บทที่ 3 คนที่ไม่ควรรัก

1678 คำ
“ปรินทร!” ดวงตาที่พร่าด้วยน้ำตามองเขาอย่างไม่เชื่อหู เธอไม่เคยคิดว่าคำนี้จะออกจากปากคนอย่างเขา แม้รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่เคยคิดอยากแต่งงานกับเธอ แต่ในใจลึก ๆ หวังให้เขารักเธอบ้าง เธอไม่ดีตรงไหนงั้นเหรอ หรือเขายังไม่เคยลืมรักเก่าอย่างรัชนี? นี่คือผู้ชายที่เธอทิ้งทุกอย่างเพื่อมาใช้ชีวิตอยู่กับเขา ผู้ชายที่ต้องตัดขาดกับตระกูล เพื่อจะได้แต่งงานกับเขา ตลอดสองปีใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในบ้านหลังนี้ เพื่อผู้ชายเพียงคนเดียว ตัดขาดเพื่อนฝูงและพี่น้อง เพื่อมาให้เหยียบย่ำแล้วก็จะทิ้งเธอไปงั้นเหรอ ‘หึ! กระบือสิ้นดี’ ร่างกายที่ปวดร้าวด้วยพิษไข้ ยังไม่เท่าหัวใจที่โดนเขาเหยียบย่ำให้จมดินในตอนนี้เลย ปัง! เสียงประตูปิดใส่หน้า พร้อมกับร่างของผู้เป็นสามีที่ลับไป เขาเชื่อฟังคนในบ้านชโลธรอย่างดี เชื่อในสิ่งผิด ๆ แต่ไม่คิดจะฟังเสียงภรรยาผู้ซื่อสัตย์ดั่งสุนัขเชื่องอย่างเธอเลยสักนิด เธอมันไร้เดียงสา คิดว่าเจ้าชายในฝันมายืนตรงหน้า ก็รีบโผเข้าใส่ “จางลี่เธอตื่นได้หรือยัง” ลลิษา เรียกชื่อตัวเองในภาษาจีน ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนแท้จริงของเธอ ที่ไม่ใช่ ลลิษาผู้หญิงแสนดีที่เขาชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้อย่างเธอ ความฝันที่อยากมีสามีที่ดี กับเลือกสามีที่หล่อมันไม่ได้ไปด้วยกันได้ เขาหน้าตาดี แต่นิสัยไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด เขายึดติดกับครอบครัวเกินไป จนคิดว่าทุกคนชั่วช้าไปหมด แต่ที่สำคัญเธอไม่คิดว่าเขาจะกระบือเช่นนี้ หึ...รัชนีดีอะไรนักเหรอ คนบ้านนี้ตาบอดกันหรือไง ตั้งแต่ปวรรุจตายไป นอกจากจะออเซาะผัวเธอแล้ว วัน ๆ ก็ไม่เห็นทำอะไร ลูกในท้องที่เป็นทายาทชโลธร มั่นใจกันแล้วใช่ไหมว่าของปวรรุจ เธอนั่งทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ในบ้านหลังนี้ที่ประสบ มีไม่น้อยหรอกที่เธอรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่สังคมต้องการจะสอดรู้สอดเห็น หลังจากที่คนทั้งตระกูลโกรธเกลียดสะใภ้รองอย่าง ลลิษา จนเมื่อคนในบ้านปิดไฟเงียบเสียงเนื่องจากเข้านอนกันหมดแล้ว แต่มีร่างหนึ่งที่นั่งกอดเข่าหนาวสั่นอยู่ด้านนอกอย่างน่าสงสาร ป้าณีแม่บ้านเก่าแก่ที่ดูแลงานครัวเดินออกมาหาเธอ และเอาผ้าห่มมาให้ป้องกันความหนาว “คุณลลิษา” เสียงที่ชราวัย ทำให้ร่างเล็กที่กำลังกอดเข่าร้องไห้อยู่นั้นเงยหน้าขึ้น “ป้าณีมาทำไมคะ เดี๋ยวก็โดนดุ” เธอเป็นห่วงป้าแม่บ้านที่คอยหาทางช่วยเหลือเสมอมา ครั้งนี้เรื่องใหญ่ เธอไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะเธอ “คุณสีหน้าไม่ดีเลยนะคะไม่สบายหรือเปล่าคะ” ป้าณีเอามืออังที่ศีรษะของเจ้านายสาว ที่ใคร ๆ ก็ไม่ให้ความเคารพ เธอสงสารตั้งแต่แต่งเข้ามาก็โดนเหยียดหยามแล้ว จึงคอยปลอบใจและช่วยเหลือเสมอมา ลลิษาที่คิดว่าจะไม่มีใครเป็นห่วงเธอแล้วกระทั่งสามีก็ไม่ไยดี แต่กลับมีคนอื่นที่หยิบยื่นน้ำใจเพียงน้อยนิดให้เธอ น้ำตาที่เริ่มเหือดแห้งเมื่อสักครู่ปริ่มมาที่ขอบตาที่พร่ามัวอีกครั้ง “ป้าณี” เสียงเล็กแหบพร่าเรียกคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอด้วยความซาบซึ้งใจ อย่างน้อยก็ยังมีคนที่ดีกับเธออยู่บ้าง “โถ คุณลลิษาของป้า ไม่เป็นไรนะคะ” ป้าณีไม่เคยอยากให้ลลิษาเข้ามาอยู่ในบ้านเลย ไม่ใช่เพราะรังเกียจ แต่เพราะที่นี่มันต่ำตมเกินไป เธอไม่มีทางไปไม่รู้หนังสือ อายุมากแล้วจะไปทำงานหาเลี้ยงตัวข้างนอกก็ลำบาก ได้แค่พึ่งใบบุญอยู่ในบ้านชโลธรไปจนตาย “ขอบคุณคุณป้ามากนะคะ” ลลิษายื่นมือไปจับแม่บ้านที่เริ่มชราวัยลงแล้ว สังเกตจากผมที่แซมด้วยสีเทาขาวประปรายบริเวณกลางศีรษะ “คุณไม่อยากออกไปจากที่นี่บ้างเหรอคะ” ป้าณีรวบรวมความกล้า เธอไม่อยากให้ลลิษาผู้หญิงที่บอบบางต้องทนอยู่ในบ้านชโลธรแห่งนี้ เพราะมันมีแต่ความทุกข์ “นั่นสิคะ หนูไม่คิดออกจากที่นี่บ้างเลยเหรอ” เธอทวนคำถามนั้นอย่างเศร้าโศก ทำไมจะไม่อยากเล่า อยากสิ อยากออกไปใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองเคยทำ อยากออกไปมีอิสระ แต่...เพราะความลุ่มหลงมัวเมาตัวเดียว ที่ทำให้เธอจมปลักเหมือนควายอยู่ที่นี่ “อย่าว่าป้าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ นอกจากคุณปรินทร ป้าไม่เห็นใครดีอีกเลย หากคุณอยู่เพราะรักก็ต้องทนไปตลอดนะคะ” ป้าณีอยากให้สติกับลลิษา เพราะเห็นเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน เธอเคยสูญเสียลูกสาวในวัยที่ใกล้เคียงกับลลิษาไป ด้วยการฆ่าตัวตายเพราะช้ำรัก และไม่อยากเห็นลลิษามีเคราะห์กรรมเดียวกันกับลูกสาวของตัวเอง “เขาน่ะเหรอคะ ดี” เธอพูดด้วยน้ำเสียงขันเล็กน้อย คนดีที่ไหนเขาทิ้งเมียให้คนทั้งตระกูลรังแก ‘เลวเกินคนต่างหาก’ “ไม่ดีแล้วคุณจะแต่งเข้ามาเหรอคะ” ป้าณีถามอย่าง อยากรู้ เพราะคุณปรินทรนั้นบางครั้งก็ดูเหมือนห่วงใยรักใคร่คุณลลิษา แต่บางครั้งก็เหมือนมีใจเอนเอียงไปทางพี่สะใภ้ แม้รู้มาบ้างว่าคนรักเก่าของปรินทรคือรัชนี แต่นั่นมันก็เรื่องเมื่อนานมาแล้ว และหลายครั้งก็ดูรักใคร่กับ ลลิษาดี “ลิษาแต่งเพราะรักเขา แต่ว่าเขาสิแต่งเพราะประชด” หลังจากแต่งงานไม่นานนัก เธอได้ยินเขาทะเลาะกับรัชนีเรื่องประชดประชันกัน ความลับถูกเปิดเผย เพราะว่าเธอบังเอิญผ่านไปได้ยินเสียงคนมีปากเสียงกันในห้อง ย้อนกลับเมื่อครั้งแต่งงานใหม่ ๆ “ทร...คุณรักแม่นั่นเหรอ แต่งงานกับมันทำไม” “แล้วคุณ...รักพี่รุจเหรอ” “ฉันถามคุณก่อนนะ” “ทำไมเพราะผมไม่ใช่ลูกชายคนโตที่ได้รับการสืบทอดมรดกชิ้นใหญ่ คุณถึงเปลี่ยนไปแต่งงานกับพี่ชายผมงั้นสิ” “นี่คุณ!” รัชนีน้ำท่วมปาก เพราะเขาพูดถูกทุกอย่าง “หึ...สุดท้ายคุณก็เห็นแก่เงิน” “ฉันรักคุณนะคะทร” ถ้อยคำนั้นลลิษาได้ยินเต็มสองหู แม้เขาจะไม่ได้ตอบกลับรัชนี แต่แววตาของเขาบ่งบอกได้ชัดเจนแล้วว่า เขายังไม่หมดรักเธอ เขาคือผู้ชายที่เลือดเย็น และไม่ควรได้รับความรักที่สุด ‘ฉันไม่ควรรักคุณ’ หลังจากครั้งนั้น เธอปิดหูปิดตาพยายามไม่คิดเรื่องอดีตของเขา แต่เมื่อลับหลังรัชนีก็คอยจะงาบสามีเธออยู่ร่ำไป จนเธอทำได้เพียงเป็นไม้กันหมา และแสดงความรักกันอย่างหวานชื่นต่อหน้ารัชนีและทุกคนในครอบครัว ใครจะรู้ว่าเธอต้องเจ็บปวดใจแค่ไหน ที่รู้ว่าคนรักยังมีใจให้คนอื่น เธอต้องเข้มแข็งขนาดไหน ที่ทำเป็นไม่รับรู้เรื่องของพวกเขาสองคน เธอนั่งอยู่ด้านนอกคิดเรื่องของตัวเองไปเรื่อยเปื่อย จนเมื่อฟ้าสางแสงเริ่มสาดส่องลงมา ทำให้เธอเริ่มตัดสินใจบางอย่าง แต่ว่า...เสียงที่เอะอะโวยวายนั่น! “ลลิษาสำนึกผิดหรือยัง” เสียงของประมุขบ้านชโลธรลั่นดังมาจนได้ยินถึงด้านนอก เธอกำหมัดแน่น จะให้เธอสำนึกอะไรอีก คนพวกนี้ต่างหากควรจะต้องสำนึกไม่ใช่เธอ! “ยังครับคุณปู่” “เมียแกชั่วช้านัก คิดฆ่ากระทั่งหลานในไส้ของฉัน” พีระวศุตม์ไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ เหมือนทุกครั้งไป จนเขาเองก็จนใจ ครั้งนี้ลลิษาทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย “แต่งมาสองปีหลานก็ไม่มี...คนแบบนี้ไม่น่าแต่งเข้ามาเลย” แม้ตอนนั้นเขาจะเห็นด้วย แต่เพราะเป็นเรื่องจำเป็น ตอนนี้ไม่เห็นว่าจำเป็นต้องเก็บลลิษาไว้อีก ควรไล่ออกไปให้พ้นจากบ้านชโลธรเสียที “เมียผมไม่ได้ชั่วช้าแบบนี้แน่นอนครับ” ปรินทรตัดสินใจพูดออกไป “แล้วนังนั่นเป็นใครไม่ใช่เมียที่เก็บมาจากผับจากบาร์เมื่อสองปีก่อนหรอกเหรอ” เสียงผู้สูงวัยทะเลาะกับหลานชายดังไปถึงหน้าบ้าน ทำให้คนที่ถูกทิ้งให้นอนนอกบ้านสะอึก ลลิษาตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ อากาศข้างนอกหนาวเหน็บเพียงใด แต่ไม่ได้ดับไฟโทสะในใจของเธอได้เลย หญิงสาวฟังเสียงนั่นไปเรื่อย ๆ ในมโนสำนึกก็ระลึกได้แล้วว่า เขาไม่เคยรักเธอเลย การถูกเหยียดหยามจากคนอื่น ไม่สู้สามีพูดว่าเธอไม่ใช่เมียของเขาที่ชั่วช้า ‘ใช่ ฉันไม่ได้ชั่วช้า แต่เป็นคุณต่างหาก’ เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้านอย่างมั่นคง ทุกก้าวย่างเธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นอีกต่อไป ต่อไปนี้เธอจะกลับมามีชีวิตเพื่อตัวเอง ขณะที่ร่างเล็กเดินเข้ามาในบ้าน ที่กำลังโต้เถียงกันเรื่องเธอ ผู้เฒ่าพีระวศุตม์ชี้นิ้วด้วยอาการสั่นเทา “นั่น...นังนั่นมันมาเหยียบบ้านฉันอีกทำไม” ลลิษาจิกเล็บเข้ากับเนื้อเพื่อเรียกสติเธอให้ยังคงหยัดยืนอยู่ได้ ตลอดคืนเธอไม่ได้นอน บวกกับร่างกายที่ผ่าวร้อนด้วยพิษไข้ เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายเธอต้องออกไปจากที่นี่ให้จงได้ “นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ฉันจะเหยียบที่นี่” “นี่...แก...อวดดีนัก” หญิงสาวไม่สนใจเสียงเห่าของหมาเฒ่าผู้นั้น ดวงตาสงบนิ่งแต่แฝงด้วยความเคียดแค้นเหลือบมองไปยังสามีเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่จะก้าวเท้าเดินขึ้นห้องก็มีเสียงหนึ่งฉุดรั้งเธอไว้ “ได้สติแล้วค่อยมาคุยกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม