ผืนป่าอุ้มวิวาห์เข้าไปนอนในห้องนอนของเขาที่นอนกับเธอทุกคืน ห่มผ้าให้เธออย่างดีก่อนจะออกจากห้องนอนไปยังโถงกลางห้องเหมือนเดิมและหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมากดพิมพ์ข้อความตอบกลับข้อความที่เขายังไม่ได้ตอบ
ผืนป่า: ไม่นานพี่น่าจะกล่อมเธอได
P: ขอบคุณพี่ป่ามากนะที่ทำเพื่อพริม
ผืนป่า: ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ยังไงเธอก็เป็นคนรับปากพริมเองแล้วนี่
P: ถึงอย่างนั้นพริมก็อยากขอบคุณอยู่ดี
ผืนป่า: ไม่ต้องคิดมาก พักผ่อนเถอะ
P: ค่ะ คิดถึงพี่ป่านะคะ
ผืนป่ามองข้อความสุดท้ายจากเธอก่อนที่มุมปากจะยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆที่อ่อนโยนแบบที่วิวาห์ยังไม่เคยได้รับและได้เห็นมันด้วยซ้ำ
เขาอยากรีบจัดการทุกอย่างให้รวดเร็วเหมือนกัน แต่ก็อยากให้วิวาห์เชื่อใจเขามากกว่านี้อีกหน่อยจึงต้องรอต่อไป
.
และเจ้าของข้อความที่คุยกับผืนป่าเองก็ไม่ต่างกัน เธอยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“แกรับปากฉันแล้ว แกก็ต้องทำตามสัญญากับฉันสิวาห์เพื่อนรัก”
.
ผืนป่าที่อยากทำเรื่องนั้นให้จบอย่างรวดเร็วแต่สุดท้ายก็เป็นเขาที่ยังไม่เริ่มอะไรไปมากกว่าสร้างความรักและความเชื่อใจให้กับวิวาห์ที่มีต่อเขา แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อตอนนี้เขายังหลงใหลร่างกายของวิวาห์อย่างยากจะถอนตัวทั้งที่ไม่เคยหิวกระหายแบบนี้มาก่อนเลย เมื่อมีโอกาสได้อยู่กันสองต่อสองอย่าว่าแต่ที่ห้องพัก แม้แต่ที่ทำงานเขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยสักนิด
เช่นตอนนี้
“ไม่ค่ะ วาห์ตามใจพี่ป่ามากเกินไปแล้ว” น้ำเสียงเด็ดขาดของวิวาห์ดังขึ้นปฏิเสธชายหนุ่มที่เธอนั่งตักเขาอยู่ คนที่เขากอดเธอไว้ไม่ให้ลุกเพื่อขอแนบชิดเธอภายในห้องทำงานแบบที่เขาทำบ่อยๆ
“คืนนี้ฉันต้องไปเจอเพื่อนหลายชั่วโมงเลยนะ” เขาบอกเหตุผลที่ดูไม่ใช่เหตุผลเลยสักนิด
ออกไปหาเพื่อนแล้วยังไงในเมื่อมันก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เขาควรจะหยุดพักบ้าง
“หลายชั่วโมงค่ะ ไม่ใช่หลายวันหรือหลายเดือน” เธอยังปฏิเสธเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเพราะเธอไม่อยากตามใจเขาจนต้องเป็นรองเขาทุกอย่าง
“เราก็ทำกันออกจะบ่อยทำไมต้องปฏิเสธฉัน” น้ำเสียงแหบพร่าของผืนป่าดังขึ้นปากร้ายก็พยายามไซ้ซอกคอของเธอเพื่อปลุกเร้า
“ก็เพราะบ่อยแล้วไงคะวาห์ถึงต้องห้าม เพราะถ้าวาห์ตามใจพี่ป่าไปตลอดแบบนี้ก็เสียคนหมดสิ” เธอเองก็มีความสุขกับการแนบชิดเขา แต่ความหื่นกามของเขามันมากอย่างน่าตกใจ
มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอหรอก แต่ปัญหาของเธอคือเขาไม่รู้จักควบคุมตัวเองเลยสักนิด พอเธอเข้ามาหาเขาเรื่องงานเขาก็มักจะเรียกให้เธอเข้าใกล้แล้วกดเธอลงโต๊บ้าง โซฟาบ้าง ให้เธอจัดการเขาบ้าง
มันก็ตื่นเต้นและท้าทายดีนะ แต่ถ้าถามความรู้สึกจริงๆเธอชอบพื้นที่ส่วนตัวมากกว่า ส่วนตัวที่หมายถึงบ้านหรือห้องพักของตัวเอง ไม่ใช่ที่ทำงานที่มีใครสามารถโผล่มาได้ทุกเมื่อแบบนี้
“อีกวัน แล้วหลังจากนี้ฉันจะควบคุมตัวเองกลับไปทำที่ห้อง” เมื่อรู้ว่าเธอไม่ใจอ่อนง่ายๆน้ำเสียงออดอ้อนก็ดังขึ้นอย่างรู้ดีว่ามันทำให้เธอใจอ่อนได้
“ไม่ค่ะ” แต่เพราะเธอรู้ทางของเขาแล้ว รู้ว่าเขารู้ว่าเธอแพ้ทางการอ้อนของเขาเขาเลยทำเธอจึงไม่ปล่อยให้เขาจับทางเธอได้ทุกอย่างอีกแล้ว
“งั้นฉันปล้ำนะ” เมื่อขอดีๆไม่ได้น้ำเสียงของเขาก็จริงจังขึ้นพร้อมกับกระชับกอดเธอแน่นบอกให้เธอรู้ว่าถ้าเธอไม่ยอมเขาจะปล้ำเธอจริงๆ
“ถ้าพี่ป่าปล้ำวาห์ วาห์จะกลับไปนอนห้องหนึ่งอาทิตย์” ก็บอกแล้วว่าเธอไม่ปล่อยให้เขาจับทางเธอได้ฝ่ายเดียวหรอก คนหื่นกามอย่างเขาไม่มีทางปล่อยให้เธอไปนอนห้องคนเดียวได้เป็นอาทิตย์หรอก
“ทุกวันนี้เก่ง?” เขาถามพร้อมกับมุมปากที่เหมือนจะยิ้มไม่ยิ้ม
“ไม่งั้นก็ถูกพี่ป่ากัดกินไม่ต้องลงจากเตียงพอดีสิคะ” เธอหันตัวเข้าหาเขาก่อนจะยกแขนคล้องคอแล้วพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“ปฏิเสธแต่อ่อย?” เขาตำหนิเธออย่างที่เธอชอบทำ ทำทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวแต่มันปลุกกลางกายของเขาให้ตื่นตัวทุกครั้ง
“เป็นเด็กดีนะคะ แล้วคืนนี้กลับมาวาห์จะออนท็อปให้” เธอขยับไปกระซิบที่หูของเขาด้วยน้ำเสียงยั่วยวนพร้อมกับขบติ่งหูเขาเบาๆ
“หึ!” แน่นอนว่าเขาพอใจกับสิ่งที่เธอยื่นให้ แต่เขาก็หงุดหงิดเหมือนกันที่ตอนนี้มีอารมณ์แล้ว อยู่ตรงหน้าแล้ว แต่กลับทำอะไรไม่ได้
สุดท้ายเขาก็รัดร่างบางเข้าแนบชิดและมอบจูบดูดดื่มให้กับเธอ จูบอย่างบงการและเอาแต่ใจอย่างมาก กระทั่ง
“เจ้าป่า!” เสียงเข้มดังขึ้นหลังจากเสียงประตูถูกเปิดออกอย่างไร้การเคาะ
พรึ่บ!
“สะ...สวัสดีค่ะคุณลุง” เสียงเข้มดังขึ้นทำให้วิวาห์รีบดันผืนป่าแล้วดีดตัวลุกขึ้นยืนทันที เธอยกมือไหว้ชายวัยกลางคนตรงหน้า คนที่เธอเคยเห็นหน้าครั้งสองครั้ง คนที่ได้ชื่อว่าพ่อของผืนป่านั่นเอง
“บอกมาว่านี่เรื่องอะไรกัน” น้ำเสียงเรียบนิ่งของคุณพนาวรรณเดินเข้ามามองหน้าลูกชายแล้วถามขึ้นอย่างที่คนใช้ชีวิตมากว่าครึ่งอย่างเขาพอจะเดาออก
“.....” ผืนป่าไม่ได้ตอบและรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่ถูกพ่อจับได้อีกทั้งขัดจังหวะเขา
“คบกันหรอ...” เมื่อเห็นว่าลูกชายไม่ตอบคุณพนาวรรณก็ถามออกไปตรงๆ “ก็ดี พ่ออยากให้แกแต่งงานมีครอบครัวอยู่พอดี”
แล้วก็พูดสิ่งที่คิดพร้อมกับมองปฏิกิริยาของลูกชาย
“ผมกับวาห์ขอเรียนรู้กันอีกหน่อยครับ” ผืนป่าบอกให้พ่อรู้ว่าเขาและวิวาห์พึ่งใกล้ชิดกันได้ไม่นานแบบที่ไม่ได้นับตำแหน่งเลขาของเธอ
“หนูวาห์ว่ายังไงล่ะ” คุณพนาวรรณหันมาถามวิวาห์ขึ้นบ้าง
“ตามที่พี่ป่าพูดเลยค่ะ” แม้ว่าเธอจะมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่แต่เธอก็ไม่ได้หุนหันขนาดที่ว่าจะผูกมัดตัวเองทันทีหรอกนะ
เธออยากเรียนรู้และรู้จักเขาให้มากกว่านี้แม้ว่าใจครึ่งหนึ่งของเธอก็อยากคบหากับเขาอย่างจริงจังไปเรื่อยๆ แต่เธอก็ไม่ได้หัวโบราณหรือยึดติดขนาดที่ว่ามีอะไรกันแล้วจะต้องรีบแต่งหรือจะต้องแต่งกับคนนี้เท่านั้น เธออยากเลือกคนที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากๆ
“งั้นลุงคุยธุระกับเจ้าป่าหน่อยแล้วกัน” คุณพนาวรรณพูดขึ้นเรียบๆ
“ค่ะ” วิวาห์ก็คิดอยากออกไปตั้งแต่แรกแล้วเมื่อได้โอกาสก็ตอบรับอย่างว่าง่ายแล้วรีบก้าวออกไปอย่างรู้สึกอายไม่น้อย
และห้องทำงานก็เหลือเพียงพ่อลูกสองคน
“แกคิดจะทำอะไร” คุณพนาวรรณถามลูกชายขึ้นอย่างไม่ปิดบังความสงสัย
“ทำอะไรครับ” ผืนป่าย้อนถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“แกคิดว่าพ่อไม่รู้ใจแกในตอนนี้หรอเจ้าป่า” คุณพนาวรรณว่าให้ลูกชายอย่างเปิดโปง
“พ่อคิดมากแล้ว” ผืนป่าพูดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งราวกับสิ่งที่พ่อเขาบอกว่ารู้มันผิด
“รู้ใช่ไหมว่าวารุธเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของพ่อ ถ้าสิ่งที่แกทำอยู่ไม่ใช่ความจริงใจและหวังอะไรอยู่ พ่ออยากให้แกหยุดมันซะ” คุณพนาวรรณพูดบอกลูกชายขึ้นอย่างจริงจัง
“จริงใจของพ่อระดับไหนครับ” ผืนป่าถามพ่อด้วยใบหน้าราบเรียบ
“งั้นแกพร้อมจะแต่งงานกับเธอไหม” คุณพนาวรรณถามลูกชายนิ่ง
“นี่มันไม่ใช่วิธีพิสูจน์ความจริงใจครับ มันเป็นการบีบบังคับ” ต่อให้เขาจริงใจมาก แต่การแต่งงานก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของแต่ละคู่ไม่ใช่หรอ
“พ่อก็ไม่อยากทำแบบนั้น แต่แกเป็นลูกผู้ชายพอที่จะตอบพ่อไหมล่ะ ว่าแกลืมคนในใจแกไปแล้ว” เขาก็ไม่ใช่คนที่จะบีบบังคับชีวิตคู่ของลูกเหมือนกัน แต่เพราะหญิงสาวที่เกี่ยวกับลูกชายเขาตอนนี้คือลูกของเพื่อนที่ดีของเขา เขาไม่อยากให้เกิดความผิดใจกันด้วยความเห็นแก่ตัวบางอย่าง
“พ่อจับผิดหรอ” ผืนป่าไม่ได้ตอบแต่ย้อนถามพ่อตัวเอง
“แล้วที่แกไม่ตอบเพราะแกลืมไม่ได้งั้นหรอ” คุณพนาวรรณย้อนลูกชายกลับไปคืน
“ผมจะเรียนรู้วิวาห์อย่างจริงใจครับ แต่ถ้าสุดท้ายผมกับเธอไปกันไม่ได้ตอนนั้นก็ต้องแยกทางกัน” ผืนป่าเลือกจะพูดให้พ่อเขาเบาใจในความสงสัย แม้ว่ามันอาจจะไม่ชัดเจนอย่างที่เขาก็รู้ดีก็ตาม
“เข้ากันไม่ได้เพราะไม่ได้จริงๆหรือแกจะทำให้ไม่ได้” คุณพนาวรรณยังจับผิดลูกชายไม่เลิก
“ตอนนี้ผมกับเธออยู่ในช่วงการเรียนรู้กันพ่อจะหวังคำตอบของอนาคตจากผมไม่เร็วไปหรอครับ” ผืนป่าย้อนพ่อตัวเองไปด้วยน้ำเสียงและใบหน้าราบเรียบอย่างไม่ยอม
“ได้ พ่อหวังว่าแกจะไม่ทำลายความสัมพันธ์ดีๆของพ่อเพราะเหตุผลอะไรก็ตามของแกนะป่า” คุณพนาวรรณย้ำเตือนลูกชายขึ้นอย่างจริงจัง
“ครับ” ผืนป่าตอบรับสั้นๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก
“.....” คุณพนาวรรณมองลูกชายตัวเองอย่างจริงจังอีกครั้งก่อนจะเริ่มพูดเรื่องงานที่เขาเข้ามาเพื่อคุยตั้งแต่แรก
เมื่อคุณพนาวรรณคุยกับลูกชายเสร็จก็ไม่ลืมเน้นย้ำเรื่องของวิวาห์อีกครั้งก่อนจะออกจากห้องทำงานของลูกชายมาและเจอกับวิวาห์ที่โต๊ะหน้าห้องทำงานเหมือนเลขาทั่วๆไป
“วาห์” คุณพนาวรรณเรียกหญิงสาวขึ้น
“คะ” วิวาห์เงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าก่อนจะขานรับอย่างนอบน้อม
“เจ้าป่าดูแลหนูดีไหม” คุณพนาวรรณถามวิวาห์ขึ้น
“ดีค่ะ” วิวาห์ตอบกลับสั้นๆรวบทุกเรื่องในคำตอบเดียว
“งั้นก็ดีแล้ว ถ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือถ้าเจ้าป่าทำให้ไม่พอใจก็บอกลุงได้ทุกอย่าง” เขาได้แต่บอกเธอออกไปแค่นั้นและหวังว่าสุดท้ายลูกชายของเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาด
“ขอบคุณนะคะ” วิวาห์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้าอย่างซาบซึ้งที่เอ็นดูเธอแม้จะเจอกันไม่กี่ครั้งก็ตาม
“งั้นลุงกลับล่ะ”
“สวัสดีค่ะ” วิวาห์ยกมือลาผู้ใหญ่ตรงหน้าอีกครั้งอย่างนอบน้อมโดยที่คุณพนาวรรณก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไป