“เสียว...งั้นเหรอ” คำนี้ช่างกระตุ้นอารมณ์ดำมืดแห่งบุรุษเพศของเขายิ่งนัก ใช้คำได้ดี ใช้คำได้ดี
“เอามือสกปรกของเจ้าออกไปนะ” เซี่ยหมิงหลัน กล่าวด้วยความขยะแขยงที่มือเจ้าอ๋องชั่วลูบไล้ลงไปทั่วผิวกาย
“แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรังเกียจข้านะ ใช่หรือไม่” มือหนาพลิกร่างของนางให้นอนหงายสบตากับเขา รอยยิ้มร้ายกาจมองไปตามเรือนร่างอย่างโลมเลีย มือหนากระตุกสายคาดเอวออกเพียงสะบัดมือเบา ๆ เสื้อผ้าของตัวเองก็ร่วง
หล่นไปที่พื้นโดยไม่ต้องออกแรง
เซี่ยหมิงหลันมองเขาตาโต เมื่ออาภรณ์หรูหราสมฐานะท่านอ๋องหลุดร่วงลงพื้น เผยให้เห็นแผงมัดกล้ามเนื้อที่แน่นหนั่นเสียจนนางแก้มแดงจัดอย่างเหนียมอาย
“หลบตาทำไมเล่า ข้าอยากให้เจ้ามอง...มองข้าให้ชัด ๆ ” เขาดึงกางเกงลงแล้วฉวยจับเอามือเล็กลูบคลึงเสามังกรยักษ์ของตนที่มันโป่งพองใหญ่คับชั้นในราวกับจะทะลุผ้าออกมา
“ทะ...ทะ...ท่าน!” เซี่ยหมิงหลันผินหน้าหลับตาปี๋ไม่กล้ามองภาพลามกนั้นแต่คนเจ้าเล่ห์ก็ยังจับมือเล็กของนางลูบคลึงมันอย่างแผ่วเบา ความสั่นระริกของนางช่างสร้างสุนทรีกับเว่ยซือหลางเสียจริง
“เจ้าดูสั่น ๆ นะ ยังไม่ได้ทานข้าวใช่หรือไม่” เสียงแหบเสน่ห์อย่างเป็นธรรมชาติเปล่งขึ้น เรียกความซ่านไหวในร่างกายเซี่ยหมิงหลัน
ยามใดที่ได้ยินน้ำเสียงนี้ ยามนั้นนางแทบไม่ได้นอนตลอดคืน บางทีนางก็เคยสงสัยว่าเขานั้นตายอดตายอยาก หรือแคว้นจ้าวแห่งนี้ขาดแคลนสตรีงดงามหรืออย่างไรกัน
“ชะ...ใช่...ข้ายังไม่ได้กิน” นางไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงโป้ปดมาคำโต ทั้งที่นางกินโจ๊กเมื่อตอนเย็นแล้ว
“ช่างดียิ่ง ข้าอยากให้เจ้าลองชิมเจ้าเสามังกรของข้าดู คืนนี้เจ้าลองกินมันหน่อยดีหรือไม่” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มองสตรีใต้อานัติที่เอียงอายจนเขาอยากแกล้งทั้งวันทั้งคืน
“บะ...บ้า...บ้าเกินไปแล้ว” แม้ในตำราวสันต์นางจะเคยได้เรียนรู้มาบ้าง ก่อนออกเรือนแต่เรื่องพวกนี้มันน่าอายเกินไปนัก เขาจะทำอะไรที่พิสดารเกินไปแล้ว
มือหนาค่อย ๆ จับมือเล็กให้มันรวบท่อนเสามังกรแล้วรูดมันขึ้นลงอย่างเชื่องข้า ปลายเสาหัวทู่ที่บานหยักเหมือนหัวเห็ดชี้ไปยังใบหน้าที่ตื่นตระหนกอยู่ในตอนนี้ ท่าทีของนางทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าไม่เพียงเจ้าที่ใบหน้าละหม้ายคล้ายนาง แต่ยามที่เจ้าตระหนกตกใจเช่นนี้นั้นเหมือนนางตอนไร้พิษสงนัก”
คำพูดเปรียบเปรยเซี่ยหมิงหลันกับเซี่ยผิงหลัว ทำให้นางรู้สึกหมดอารมณ์จนใบหน้าเรียบตึงขึ้น
“เจ้าไม่ไปทำกับนางเล่า!” น้ำเสียงเจือด้วยความเจ็บตอบโต้เขา
“นางไม่ได้รักข้า ข้ามิอาจรังแกนางได้”
“อ่อ...แล้วเลือกมารังแกข้าแทนงั้นสิ ข้าผิดอันใด”
“เจ้ามิผิดอันใด เพียงแต่เจ้าเป็นมารหัวใจของนาง”
“หึ...สามีข้าช่างประเสริฐจริง ขจัดเสี้ยนหนามให้สตรีที่รัก หากรักกันมากมิร่วมหอลงโลงไปด้วยกันเล่า!”