หญิงสาวยืนรีบลมเย็นอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะมองหาร่างสูงของเจ้าของบ้าน แต่เธอกลับพบว่าเขายังไม่ตื่น หญิงสาวจึงเดินไปเคาะประตูห้องของชายหนุ่ม แต่เมื่อเคาะแล้วกลับไร้เสียงตอบรับ เธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
“นี่คุณจะนอนกินบ้านกินเมืองเลยหรือไง นี่ขนาดฉันเพิ่งลงเครื่องฉันยังไม่นอนตื่นสายอย่างคุณเลย” หญิงสาวรีบว่าชายหนุ่มทันที เพราะเธอต้องการจะแกล้งเขาที่ปล่อยให้เธอกินแค่มาม่า แต่ร่างสูงกลับไม่ได้ลืมตาแต่อย่างใด เขายังคงนอนหลับอยู่
ดานิกาจึงเข้าไปเขย่าที่ร่างของเขาด้วยเพราะคิดว่าเขาแกล้งหลับ แต่เมื่อเธอแตะโดนผิวของเขาเท่านั้น เธอก็พบว่ามันร้อนดั่งไฟเผา หญิงสาวจึงใช้มืออังที่หน้าผากของเขาเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งก็พบว่ามันร้อนรุ่มไม่ต่างกัน เธอรู้ทันทีว่าชายหนุ่มคงเป็นไข้เพราะพิษบาดแผล หญิงสาวจึงรีบไปหาผ้ามาเช็ดตัวให้เขา
แม้ไม่เคยทำอย่างนี้กับใคร และไม่เคยใกล้ชิดชายใดเท่านี้มาก่อน แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถนิ่งเฉยเมื่อคนตรงหน้ากำลังป่วยและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เธอทำทุกอย่างด้วยความเขินอาย ด้วยเพราะว่ารูปร่างของชายหนุ่มนั้นไม่ต่างจากนายแบบในปกนิตยสาร แถมใบหน้าของเขายามหลับสนิทยังหล่อเหลาเหลือเกิน จึงไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกหวั่นไหว
หญิงสาวรีบเช็ดตัวชายหนุ่ม ก่อนจะวางผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ที่หน้าผากของเขา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหญิงสาวจึงเดินมาบริเวณที่เรียกว่าครัว เธอมองหาว่าอะไรที่พอจะทำอาหารให้คนป่วยอย่างเขารีบประทานได้ แต่เธอก็ไม่พบอะไรนอกจากไข่และข้าวสาร หญิงสาวจึงจัดแจงก่อไฟเตาถ่านด้วยความลำบาก เธอพยายามขุดวิชาที่เธอได้จากการไปเข้าค่ายสมัยที่เธอเรียนเนตรนารี ก่อไฟเพื่อต้มข้าวต้มให้เขาอย่างทุกลักทุเล กว่าที่ทุกอย่างจะเรียบร้อย ใบหน้าหวานของสาวนักเรียนนอกก็เต็มไปด้วยคราบสีดำ ซึ่งสาวเจ้าไม่รู้ตัวเลยสักนิด
เธอปรุงโจ๊กด้วยเครื่องปรุงที่มี หญิงสาวรู้ว่ารสชาติมันไม่ได้เรื่อง แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ร่างกายคนป่วยนอนอยู่เช่นนั้น หญิงสาวถือถ้วยโจ๊กพร้อมไข่ลวกเข้ามาในห้องของเขา เธอปลุกเข้าอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาด้วยความมึนศีรษะ
“ว่าไงครับคุณดา” เสียงของเขาที่ทักทายเธอยังไร้ซึ่งเรี่ยวแรง หญิงสาวหยิบปืนที่วางข้างตัวของเขาออกไปวางที่อื่น ก่อนที่เธอจะนั่งลงข้างเตียง
“กินข้าวซะจะได้กินยา” ดานิกาเอ่ยอย่างวางฟอร์ม อติรุจเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วกลับต้องหลุดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอมีแต่คราบเขม่า