วันนี้เป็นวันงานเลี้ยงรวมญาติของตระกูลชโลธร เหล่าญาติแต่ละสายต่างมารวมกันที่บ้านใหญ่ เพราะตระกูลนี้เป็นตระกูลที่มีเครือญาติกว่าร้อยคน
ในวันรวมญาติแต่ละครั้ง ต้องสั่งโต๊ะจีนจากภัตตาคารหรูของโรงแรมห้าดาว ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของตระกูล ที่ประกอบไปด้วย ห้างสรรพสินค้า โรงแรม แหล่ง
ชอปปิงมอลต่าง ๆ
ขณะที่มีแขกมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก จู่ ๆ ในสวนก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น และเหล่าบรรดาทุกคนในงานรวมทั้ง ปรินทรต่างก็ตกใจ
เขาจำใจขึ้นใจว่า เป็นเสียงของ รัชนี อดีตคนเคยรักของเขา ที่ตอนหลังมาฉีกหน้าแต่งงานกับพี่ชาย คือ ปวรรุจ ที่เพิ่งจากไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะอุบัติเหตุ
ทุกคนในงาน รวมทั้งผู้เป็นประมุขของบ้านคือ คุณปู่ พีระวศุตม์ ต่างก็วิ่งมาที่สวนอย่างเร่งร้อน
ในสวนที่จัดงาน แต่ทว่าอยู่หลบมุมไปทางศาลาริมน้ำที่เป็นจุดศูนย์รวมของคนในบ้านที่มานั่งเล่นกัน โดยประดับตกแต่งน้ำตกเทียม รวมทั้งปลูกบัวไว้ให้ดูสวยงาม ยามนี้ปรากฏร่างของสองร่างกำลังแหวกว่ายเอาชีวิตรอดจากสระน้ำที่เย็นเฉียบในฤดูหนาว ที่วันนี้อุณหภูมิลดต่ำลงกว่ายี่สิบองศาเป็นครั้งแรกในรอบปี
สายตาของเหล่าเครือญาติที่หลังจากไหว้บรรพบุรุษและจะมากินเลี้ยงกันที่สนามหญ้าของบ้านใหญ่ จับจ้องไปเป็นตาเดียวกันอย่างตกใจ
แต่ทว่าในความวุ่นวายตรงหน้า คนที่มีสติมากที่สุด คือทายาทลำดับที่สองของบ้านใหญ่ คือ ปรินทร ที่ตอนนี้เลื่อนมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะพี่ชายได้เสียชีวิตลงไปแล้ว
เขากระโดดลงไปในสระบัวและอุ้มรัชนี ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ตกไปในน้ำ ซึ่งมีฐานะเป็นพี่สะใภ้ขึ้นมาแล้วถอดเสื้อคลุมตัวของพี่สะใภ้ตัวเองไว้ให้ความอบอุ่น
ขณะที่สายตาเหลือบไปมอง ลลิษา ภรรยาซึ่งแต่งงานร่วมหอกันมาสองปีแล้ว ก็มีคนงานในบ้านลงไปช่วยอุ้มเธอขึ้นมาจากน้ำ ก่อนที่จะแข็งตายไปเสียก่อน
ทุกคนจับจ้องไปที่สะใภ้ใหญ่ ที่ตอนนี้เป็นหม้ายสามีเสียชีวิตอย่างเป็นห่วงเป็นใย เพราะว่าเธอกำลังท้องอ่อน ๆ ทายาทของปวรรุจอยู่เกรงว่าจะเป็นอันตรายกับเด็กในครรภ์
ปล่อยให้ลลิษา หรือชื่อจีนของเธอคือ จางลี่ คุณหนูห้าตระกูลจางแห่งเซินเจิ้น ที่ตัวเปียกปอนเดินเข้ามาในบ้านเพียงลำพัง โดยไร้ผู้ใดเหลียวแล กระทั่งสามีที่ควรจะดูแลเธอแต่กลับไปดูแลพี่สะใภ้ของบ้าน
ไม่มีใครสนใจเธอเลยว่า เธอเดินกลับมาอย่างไร และไม่มีใครไต่ถามว่าอาการของเธอนั้นเป็นอย่างไร เพราะสายตาทุกคนเป็นห่วงเป็นใยเพียงสะใภ้ใหญ่อย่างรัชนี ที่จ้องจะกินน้องผัวที่เป็นสามีเธออยู่ทุกวี่วัน
