“ปรินทร!” ดวงตาที่พร่าด้วยน้ำตามองเขาอย่างไม่เชื่อหู
เธอไม่เคยคิดว่าคำนี้จะออกจากปากคนอย่างเขา แม้รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่เคยคิดอยากแต่งงานกับเธอ แต่ในใจลึก ๆ หวังให้เขารักเธอบ้าง
เธอไม่ดีตรงไหนงั้นเหรอ หรือเขายังไม่เคยลืมรักเก่าอย่างรัชนี?
นี่คือผู้ชายที่เธอทิ้งทุกอย่างเพื่อมาใช้ชีวิตอยู่กับเขา ผู้ชายที่ต้องตัดขาดกับตระกูล เพื่อจะได้แต่งงานกับเขา
ตลอดสองปีใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในบ้านหลังนี้ เพื่อผู้ชายเพียงคนเดียว
ตัดขาดเพื่อนฝูงและพี่น้อง เพื่อมาให้เหยียบย่ำแล้วก็จะทิ้งเธอไปงั้นเหรอ
‘หึ! กระบือสิ้นดี’
ร่างกายที่ปวดร้าวด้วยพิษไข้ ยังไม่เท่าหัวใจที่โดนเขาเหยียบย่ำให้จมดินในตอนนี้เลย
ปัง!
เสียงประตูปิดใส่หน้า พร้อมกับร่างของผู้เป็นสามีที่ลับไป
เขาเชื่อฟังคนในบ้านชโลธรอย่างดี เชื่อในสิ่งผิด ๆ แต่ไม่คิดจะฟังเสียงภรรยาผู้ซื่อสัตย์ดั่งสุนัขเชื่องอย่างเธอเลยสักนิด
เธอมันไร้เดียงสา คิดว่าเจ้าชายในฝันมายืนตรงหน้า ก็รีบโผเข้าใส่
“จางลี่เธอตื่นได้หรือยัง” ลลิษา เรียกชื่อตัวเองในภาษาจีน ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนแท้จริงของเธอ ที่ไม่ใช่
ลลิษาผู้หญิงแสนดีที่เขาชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้อย่างเธอ
ความฝันที่อยากมีสามีที่ดี กับเลือกสามีที่หล่อมันไม่ได้ไปด้วยกันได้
เขาหน้าตาดี แต่นิสัยไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด
เขายึดติดกับครอบครัวเกินไป จนคิดว่าทุกคนชั่วช้าไปหมด แต่ที่สำคัญเธอไม่คิดว่าเขาจะกระบือเช่นนี้
หึ...รัชนีดีอะไรนักเหรอ คนบ้านนี้ตาบอดกันหรือไง
ตั้งแต่ปวรรุจตายไป นอกจากจะออเซาะผัวเธอแล้ว วัน ๆ ก็ไม่เห็นทำอะไร
ลูกในท้องที่เป็นทายาทชโลธร มั่นใจกันแล้วใช่ไหมว่าของปวรรุจ
เธอนั่งทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ในบ้านหลังนี้ที่ประสบ มีไม่น้อยหรอกที่เธอรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่สังคมต้องการจะสอดรู้สอดเห็น
หลังจากที่คนทั้งตระกูลโกรธเกลียดสะใภ้รองอย่าง
ลลิษา จนเมื่อคนในบ้านปิดไฟเงียบเสียงเนื่องจากเข้านอนกันหมดแล้ว
แต่มีร่างหนึ่งที่นั่งกอดเข่าหนาวสั่นอยู่ด้านนอกอย่างน่าสงสาร
ป้าณีแม่บ้านเก่าแก่ที่ดูแลงานครัวเดินออกมาหาเธอ และเอาผ้าห่มมาให้ป้องกันความหนาว
“คุณลลิษา” เสียงที่ชราวัย ทำให้ร่างเล็กที่กำลังกอดเข่าร้องไห้อยู่นั้นเงยหน้าขึ้น
“ป้าณีมาทำไมคะ เดี๋ยวก็โดนดุ” เธอเป็นห่วงป้าแม่บ้านที่คอยหาทางช่วยเหลือเสมอมา ครั้งนี้เรื่องใหญ่ เธอไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะเธอ
“คุณสีหน้าไม่ดีเลยนะคะไม่สบายหรือเปล่าคะ” ป้าณีเอามืออังที่ศีรษะของเจ้านายสาว ที่ใคร ๆ ก็ไม่ให้ความเคารพ
เธอสงสารตั้งแต่แต่งเข้ามาก็โดนเหยียดหยามแล้ว จึงคอยปลอบใจและช่วยเหลือเสมอมา
ลลิษาที่คิดว่าจะไม่มีใครเป็นห่วงเธอแล้วกระทั่งสามีก็ไม่ไยดี แต่กลับมีคนอื่นที่หยิบยื่นน้ำใจเพียงน้อยนิดให้เธอ
น้ำตาที่เริ่มเหือดแห้งเมื่อสักครู่ปริ่มมาที่ขอบตาที่พร่ามัวอีกครั้ง
“ป้าณี” เสียงเล็กแหบพร่าเรียกคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอด้วยความซาบซึ้งใจ
อย่างน้อยก็ยังมีคนที่ดีกับเธออยู่บ้าง
“โถ คุณลลิษาของป้า ไม่เป็นไรนะคะ” ป้าณีไม่เคยอยากให้ลลิษาเข้ามาอยู่ในบ้านเลย ไม่ใช่เพราะรังเกียจ แต่เพราะที่นี่มันต่ำตมเกินไป
เธอไม่มีทางไปไม่รู้หนังสือ อายุมากแล้วจะไปทำงานหาเลี้ยงตัวข้างนอกก็ลำบาก ได้แค่พึ่งใบบุญอยู่ในบ้านชโลธรไปจนตาย
“ขอบคุณคุณป้ามากนะคะ” ลลิษายื่นมือไปจับแม่บ้านที่เริ่มชราวัยลงแล้ว สังเกตจากผมที่แซมด้วยสีเทาขาวประปรายบริเวณกลางศีรษะ
“คุณไม่อยากออกไปจากที่นี่บ้างเหรอคะ” ป้าณีรวบรวมความกล้า เธอไม่อยากให้ลลิษาผู้หญิงที่บอบบางต้องทนอยู่ในบ้านชโลธรแห่งนี้
เพราะมันมีแต่ความทุกข์
“นั่นสิคะ หนูไม่คิดออกจากที่นี่บ้างเลยเหรอ” เธอทวนคำถามนั้นอย่างเศร้าโศก
ทำไมจะไม่อยากเล่า อยากสิ อยากออกไปใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองเคยทำ อยากออกไปมีอิสระ
แต่...เพราะความลุ่มหลงมัวเมาตัวเดียว ที่ทำให้เธอจมปลักเหมือนควายอยู่ที่นี่
“อย่าว่าป้าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ นอกจากคุณปรินทร ป้าไม่เห็นใครดีอีกเลย หากคุณอยู่เพราะรักก็ต้องทนไปตลอดนะคะ” ป้าณีอยากให้สติกับลลิษา เพราะเห็นเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน
เธอเคยสูญเสียลูกสาวในวัยที่ใกล้เคียงกับลลิษาไป ด้วยการฆ่าตัวตายเพราะช้ำรัก และไม่อยากเห็นลลิษามีเคราะห์กรรมเดียวกันกับลูกสาวของตัวเอง
“เขาน่ะเหรอคะ ดี” เธอพูดด้วยน้ำเสียงขันเล็กน้อย
คนดีที่ไหนเขาทิ้งเมียให้คนทั้งตระกูลรังแก
‘เลวเกินคนต่างหาก’
“ไม่ดีแล้วคุณจะแต่งเข้ามาเหรอคะ” ป้าณีถามอย่าง อยากรู้ เพราะคุณปรินทรนั้นบางครั้งก็ดูเหมือนห่วงใยรักใคร่คุณลลิษา แต่บางครั้งก็เหมือนมีใจเอนเอียงไปทางพี่สะใภ้
แม้รู้มาบ้างว่าคนรักเก่าของปรินทรคือรัชนี แต่นั่นมันก็เรื่องเมื่อนานมาแล้ว และหลายครั้งก็ดูรักใคร่กับ
ลลิษาดี
“ลิษาแต่งเพราะรักเขา แต่ว่าเขาสิแต่งเพราะประชด” หลังจากแต่งงานไม่นานนัก เธอได้ยินเขาทะเลาะกับรัชนีเรื่องประชดประชันกัน
ความลับถูกเปิดเผย เพราะว่าเธอบังเอิญผ่านไปได้ยินเสียงคนมีปากเสียงกันในห้อง
ย้อนกลับเมื่อครั้งแต่งงานใหม่ ๆ
“ทร...คุณรักแม่นั่นเหรอ แต่งงานกับมันทำไม”
“แล้วคุณ...รักพี่รุจเหรอ”
“ฉันถามคุณก่อนนะ”
“ทำไมเพราะผมไม่ใช่ลูกชายคนโตที่ได้รับการสืบทอดมรดกชิ้นใหญ่ คุณถึงเปลี่ยนไปแต่งงานกับพี่ชายผมงั้นสิ”
“นี่คุณ!” รัชนีน้ำท่วมปาก เพราะเขาพูดถูกทุกอย่าง
“หึ...สุดท้ายคุณก็เห็นแก่เงิน”
“ฉันรักคุณนะคะทร”
ถ้อยคำนั้นลลิษาได้ยินเต็มสองหู แม้เขาจะไม่ได้ตอบกลับรัชนี แต่แววตาของเขาบ่งบอกได้ชัดเจนแล้วว่า เขายังไม่หมดรักเธอ
เขาคือผู้ชายที่เลือดเย็น และไม่ควรได้รับความรักที่สุด
‘ฉันไม่ควรรักคุณ’
หลังจากครั้งนั้น เธอปิดหูปิดตาพยายามไม่คิดเรื่องอดีตของเขา แต่เมื่อลับหลังรัชนีก็คอยจะงาบสามีเธออยู่ร่ำไป จนเธอทำได้เพียงเป็นไม้กันหมา และแสดงความรักกันอย่างหวานชื่นต่อหน้ารัชนีและทุกคนในครอบครัว
ใครจะรู้ว่าเธอต้องเจ็บปวดใจแค่ไหน ที่รู้ว่าคนรักยังมีใจให้คนอื่น
เธอต้องเข้มแข็งขนาดไหน ที่ทำเป็นไม่รับรู้เรื่องของพวกเขาสองคน
เธอนั่งอยู่ด้านนอกคิดเรื่องของตัวเองไปเรื่อยเปื่อย จนเมื่อฟ้าสางแสงเริ่มสาดส่องลงมา ทำให้เธอเริ่มตัดสินใจบางอย่าง
แต่ว่า...เสียงที่เอะอะโวยวายนั่น!
“ลลิษาสำนึกผิดหรือยัง” เสียงของประมุขบ้านชโลธรลั่นดังมาจนได้ยินถึงด้านนอก
เธอกำหมัดแน่น จะให้เธอสำนึกอะไรอีก คนพวกนี้ต่างหากควรจะต้องสำนึกไม่ใช่เธอ!
“ยังครับคุณปู่”
“เมียแกชั่วช้านัก คิดฆ่ากระทั่งหลานในไส้ของฉัน” พีระวศุตม์ไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ เหมือนทุกครั้งไป จนเขาเองก็จนใจ
ครั้งนี้ลลิษาทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย
“แต่งมาสองปีหลานก็ไม่มี...คนแบบนี้ไม่น่าแต่งเข้ามาเลย” แม้ตอนนั้นเขาจะเห็นด้วย แต่เพราะเป็นเรื่องจำเป็น
ตอนนี้ไม่เห็นว่าจำเป็นต้องเก็บลลิษาไว้อีก ควรไล่ออกไปให้พ้นจากบ้านชโลธรเสียที
“เมียผมไม่ได้ชั่วช้าแบบนี้แน่นอนครับ” ปรินทรตัดสินใจพูดออกไป
“แล้วนังนั่นเป็นใครไม่ใช่เมียที่เก็บมาจากผับจากบาร์เมื่อสองปีก่อนหรอกเหรอ”
เสียงผู้สูงวัยทะเลาะกับหลานชายดังไปถึงหน้าบ้าน ทำให้คนที่ถูกทิ้งให้นอนนอกบ้านสะอึก
ลลิษาตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ อากาศข้างนอกหนาวเหน็บเพียงใด แต่ไม่ได้ดับไฟโทสะในใจของเธอได้เลย
หญิงสาวฟังเสียงนั่นไปเรื่อย ๆ ในมโนสำนึกก็ระลึกได้แล้วว่า เขาไม่เคยรักเธอเลย
การถูกเหยียดหยามจากคนอื่น ไม่สู้สามีพูดว่าเธอไม่ใช่เมียของเขาที่ชั่วช้า
‘ใช่ ฉันไม่ได้ชั่วช้า แต่เป็นคุณต่างหาก’
เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้านอย่างมั่นคง ทุกก้าวย่างเธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นอีกต่อไป
ต่อไปนี้เธอจะกลับมามีชีวิตเพื่อตัวเอง
ขณะที่ร่างเล็กเดินเข้ามาในบ้าน ที่กำลังโต้เถียงกันเรื่องเธอ ผู้เฒ่าพีระวศุตม์ชี้นิ้วด้วยอาการสั่นเทา
“นั่น...นังนั่นมันมาเหยียบบ้านฉันอีกทำไม”
ลลิษาจิกเล็บเข้ากับเนื้อเพื่อเรียกสติเธอให้ยังคงหยัดยืนอยู่ได้ ตลอดคืนเธอไม่ได้นอน บวกกับร่างกายที่ผ่าวร้อนด้วยพิษไข้ เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายเธอต้องออกไปจากที่นี่ให้จงได้
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ฉันจะเหยียบที่นี่”
“นี่...แก...อวดดีนัก”
หญิงสาวไม่สนใจเสียงเห่าของหมาเฒ่าผู้นั้น ดวงตาสงบนิ่งแต่แฝงด้วยความเคียดแค้นเหลือบมองไปยังสามีเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่จะก้าวเท้าเดินขึ้นห้องก็มีเสียงหนึ่งฉุดรั้งเธอไว้
“ได้สติแล้วค่อยมาคุยกัน”