คนเคยร่วมหลับนอนเพียงแตะนิดต้องหน่อยก็ทำให้เตลิดไปไกลแล้ว
“หายไว ๆ นะชายาข้า” เขาก้มหน้ากระซิบที่ข้างชิดใบหูของนางแล้วตัดใจเดินออกไป ก่อนที่จะคิดปลุกปล้ำคนป่วยเข้าเสียก่อน
เช้าวันถัดมาที่อากาศย่ำแย่ ไม่ต่างจากร่างกายของพระชายาของเป่ยจิ้งอ๋องสักเท่าไหร่นัก ทั้งแคว้นจ้าวระดมหมอเทวดาเข้ามาเต็มจวน แต่สติของพระชายาก็ยังไม่กลับคืน
“ความสามารถพวกเจ้ามีแค่นี้หรือไง หากตะวันตกดินพระชายายังไม่ฟื้นเงาหัวพวกเจ้าก็ไม่ต้องมี”
น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากอย่างไม่พอพระทัยของท่านอ๋อง ทำให้เหล่าหมอเทวดาทั้งหลายหน้าซีดเผือด
“ทูลท่านอ๋อง อากาศเย็นเกินไป ร่างกายพระชายาอ่อนแอจึงต้องใช้เวลาสักนิดพ่ะย่ะค่ะ”
“สักนิดของเจ้ามันนานเท่าใดกัน” เสียงตวาดไม่ฟังเหตุผลของผู้ใดทั้งนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยไยดี แต่เมื่อนางนิ่งไปเช่นนี้ก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
แค่ก แค่ก แค่ก!
“พระชายาเพคะ...พระชายา” สองสาวใช้ประสานเสียงเรียกคนที่นอนซมด้วยพิษไข้เรียกฉุดให้คนด้านนอกหยุดโวยวาย
เมื่อเขาได้ยินเสียงเอ็ดอึงในห้องบรรทมของสตรีที่บำเรอความสุขให้ตน จึงรีบรุดเข้ามาดูทันที
“เจ้า...เจ้าฟื้นแล้ว” ดวงตาที่ค่อย ๆ ลืมอย่างช้า ๆ กับใบหน้าที่ซับสีเลือดไม่ซีดเผือดของนางทำให้เว่ยซือหลางวางใจลงหลายส่วน
“เสียงสุนัขที่ใดเห่าเสียงดัง จนข้าปวดหัว” เสียงแหบแห้งกล่าวออกมาหลังได้สติ
เว่ยซือหลาง : “__”
“ปากดีเช่นนี้หายดีแล้วสินะ”
ใบหน้าคล้ายยิ้มไม่ยิ้มของเขาหุบลงฉับพลัน เมื่อนางตื่นมาก็หาเรื่องด่ากราดทันที
‘ข้าอุตส่าห์เป็นห่วง มิเห็นความดีเลยงั้นสิ’
เขาค้อนให้นางสะบัดชายเสื้อแล้วเดินไปด้านนอก
“พวกเจ้าทำให้นางหายดีภายในสามวัน หากนางไม่หายก็คงเป็นหัวพวกเจ้าที่จะหายไป”
สั่งแล้วก็กลับตำหนักทันที ไม่อยู่ให้ระคายเคืองใจ แค่คิดว่านางจะไม่ฟื้นเขาก็ว้าวุ่นใจไปเอง จนลืมไปว่าคนอย่างนางตายยากเพียงใด
“เส้าเฉียน เจ้าไปติดตามดูเรื่องของนางด้วย อย่าให้ใครรังแกเอาได้อีก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนางฟื้นขึ้นมาก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งยามหลับยามตื่นจนผ่านไปร่วมสามวันแผลก็สมานดีราวกับใช้ยาวิเศษก็ไม่ปาน วันนี้นางสดชื่นแจ่มใสขึ้นมากจึงเดินออกมาด้านนอกบ้าง อยู่แต่ในห้องอุดอู้เต็มที
“พระชายาอย่าอยู่นานนะเพคะ เดี๋ยวไข้จะกลับ” เป็นเยี่ยนฟางที่กังวลใจ นางถูกโบยถูกเฆี่ยนเพียงกินยาก็ดีขึ้นเพราะร่างกายแข็งแรง แต่พระชายาร่างกายอ่อนแอทำให้ต้องเป็นกังวล ยิ่งท่านอ๋องกำชับไว้มั่นยิ่งละเลยไม่ได้
“ข้ามิใช่คนอ่อนแอเสียหน่อย วันนั้นข้าเพียงแต่ไม่ได้กินข้าวจึงเป็นลมไป”
“โธ่...พระชายา” เยี่ยนฟางกับซูเจียวเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ว่าพระชายานั้นดื้อดึงเพียงใด แต่ท่าทีที่ปกป้องบ่าวต่ำต้อยเช่นนางจึงตั้งใจมั่นว่าชาตินี้ขอจงรักภักดีเพียงพระชายาผู้เดียวเท่านั้น
“ซุนกงกงโดนลงโทษหรือไม่”
“โดนเพคะ 100 ร้อยไม้”
“ดี คงไม่กล้ากำแหงไปสักพัก เจ้าก็ทำอะไรระวังให้มาก ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา” ตำหนักเป่ยจิ้งอ๋องมิใช่บ้านเกิดเมืองนอน ไม่มีสกุลบิดามารดาที่คอยช่วยเหลือ แต่งออกมาต่างแคว้นหัวเดียวกระเทียมลีบ ต่อให้ในมหานครสี่เฉิงยิ่งใหญ่ปานใด แต่แคว้นจ้าวกลับไร้อำนาจบารมีให้หยิ่งทะนง
เว่ยซือหลางออกว่าราชการกับเหล่าขุนนางของแคว้นเสร็จแล้ว จึงกลับเข้าตำหนักเขาตรงไปที่ตำหนักเหม่ย ฮวาโดยไม่แวะพักห้องบรรทมของตน จนเส้าเฉียนกับ
จื่อตันอมยิ้มให้แก่กัน
‘คิดถึงสิท่า’
เว่ยซือหลางปั้นหน้าให้ถมึงทึงที่สุด เพื่อจะไปเยี่ยมเยียนนาง วันนี้เขาได้รับรายงานว่านางหายป่วยแล้ว เช่นนั้นเขาก็...
ร่างกำยำเดินด้วยความตั้งมั่นเมื่อถึงหน้าตำหนักกลับเห็นเซี่ยหมิงหลันออกมานั่งตากลมพาลให้หงุดหงิดนัก
“นั่งตากลมได้แล้ว เช่นนั้นก็หายดีแล้วใช่หรือไม่”
เซี่ยหมิงหลันคิดอยากสูดอากาศ แต่ไม่นึกว่าอากาศที่มีเว่ยซือหลางจะดูเหมือนหมอกควันพิษก็ไม่ปาน ใบหน้าที่สดชื่นเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นแห้งเหี่ยวราวกับไร้ซึ่งความชุ่มชื่น นางถอนหายใจแล้วหันไปทักทายสามีชั่วที่กล้ากระทั่งเฆี่ยนตีภรรยาที่กำลังท้องกำลังไส้
“ลมอันใดพัดมาอีกเล่าท่านอ๋อง หรือคิดจะมาเฆี่ยนข้าต่อ” เจอหน้านางก็ไม่อยากจะพูดดีด้วย นางเกลียดเขาแม้แต่เงาก็ไม่อยากมอง
“ข้าก็จะมาดูเจ้าอย่างไรเล่า”
“ข้ายังไม่ตาย เห็นกับตาแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นเชิญท่านกลับไปเถอะ อย่าอยู่ดูให้ระคายลูกตาเลย เก็บสายตาท่านไว้มองคนที่ท่านพึงใจเถิด”
“ข้าต้องเชื่อฟังเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงเหี้ยมกล่าวอย่างไม่พอใจ นางเป็นเมียกล้าวางอำนาจกับเขาที่เป็นสามีได้อย่างไร ภรรยาต้องเคารพสามีสิ
“หากมิธุระอันใดก็เชิญเถอะ เห็นหน้าท่านข้าอยากอาเจียน” ใช่นางอยากอ้วกใส่หน้านัก ไว้แพ้ท้องหนัก ๆ เถิดจะจัดให้สมใจสักครา
“ข้าจะอยู่จะไปใยให้เจ้าตัดสินด้วย ลืมไปแล้วหรือเจ้าก็เป็นของข้า ร่างกายเจ้าข้าก็เป็นผู้ครอบครอง”
“ท่าน!”
ลามกนัก พูดจาหยาบคายไม่อายบ่าวไพร่เลยสักนิด
“คืนนี้ข้าจะมานอนที่นี่ เตรียมตัวเอาไว้”
“ข้าท้องลูกของท่านความจำเสื่อมหรืออย่างไร”
“ท้องแล้วอย่างไร ข้าก็จะนอนกับเจ้า”
“ท่านมันบุรุษมักมาก”
“ใครว่า ข้ามักน้อยต่างหาก เพราะมักอยากนอนแต่กับเจ้า ท้องได้เหตุได้อุ่นเตียงไม่ได้” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ยิ่งเห็นใบหน้าบึ้งตึงฉายแววกังวลเขายิ่งนึกสนุก
“สตรีอุ่นเตียงมากมายท่านไม่เลือกสักคนเล่า”
“เจ้าก็สตรีอุ่นเตียง ท้องได้ก็อุ่นเตียงได้ ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร” ประโยคหลังเขาก้มลงกระซิบเรียกใบหน้าซับสีเลือดที่แยกไม่ออกว่าโกรธหรืออาย
นางเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ว่าตัวเองมิได้ต่างอันใดกับนางบำเรอหรือสตรีอุ่นเตียง กระทั่งยามตั้งครรภ์เขาก็มิละเว้นนาง
“อย่าทำตัวเป็นเดียรัจฉานที่ต้องผสมพันธุ์ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ”
“คำก็เดรัจฉาน สองคำก็สุนัข เช่นนั้นคืนนี้ท่าสุนัขป่าด้วยจะเป็นเช่นไรไปเล่า ตั้งตาคอยเถิดข้าจะสอนเจ้า”
เสียงหัวเราะร่าจากไปทิ้งให้นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่เพียงลำพัง
“ข้าขอสาปเจ้าให้เดินสะดุดยอดหญ้าหัวฟาดพื้นตาย”