บทที่ 2 ใครทำผิดก็รับไปสิ

1255 คำ
ปรินดา น้องสาวของปรินทร มองแสยะยิ้มไปที่พี่สะใภ้หน้าจืดอย่างสมเพชเวทนาในความริษยา “คุณปู่คะ คนแบบนี้จับไม่ได้ไล่ไม่ทันไม่มีหลักฐานไม่ยอมรับหรอกค่ะ” เสียงแหลมที่เสริมจริตและอีโก้ที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงโน้มน้าวผู้เป็นใหญ่ในบ้านชโลธรให้เห็นด้วย ตอนที่พี่ชายแต่งแม่ลลิษาเข้าบ้าน เมื่อรู้ว่าไม่มีชาติตระกูลใด เป็นเพียงสาวลูกครึ่งที่มาเรียนที่เมืองไทย ไม่มีญาติที่ไหน เธอก็โดนล้อจากเพื่อนกลุ่มไฮโซจนไม่อยากสู้หน้า ครั้นจะคัดค้านก็ไม่ได้ เพื่อให้ประวัติพี่สะใภ้ใหญ่อย่างรัชนีขาวสะอาด ลลิษาก็เป็นเหมือนหมากตัวหนึ่งที่ไว้คอยเป็นเกราะป้องกันเรื่องคาว ๆ ในบ้าน ไม่รู้พี่ปวรรุจกับพี่ปรินทรจะไปรักผู้หญิงคนเดียวกันทำไม ผู้หญิงดี ๆ มากมายแท้ ๆ ลลิษากัดฟันแน่น เธอไม่ได้ทำอะไรผิดจะให้ยอมรับอะไร คนพวกนี้ตั้งใจจะโยนความผิดให้เธองั้นเหรอ... หึ! ไม่มีวัน ลลิษามองใบหน้าของสามีด้วยดวงตาแดงก่ำ แต่เขาไม่สบตาเธอเลยสักนิด คนที่คิดว่าจะปกป้องเธอได้ยามเธอมีภัย บัดนี้เธอเข้าใจดีแล้วว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเธอที่คิดไปเองคนเดียว ใบหน้าคมคายของเขาช่างเป็นใบหน้าฟ้าประทาน ที่ใครหลายคนปรารถนาจะครอบครอง แต่ใครจะรู้ว่า ภายใต้ใบหน้าที่ดูดีนี้ ภายในจิตใจของเขานั้นดำมืดยิ่งกว่าหลุมดำในอวกาศ สุภาพบุรุษเหรอ หึ! คงหาไม่ได้จากเขา เขาทำสิ่งใด ก็เห็นตระกูลเน่า ๆ ของตัวเองมาก่อนเสมอ ใช่สิ... เธอมันหัวเดียวกระเทียมลีบนี่ ใครมันจะเห็นใจ เธอทนฟังคำรุมประณาม คำก่นด่าของผู้เป็นประมุขของบ้าน ด้วยใบหน้าเย็นชาราวกับสิ่งพวกนั้นเป็นเพียงลมรำเพยที่พัดผ่านหูไป เพราะไม่เคยสนใจหรือใส่ใจคำพูดของผู้ใด เพียงหากว่าไม่ใช่คำพูดของคนที่เธอรัก ก็ไม่ควรจะให้ค่าตีราคาจากมัน ร่างกายที่โดนน้ำเย็นในฤดูหนาว บวกกับแรงกดดันรอบข้างทำให้เธอเริ่มทนไม่ไหว เนื้อตัวเธอสั่นระริกและอาการไข้ทำให้เธอทรมาน จนใบหน้าเริ่มแดงก่ำ ตอนนี้ไม่มีใครในชโลธรที่รู้สึกดีกับเธออีกต่อไป พวกเขาทั้งเกลียดและสาปแช่งเธอและคงอยากจับเธอโยนไปด้านนอกเต็มทีแล้วสินะ จนเมื่อคำหนึ่งซึ่งหลุดจากปากของประมุขแห่งบ้านชโลธร “ผู้หญิงสำส่อนอย่างเธอ มันเป็นตัวกาลกินี” ความอดทนของเธอถึงขีดสุด และโผลงคำที่ไม่เคยหลุดออกมาเลยตลอดสองปี “พอได้หรือยัง...จะด่าฉันอีกนานไหม!!!” เสียงตวาดลั่นของลลิษา ทำให้คนทั้งหมดสะดุ้งจนแตกฮือออกเป็นกลุ่มเป็นก้อน ดวงตาแดงก่ำวาวโรจน์ด้วยความโกรธรวมทั้งพิษไข้ ทำให้ทำแดงเหมือนเลือดนก พีระวศุตม์มองอย่างตกใจ คิดว่าลลิษาผีเข้าไปแล้วกระมัง ถึงได้อาละวาดออกมาอย่างนี้ “นี่...ห้ามเสียมารยาทกับคุณปู่นะ” ปรินทรที่ยืนเงียบ ๆ ฟังเหล่าเครือญาติสาปส่ง และคิดว่าไม่นานคงจะหยุดกันไปเอง แต่เมื่อลลิษาที่ไม่เคยโต้เถียงมาก่อน เกิดบ้าอาละวาดขึ้นมา นั่นจะทำให้เรื่องยิ่งไปกันใหญ่ “แกเห็นแล้วใช่ไหมตาทร เห็นความเลวของมันแล้วใช่ไหม แค่ก แค่ก !” ประมุขเฒ่าของบ้านโกรธจนพูดออกมาปนเสียงไอ ทำให้ปรินทรนึกเป็นห่วง ลลิษามองสภาพเฒ่าปู่โสมที่เฝ้าตระกูลมายาวนาน แต่หาได้มีความฉลาดเลยสักนิด มองคนยังไม่ออกไอจนแทบสำลักตายอย่างรู้สึกสะใจอยู่ในที ‘ตายได้ก็ดี!’ เธอคิดในใจพร้อมยกยิ้มมุมปาก คนแบบนี้อยู่ไปก็รังแต่จะรกโลก ไม่มีสักคนแผ่นดินน่าจะสูงขึ้น คนที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่หน้า เห็นแก่เงินทอง ไม่สมควรอายุยืน “พี่ทร...จับมันโยนไปหน้าบ้าน สำนึกเมื่อไหร่ค่อยให้เข้าบ้าน” ปรินดารีบเสนอทางทรมานพี่สะใภ้รองทันที “ใช่...จับมันไว้นอกบ้าน อย่าให้เข้าบ้านฉันอีก แค่ก แค่ก!!” พีระวศุตม์ยิ่งโกรธก็ยิ่งไอหนัก จนทำให้เหล่าลูกหลานเข้ามาพยุงให้ลุกขึ้นไปพักผ่อน “ปรินดา พยุงคุณปู่เข้าห้อง ทางนี้พี่จัดการเอง” ปรินทรตัดบท และไล่ทุกคนแยกย้าย ละครฉากนี้เล่นจบแล้ว ควรไปพักผ่อนกัน ท่ามกลางเหล่าเครือญาติที่ทยอยกลับออกไปนั้น เธอมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ ‘ไม่คิดจะช่วยพูดให้ฉันเลยเหรอ ฉันเป็นเมียคุณนะ’ น้ำตาปริ่มจนล้นเอ่อออกมา สุดท้ายมันก็ไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อสามีที่เธอรักไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหวังมาตลอดกว่าสองปี ปรินทรเหลือบมองเธอด้วยดวงตาสีนิลที่มิดสนิท เต็มไปด้วยความโกรธและรังเกียจในการกระทำของภรรยาตัวเอง เขาไม่รู้สึกว่าเธอน่าสงสารสักนิด มือหนาฉวยรั้งเอาแขนเล็กให้ลุกขึ้น และเดินออกไปที่หน้าประตู ความร้อนผ่าวที่เนื้อตัวยามได้สัมผัสนั้นทำให้เขารู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยังเก็บอาการไว้มิดชิด ‘เธอตัวร้อน’ ร่างของลลิษารวนเรเซไปตามแรงดึงและฉุดกระชาก เธอไม่ขืนตัว ปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้ตามที่เขาอยากจะทำกับร่างกายของเธอ ร่างเล็กกระเด็นออกมาตามแรงเหวี่ยงที่หน้าประตูใหญ่ และฟุบลงไปกองตรงบันไดหินอ่อน ที่เย็นเฉียบบริเวณหน้าบ้านด้วยความอ่อนแรง เธอสะอื้นฮักกับการกระทำของเขา ‘เขาไม่เคยรักเธอ’ คำนี้ดังก้องในหัวตลอด “อยู่ตรงนี้และสำนึกความผิดซะ พรุ่งนี้ก็เข้าไปขอโทษคุณปู่” เธอเงยหน้ามองเขายังรู้สึกตลกสิ้นดี รอยยิ้มที่เคลือบไปด้วยความผิดหวังมองไปที่ใบหน้าของเขาพร้อมขมวดคิ้วเป็นปม ‘ขอโทษอะไร...เธอทำอะไรผิด’ “ฉันไม่ขอโทษ ใครทำผิดก็รับไปสิ” เธอพูดด้วยความหยิ่งทนง เรื่องที่เธอไม่ได้ทำ อย่าหวังว่าชาตินี้เธอจะยอมรับ “รัชนีบอกว่าคุณทำ” “คุณก็เชื่อ” “ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องทำอะไรแบบนั้น” “มีสิ...คุณอิจฉารัชนีที่กำลังจะมีลูก และทายาทจะได้รับมรดกของพี่ชายผมไง ส่วนคุณ...สองปีนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะท้องเลย” “ฉันท้องกับลมได้งั้นเหรอ ถ้าผัวมันไม่มีน้ำยา แล้วจะให้ฉันไปเล่นชู้เหมือน...!” เธอหยุดไว้ไม่พูดต่อไป เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเธอ “เหมือนใครทำไมไม่พูด” “เหมือนใครก็ช่าง หากคุณพาลมาเรื่องนี้ บอกได้เลยไม่ใช่ฉัน สมบัติเน่า ๆ ของพวกคุณฉันไม่อยากได้หรอก” เธอจนนักหรือไง ถึงต้องทำเรื่องบ้า ๆ เพียงเพราะอยากได้เงิน “อย่ามาอวดดี ทั้งที่ไม่มีดีให้อวด” ปรินทรเตือนภรรยาด้วยความหวังดี เธอชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว “แล้วอะไรงั้นเหรอที่คุณว่าดี ชื่อเสียง เงินทอง อำนาจ หรืออะไรล่ะ” “นี่หยุดนะ” “ฉันไม่หยุด พวกคุณก็บูชาเงินมากกว่าความดีอยู่แล้วนี่” “หากไม่ยอมรับผิด ก็หย่ากัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม