(โสน)
1 อาทิตย์ต่อมา
5.15 pm.
"พี่ขอโทษนะที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับพวกเรา พี่เองก็เพิ่งรู้ว่าตึกนี้จะถูกขายทอดตลาดเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะงั้นพี่เองก็ยังไม่ได้เตรียมใจหรือเตรียมตัวเลย"
"งั้นก็แปลว่าร้านเราจะถูกปิดไปด้วยเหรอครับพี่"
"พี่ไม่อยากพูดแบบนั้น แต่มันจริง...ร้านเราต้องปิดไปด้วยแล้วพี่เองก็ยังหาร้านใหม่ไม่ได้ พี่ขอโทษจริงๆนะที่รับผิดชอบอะไรพวกเราด้วยไม่ได้เลย ที่พี่ทำได้ตอนนี้ก็มีแค่เงินเดือนเดือนสุดท้ายเท่านั้น"
พี่เดียร์เจ้าของร้านกาแฟต่างมองมาที่พวกฉันซึ่งเป็นพนักงานร้านของเธอด้วยความหนักใจ ไม่ต่างจากพวกฉันที่กำลังนั่งบนโซฟาตรงข้ามกันกับเธอ ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ พยายามเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น
"ไม่ต้องเครียดไปหรอกค่ะพี่เดียร์ แค่นี้พวกเราก็ขอบคุณมากๆแล้วไม่มีใครคิดว่าจู่ๆตึกจะโดนขายทอดตลาดหรอก"
"ใช่พี่ ถ้าพวกขายน้ำหอมด้านบนไม่ติดหนี้เยอะจนโดนไล่ที่พวกเราคงไม่โดนไปด้วยหรอก"
ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ และมันก็ทำให้เพื่อนร่วมงานพยักหน้าตามและเริ่มให้กำลังใจพี่เดียร์จนเธอร้องไห้ ฉันเข้าใจเลยล่ะว่าเธอต้องเสียใจ ใครจะไม่รู้สึกเสียใจล่ะถ้าร้านกาแฟที่ตัวเองรักจะต้องมาปิดไปแบบนี้...ขนาดฉันที่เพิ่งมาทำงานยังรู้สึกเสียใจแทน แต่ฉันรู้สึกผิดมากกว่า ฉันไม่น่ามาทำงานที่นี่เลยจริงๆ
7.55 pm.
ปึ่ก!
"ฮรึก ครั้งนี้เป็นครั้งที่ห้าแล้วนะที่กูต้องออกจากงานกูไม่ไหวแล้วว่ะมึง ทำไมชีวิตกูมันเฮงซวยได้ขนาดนี้"
"โสนมึงใจเย็นๆ ไม่เอาไม่ร้อง"
ฉันซบใบหน้าลงไปร้องไห้บนโต๊ะ หลังจากที่ฉันปล่อยโฮเสียงดังลั่นไม่สนใจว่าใครจะมอง...บางคนคงคิดว่าฉันอกหักแต่มันไม่ใช่ ฉันกำลังร้องไห้อย่างหนักเพราะฉันตกงานยังไงกันล่ะ!
"กูไปไหนก็มีเรื่องให้ต้องออก ทั้งขาดทุนจนต้องลดพนักงาน ยอดขายไม่ถึง จนมาร้านต้องปิด มันเกินไปไหมมึง"
ฉันเงยหน้ามามองบัวเพื่อนสนิทของฉันที่วันนี้ว่างมานั่งฟังฉันปรับทุกข์ในร้านเหล้าเล็กๆแถวๆบ้านของเธอ
"ไปหาหมอดูเขาบอกให้ไปพรมน้ำมนต์ที่วัดกูก็ไปแล้วแต่มันก็ยังไม่ดีขึ้นเลยสักนิด ดูสิแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก!"
"กูเห็นใจมึงจริงๆว่ะโสน แต่กูก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเพราะที่กูอยู่เขาก็ยังไม่รับพนักงานเพิ่ม"
"มึงไม่ต้องเครียด กูแค่อยากระบายเฉยๆ"
บัวมองฉันด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะดึงทิชชูมาเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าให้
"กูหวังว่ามันคงไม่มีอะไรแย่ลงกว่านี้นะ"
"อย่าพูดคำนี้เลยบัว กูว่ามันสามารถแย่ลงได้กว่านี้อีก"
"มึงก็พูดเป็นลาง"
"กูเหนื่อยจริงๆ"
ฉันขยับขึ้นนั่งดีๆ และเอื้อมมือไปหยิบแก้วที่มีเบียร์เหลือมากระดกดื่มจนหมด
"ต้องกลับบ้านแล้วแหละ"
"จะกลับแล้วเหรอ?"
"อือ"
"ทำไมไม่นอนบ้านกู หอมึงอยู่ตั้งไกล"
"ไม่ต้องห่วงกูชินแล้ว"
ฉันลุกขึ้นยืน และเดินออกมาจากร้านโดยมีบัวเดินตามมาติดๆ บัวเดินมานั่งรอรถบัสเป็นเพื่อนขณะที่ฉันเองก็นั่งเงียบๆไม่ได้พูดอะไรอีก จริงๆฉันไม่ได้เมามากหรอกแค่กรึ่มๆ ฉันแค่อยากมาหาใครสักคนเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นเท่านั้นเอง
"รถมาแล้ว" ฉันชี้ไปที่รถก่อนจะหันมาโบกมือให้บัวด้วยรอยยิ้ม "ไปนะไว้เจอกันใหม่"
"อืม มึงอย่าคิดมากนะ"
"อือไม่คิดมากมานานแล้ว"
บัวยิ้มให้ฉันจนฉันเดินขึ้นมานั่งบนรถเมล์ ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆและหันมองออกไปดูตามถนน และทางเดินของเมืองใหญ่ด้วยแววตาเหม่อลอย...ตอนเรียนว่ายากแล้วพอจบออกมาแล้วต้องหางานมันยากกว่าแฮะ
"เฮ้อ"
ฉันหลับตาลงพร้อมกับความรู้สึกเหนื่อยล้าที่ยังคงกัดกินภายในหัวใจตัวเองอยู่ ฉันนั่งอยู่บนรถไปเรื่อยๆจนแทบจะสุดสายฉันจึงเดินลงมาในที่ที่ตัวเองไม่คิดจะมาด้วยซ้ำ เพราะที่นี่คือย่านของคนรวยยังไงล่ะ พวกเขาแทบไม่ต้องนั่งรถสาธารณะกันด้วยซ้ำ แต่ดูฉันสิ
ฉันยิ้มบางๆ และเดินไปตามท้องถนนในยามค่ำคืน ฉันเพียงแค่เดินมองผู้คนไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หน้าตึกสูง ที่พูดได้เลยว่าสูงที่สุดในย่านคนรวยไปแล้ว และตึกนี้คือที่ที่ฉันอยากมาทำงานมากที่สุด ทั้งเงินเดือนที่ดีมากๆ และสวัสดิการการเป็นอยู่ที่เอาใจใส่ในพนักงานทุกคน...ที่นี่คือบริษัทปล่อยเงินกู้ที่ใหญ่ที่สุดยังไงล่ะ
"ตั้งใจเรียนแทบตายยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งเลย"
เสียงถอนหายใจของฉันดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนฉันจะลุกขึ้นยืนและเดินย้อนกลับมาทางเดิมพร้อมๆกับรถยนต์คันหรูสีขาวที่กำลังขับสวนมาเหมือนจะตรงเข้าไปที่บริษัทปล่อยกู้ ฉันหันมองรถยนต์คันนั้นที่ติดฟิล์มดำจนไม่สามารถเห็นคนด้านในด้วยแววตาเหนื่อยล้า ก่อนจะละสายตามามองถนนตรงหน้าเหมือนอย่างเดิม
กลับไปนอนเอาแรงแล้วพรุ่งนี้ค่อยออกไปหางานใหม่ก็ได้
วันต่อมา
08.55 am.
ก๊อกๆ
"อื้อ.."
ก๊อกๆๆ
ฉันลืมตาตื่นก่อนจะขยับลุกพร้อมกับรวบผมยาวของตัวเองมัดขึ้นระหว่างที่เดินไปที่ประตูห้อง ฉันเปิดมันออกพร้อมกับเจ้าของหอที่กำลังยืนอยู่ เธอยิ้มให้ฉันจนฉันชะงัก...ปกติเธอไม่ค่อยจะยิ้มสักเท่าไหร่น่ะนะ
"สวัสดีจ้ะ"
"สวัสดีค่ะเอ่อ..หนูจ่ายค่าหอไปแล้วนะคะ"
"ป้ารู้ๆ แต่ที่มาหาเช้านี้เพราะป้ามาแจ้งข่าวน่ะ" ฉันเลิกคิ้วมองป้าเจ้าของหอด้วยความสงสัย "ตอนนี้หนูเรียนจบจากมหาลัยแล้วใช่ไหม ป้าเห็นหนูออกไปทำงานเพราะงั้นป้าขอขึ้นค่าห้องนะลูก"
"เอ่อ" ฉันเอียงใบหน้ามองป้าเจ้าของหอด้วยความสับสน "คือหนูไม่เข้าใจค่ะป้าทำไมจู่ๆถึงจะมาเพิ่มค่าเช่าเหรอคะ?"
"ก็หนูมีงานมีการทำแล้วไงลูก เนี่ยปกติหอนี้มีแต่นักศึกษาอยู่เลยได้ในราคานักศึกษาแต่หนูไม่ใช่แล้ว..จริงๆในสัญญาป้าก็เพิ่มเข้าไปให้ดูแล้วนะ แล้วหนูก็ไม่ได้บอกป้าด้วยว่าเรียนจบแล้ว"
"หนูเพิ่งจบไม่กี่เดือนเองนะคะ แล้วตอนนี้หนูก็ตกงาน"
"แต่ยังไงหนูก็เรียนจบแล้วนี่ ยังไงก็เข้าใจป้าด้วยนะลูกเพิ่มค่าเช่าจากสามพันมาเป็นห้าพันเอง"
"อะไรนะคะ เพิ่มตั้งสองพันเลยเหรอ!?"
"ใช่สิ แหมแถวนี้มีแต่มหาลัยเต็มไปหมดที่พักอะไรก็ต้องแพงไปด้วยยังไงหนูต้องเข้าใจป้าด้วยนะลูก นี่ป้าเองก็มาบอกไว้แต่ต้นเดือนหนูจะได้ตั้งตัวถูก"
ฉันเม้มปากมองหน้าป้า แต่ก่อนที่เธอจะเดินกลับไปเธอกลับหันมาป้องปากกระซิบฉันอีกครั้ง
"ยังไงหนูช่วยจ่ายให้ตรงวันด้วยนะ ถ้าไม่ตรงอีกป้าคงต้องให้หนูย้ายออกจริงๆแล้วล่ะ"
ป้ายิ้มให้ฉันขณะที่ฉันก็พยักหน้าตอบเธอ และปิดประตูมายืนถอนหายใจคนเดียว
"เฮ้อ เดือนละห้าพันกับห้องเท่ารูหนูแบบนี้น่ะนะ"
ฉันหันมองห้องที่แทบจะพูดได้เลยว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียง นี่ฉันก็แทบจะไม่เอาอะไรมาเสริมแล้วนะ แต่ราคาห้องก็ยังแพงอ่ะ
"กลับบ้านดีไหมนะ"
หรือจะกลับไปหางานที่บ้าน อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียค่าเช่า...แต่พ่ออุตส่าห์ส่งฉันมาเรียนตั้งไกล ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆว่าจะหางานที่มั่นคง เงินเดือนเยอะๆแล้วส่งให้พ่อไว้ใช้แต่สุดท้ายฉันจะต้องกลับบ้านไปมือเปล่าอีกน่ะนะ
ครืด..
แรงสั่นจากโทรศัพท์เรียกให้ฉันเดินไปหยิบมันจากเตียงขึ้นมา ก่อนฉันจะเลิกคิ้วมองเบอร์พี่เดียร์ที่กำลังขึ้นโชว์อยู่
"สวัสดีค่ะพี่เดียร์"
(หวัดดีค่ะน้องโสน พี่มีข่าวดีจะบอก)
"อะไรเหรอคะ?"
(เมื่อกี้นี้มีคนจากบริษัทเอ็มเอ็นเคกรุ๊ปโทรหาพี่เขาบอกว่าเขาอยากให้พนักงานที่ทำงานร้านพี่ลองไปสมัครงานที่บริษัทน่ะ เขาอยากได้คนเรียนเอกอิ้งด้านการจัดการพี่เลยคิดถึงโสนเป็นคนแรกเลย)
"จริงเหรอคะพี่ บริษัทเอ็มเอ็นเคกรุ๊ปเขาโทรมาบอกพี่จริงๆเหรอ?"
(จริงสิ แต่พนักงานที่ร้านไม่มีใครเรียนจบด้านนี้เลยนอกจากเราพี่เลยเสนอชื่อเราไป เขาเลยบอกว่าถ้าสนใจให้เข้าไปสมัครวันนี้ตอนบ่ายโมง)
"โสนสนใจค่ะพี่ โสนต้องทำไงต่อหรือต้องติดต่อใครเหรอคะ?"
(โอเคเดี๋ยวพี่ส่งข้อมูลไปให้ในไลน์ดีกว่านะเราจะได้อ่านด้วยว่าต้องเตรียมไรไปบ้าง)
"ค่ะพี่"
(ขอให้ได้งานนะน้องโสนพี่เอาใจช่วย)
"ขอบคุณจริงๆนะคะพี่เดียร์"
(จ้า)
ฉันยิ้มกว้างหลังจากที่วางสาย และไม่นานพี่เดียร์ก็ส่งข้อมูลการสมัครงานมาให้ แต่ตำแหน่งที่เธอให้ไปสมัครมันกลับทำเอารอยยิ้มของฉันจางหายไป...ตำแหน่งเลขาของประธานบริษัทเลยเหรอ
"ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์การทำงาน...แบบนี้ก็ได้เหรอ?"
เงินเดือนเริ่มต้นที่สามหมื่น ยังไม่รวมโอที...
"Oh my god! คนสมัครจะไม่ไปเป็นแสนคนเลยเหรอ?"
แต่เงินตั้งสามหมื่นเลยนะ เงินมากขนาดนี้เป็นใครก็ต้องอยากได้และถึงคนจะเยอะฉันก็จะสู้!
"มาลองดูกันสักตั้ง!"