ตลอดสองปีที่เธอแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้รอง ที่นับว่ารองมือรองเท้าของคนในบ้านชโลธร เพราะสถานะของเธอไม่ได้ต่างอะไรกับทาสรับใช้ในบ้านนัก
ที่บอกว่าทาส เพราะขนาดคนรับใช้ในบ้าน คนตระกูลนี้ยังให้เกียรติมากกว่าเธอที่เป็นสะใภ้เสียอีก
‘น่าสมเพชตัวเองเสียจริง’
ขณะที่เธอเดินเข้าไปในบ้าน ผู้เป็นสามีอุ้มรัชนีขึ้นเดินตรงไปที่รถเพื่อไปโรงพยาบาล และเขาชนเธอจนล้ม
“โอ๊ย...!” เธอร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ที่แรงกระแทกของร่างใหญ่ผลักเธอลงไปกองที่พื้น
แต่นั่นยังไม่น่าเจ็บใจเท่ากับรอยยิ้มที่เคลือบทาด้วยความเย้ยหยันของคู่สะใภ้ของเธอ
ใบหน้าที่แสร้งทำเป็นซีดเซียว ยามอยู่ในอ้อมกอดของสามีเธอ ลลิษาอยากมอบรางวัลตุ๊กตาทองคำให้เลยทีเดียว
‘แสดงเก่ง’
เธอเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ทันเล่ห์เลี่ยมคนพวกนี้ก็จริง แต่เธอก็พยายามอยู่ในที่ของเธอเสมอมา ไม่กวนใจ หรืออยากเด่นเพื่อแข่งกับใคร
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอโดนกดขี่อยู่ในตระกูลเน่า ๆ ที่เป็นผู้ดีแต่เปลือกอย่างชโลธร
เธอลุกขึ้นยืนด้วยแรงของตัวเอง ที่มันอ่อนล้าเต็มทีเดินกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และอาบน้ำขจัดคราบกลิ่นโคลนตมที่มันเหม็นบนตัวให้หมด แต่นับว่ามันยังหอมกว่ากลิ่นของจิตใจที่แสนชั่วช้าของคนตระกูลนี้เสียจริง
ขณะที่อาบน้ำไป เธอก็คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น และกำลังรอคอยว่า แม่รัชนีนั่นจะหาเรื่องอะไรเธออีก
เมื่อชำระร่างกายเสร็จแล้ว เธอจึงหมุนตัวเธอเข้าไปที่ห้องในโซนที่เก็บเสื้อผ้าของทั้งเธอและสามี ซึ่งเธอผู้เป็นภรรยาจัดการมันได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หวังให้เขาชื่นชมเธอบ้าง
แต่ตลอดสองปีนอกจากนอนร่วมเตียง แต่ร่วมรักแทบนับครั้งได้นั้น เขาไม่เคยเอ่ยชมสิ่งใดที่เธอทำให้เขาเลยสักนิด
เธอสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นออกเสีย แล้วเดินขึ้นเตียงนอน รอคอยสามีกลับมา
ขณะที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น เธอถูกเขาปลุกให้ตื่นโดยรั้งแขนเธอแทบหลุดออกแยกจากตัว
เมื่อเธอตื่นเต็มตาและเห็นชัดเจนแล้วว่าสามีเธอกลับมา เสียงหวานจึงเอ่ยเรียกเขา
“คุณกลับมาแล้วเหรอ ทานอะไรมาหรือยัง” นั่นเป็นคำถามด้วยความห่วงใย ที่ภรรยาผู้รักสามีควรจะกระทำ
เธอใส่ใจเรื่องเกี่ยวกับเขาทุกเรื่อง แต่เขาไม่เคยสนใจ
แต่นั่นยังไม่เจ็บใจ เท่ากับสายตาที่เขามองมายังเธอ ราวกับจะฆ่าแกงเธอให้ได้
“คุณเป็นอะไร” เธอถาม
“ยังต้องให้พูดอีกเหรอว่าเป็นอะไร คุณรู้ตัวไหมคุณทำอะไรลงไป” เสียงตวาดลั่น และสายตาที่มองมาอย่างผิดหวังทอดมองภรรยาของเขาที่คิดว่าเป็นคนทำร้ายรัชนี เหตุเพราะริษยาที่ทุกคนเอาอกเอาใจ
“คุณพูดอะไร”
“คุณผลักเธอตกน้ำทำไม”
“ผลัก...ฉันผลักเมื่อไหร่?” เรียวคิ้วขมวดเป็นปมพร้อมกับคำถามที่เธอต้องถามเขาให้รู้เรื่อง
เธอไปผลักรัชนีที่ไหน มีแต่รัชนีที่ผลักเธอและเธอคว้ามือไว้เลยร่วงไปพร้อมกัน
“ไว้คุณไปแก้ตัวกับคุณปู่เองก็แล้วกัน”
“รัชนีบอกว่าผลัก คุณก็เชื่องั้นเหรอ นี่คุณมีความคิดเป็นของตัวเองหรือเปล่า ฟังนะฉันไม่ได้ผลัก และก็ไม่เคยคิดจะมีเรื่องกับรัชนีด้วย รู้เอาไว้” เธอไม่รู้ว่าแก้ตัวไปเขาจะฟังหรือเปล่า
แต่จากสีหน้าแต่ท่าทาง ที่ไม่แม้จะมองเธอแม้หางตานั้น เธอก็รับรู้ได้เต็มอกว่า เขาหูเบาเชื่อคนอื่นมากกว่าเมียของตัวเอง
ภายใต้ใบหน้าที่ปกติก็แสนเย็นชาอยู่แล้ว ยิ่งในยามนี้เพิ่มเป็นทวีคูณราวกับคนไร้หัวใจขึ้นไปอีก
‘เธอทำอะไรผิดงั้นเหรอ?’ นี่คือสิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจ อยากถามเขาหนัก แค่เป็นลลิษา ก็ไม่มีใครเชื่อเลยงั้นเหรอว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์
ดวงตาของลลิษาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สามีที่นอนด้วยกันทุกคืน ยังไม่เชื่อใจกันเลยสักนิด แล้วที่นี่จะมีใครปกป้องเธอได้อีก
การแต่งงานมาเป็นสะใภ้ สิ่งเดียวที่เธอคิดคือ ต้องการกุมหัวใจของเขา แต่สิ่งที่ได้รับคือ เขาเอาหัวใจเธอมาขยี้ให้แหลกละเอียด แล้วก็กระทืบให้จมดินครั้งแล้วครั้งเล่า
ลลิษา มีสติขึ้นมาทันที เธอกัดฟันแน่นสะกดความเจ็บปวดไว้ในหัวใจ ยามนี้นอกจากรัชนีที่ทุกคนเป็นห่วงเป็นใย แต่ร่างกายของเธอก็รู้สึกร้อน ๆ หนาวๆ ราวกับคนเป็นไข้
ได้แต่ข่มความไม่สบายไว้ภายใน เพราะเขาลากเธอออกจากห้อง เพื่อลงไปสอบสวนด้านล่างในห้องโถง ที่มีคนรายล้อมไปด้วยบ้านต่าง ๆ ที่เป็นสายเครือญาติ
‘พวกเขากำลังประณามเธออย่างไรเหตุผล’
ปรินทร ไม่แม้แต่อยากจะเอ่ยกับเธอเพียงครึ่งคำ เขาผลักเธอลงที่พื้น แล้วใช้ศาลเตี้ยของคนในตระกูลตัดสินความผิดเธอ
รัชนีเป็นเหมือนตัวแทนของพี่ชาย เพราะมีสายเลือดของปวรรุจไว้ดูต่างหน้า แต่ว่าเธอ ลลิษา เธอฆ่าสายเลือดชโลธรอย่างเลือดเย็น
เพราะเมื่อถึงโรงพยาบาล คุณหมอบอกให้ทำใจ เพราะเด็กในครรภ์อาจจะไม่รอด ด้วยผู้เป็นแม่นั้นโดนกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณหน้าท้อง
พีระวศุตม์โกรธมาก เพราะลลิษานั้นเป็นสะใภ้ไร้หัวนอนปลายเท้า แต่งเข้ามาด้วยความจำเป็นเท่านั้น
แต่เมื่อเข้ามาเหยียบตระกูลมีแต่เรื่อง จนตอนนี้ทุกคนต่างอยากหาทางกำจัดเธอ