ตอนที่7 พี่ยังชอบอยู่

1846 คำ
เวลาหัวค่ำผืนป่ามาถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่งที่เขาได้ทำการจองไว้ตามนัดด้วยตัวเอง เขาเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้นราวกับชายหนุ่มแรกรุ่นที่กำลังจะมาเดทกับสาวที่หลงรัก แต่มันจะแปลกตรงไหนเพราะเธอคืออดีตว่าที่คู่หมั้นของเขา คนที่เขารักเธอแม้ว่าจะเลิกรากันด้วยเหตุผลที่เขาเข้าใจดีไปเกือบปีแล้วก็ตาม “พี่ป่า” เสียงใสพร้อมกับรอยยิ้มหวานของหญิงสาวทักทายผืนป่าขึ้นทันทีที่เขาเดินใกล้ถึงโต๊ะ “มานานแล้วหรอ” ผืนป่าเดินเข้าไปพูดกับเธอขึ้นทั้งที่คิดว่าเขามาเร็วแล้ว “ไม่นานค่ะ” พริมา ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเอ “แล้วพริมมายังไง” ผืนป่ายิ้มรับคำตอบของเธออย่างอ่อนโยนถามเธอขึ้น “คนรถมาส่งค่ะ รถพริมเอาไปทำสีอยู่เลยถือโอกาสไม่ขับรถเอง” และก็ถือโอกาสมากินข้าวกับเขาเพื่อให้เขาเป็นฝ่ายไปส่งเธอด้วยนั่นเอง “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม” แม้ว่าคำถามนี้จะถามเธอผ่านการแชทแล้วแต่เขาก็อยากถามเธอต่อหน้าพร้อมกับมองสีหน้าของเธอที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน “ถ้าไม่นับเรื่องป่วยทุกอย่างคงจะดีกว่านี้ค่ะ” เธอตอบกลับออกไปด้วยรอยยิ้มเศร้าสร้อยกับสิ่งที่ตัวเองเป็น “ทนหน่อยนะ อีกไม่นานทุกอย่างจะเรียบร้อย” เขายื่นมือไปกุมมือของเธออย่างให้กำลังใจแล้วบอกเธอออกไป “ขอบคุณพี่ป่ามากนะคะที่ยังไม่ทิ้งพริม ทั้งที่พี่ไม่จำเป็นต้องสนใจพริมแล้วด้วยซ้ำ” เธอพูดอย่างรู้สึกน้อยใจและโทษตัวเองในตัว “พี่เข้าใจสิ่งที่พริมทำ แล้วพี่ก็ไม่โทษพริมด้วยเพราะมันไม่ใช่ความผิดของพริม” เรื่องนี้มันจะบอกว่าเป็นปัญหาก็ได้ แต่เขาก็พร้อมจะยอมรับและมองว่ามันไม่ใช่ปัญหาของเขาได้เช่นกัน เพียงแต่ครอบครัวเขาไม่ได้คิดแบบนั้น นั่นเลยทำให้เธอเลือกจะเป็นฝ่ายถอยออกมาเพื่อไม่ให้เขากับครอบครัวต้องผิดใจกัน “เรากินข้าวดีกว่านะคะ...” พริมาเปลี่ยนเรื่องด้วยรอยยิ้มเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ “พริมสั่งไปบางส่วนแล้ว พี่ป่าอยากสั่งอะไรเพิ่มไหมคะ” แต่แววตาของเธอจะยังเหลือร่องรอยของความเศร้าอยู่อย่างเห็นได้ชัด “ไม่เป็นไร” ผืนป่ามองเห็นแววตานั้นของเธอทำได้เพียงตอบรับด้วยรอยยิ้มบางๆ อย่างพยายามเก็บอาการของตัวเองไว้ เพราะพริมาสั่งอาหารก่อนแล้วทำให้ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ และอาหารส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่เธอรู้ว่าเขาชอบกินโดยมีของที่เธอชอบอยู่แค่อย่างเดียวเท่านั้น “พริมจำได้ว่าพี่ป่าชอบ ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังชอบอยู่หรือเปล่า” พริมาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแต่แววตากลับดูเจียมตัวไม่น้อยกับสถานะของเขาและเธอ “พี่ยังชอบอยู่” เขามองเธอแล้วตอบกลับไปอย่างหนักแน่น “.....” พริมาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา รับรู้แววตาที่ยังเต็มไปด้วยความรักที่เขามีให้เธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน และมันก็ทำให้เธอพอใจและเบาใจไม่น้อยที่ยังเป็นแบบนี้ เขาไม่ได้แพ้ทางให้ผู้หญิงคนไหนง่ายๆ แม้ว่าจะต้องอยู่ใกล้ชิดกัน “พริมดีใจนะคะที่พี่ป่ายังชอบ” เธอตอบรับด้วยรอยยิ้มและแฝงความหมายของคำว่าชอบที่ไม่ได้หมายถึงอาหารเหมือนที่เขาทำก่อน “ของแบบนี้มันเลิกกันไม่ง่ายหรอก” ผืนป่าก็ยังคงแฝงความหมายของคำพูดออกมาเหมือนเดิม “.....” พริมายิ้มออกมาอย่างไม่ปิดบังความสุขของตัวเองก่อนจะเป็นฝ่ายตักอาหารให้กับเขาด้วยตัวเองอย่างใส่ใจ ใส่ใจแบบตอนที่คบกันเธอจำได้ว่าไม่ได้ใส่ใจเขาขนาดนี้ด้วยซ้ำ และอาหารมื้อนี้ของผืนป่ามันอิ่มเอมอย่างมาก เขาที่ไม่ใช่คนจะยิ้มง่ายๆ หรือยิ้มพร่ำเพรื่อ แต่เขาสามารถยิ้มได้แทบจะตลอดเวลาที่นั่งกินข้าวกับพริมาจนกระทั่งมื้ออาหารจบลง “เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” เพราะรู้ว่าเธอไม่ได้ขับรถมาเองเขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องไปส่งเธอ ใช้เวลาอยู่กับธอต่ออีกสักหน่อย “แต่คอนโดพี่กับบ้านพริมคนละทางเลยนะคะ” พริมาพูดอย่างเกรงใจ “พี่ไม่ได้เดินไปส่งพริมสักหน่อย” เพราะแบบนั้นไกลแค่ไหนมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอยู่แล้ว “งั้นก็ตามใจเลยค่ะ” พริมายู่ปากใส่เขาหลังจากได้รับคำตอบกวนอารมณ์ของเขาออกมา ทั้งสองเดินออกจากโซนร้านอาหารในโรงแรมมาที่รถของผืนป่าโดยมีเขาที่ทำหน้าที่สุภาพบุรุษเปิดประตูให้กับพริมาขึ้นไปนั่งและปิดประตูอย่างแผ่วเบาก่อนจะอ้อมไปฝั่งคนขับและขึ้นประจำที่ของตัวเอง รถคันหรูของเขาค่อยๆขับเคลื่อนไปข้างหน้าโดยจุดหมายปลายทางคือบ้านของพริมาที่อยู่คนละฝั่งกับคอนโดเขา แต่ภายในรถกลับไม่ได้น่าเบื่อเลยสักนิดเมื่อเขาได้ใช้เวลากับเธอเหมือนในอดีตอีกครั้ง “เราไม่ได้นั่งรถด้วยกันแบบนี้นานแล้วนะคะ” พริมาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียดายอย่างไม่ปิดบัง “อืม” ความคิดของเธอก็ไม่ได้ต่างจากเขาเลย “ถ้าพริมแข็งแรงป่านนี้เราคงจะได้แต่งงานหรืออาจจะมีลูก...” พริมาพูดสิ่งที่เสียดายก่อนจะเงียบไปเมื่อรู้ “พริมชอบพูดให้เสียบรรยากาศอยู่เรื่อยเลย” เมื่อรู้ว่าตัวเองพูดบางอย่างที่ไม่ควรพูดแล้วตำหนิตัวเองขึ้น “มันไม่สายไปหรอกพริม อีกไม่นานทุกอย่างจะดีขึ้น” เขายื่นมือข้างหนึ่งไปกุมมือเธอมาวางกลางคอลโซลรถแล้วให้กำลังเธอออกไป “พริมจะหายดี” และไม่เพียงแค่ให้กำลังใจเธอ แต่นี่มันเหมือนกับเป็นสิ่งที่เขาเองก็เฝ้ารอเหมือนกัน ถ้าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีและเธอหายดี เขาเชื่อว่าความคิดของครอบครัวเขาก็จะเปลี่ยนไปด้วย “อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ จังเลยค่ะ” พริมาเอนหัวไปซบไหล่แกร่งของผืนป่าแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง “อย่าคิดมากนะ พี่จะทำให้ทุกอย่างให้ดีที่สุด” ผืนป่าให้คำมั่นสัญญากับพริมาออกไปอย่างหนักแน่นก่อนที่บนรถจะตกอยู่ในความเงียบ แต่ความแนบชิดของเขาและเธอที่ยังจับมือและเอนซบไหล่ของทั้งคู่กลับเป็นเหมือนความรู้สึกมากมายที่สามารถสื่อออกมาถึงกันได้อย่างไม่จำเป็นต้องพูดเลยสักนิด กระทั่งรถของผืนป่าจอดหน้ารั้วบ้านของพริมาในเวลาต่อมา “ขอบคุณมากนะคะที่ขับมาส่งพริม พี่ป่าขับรถดีๆ นะคะถึงแล้วส่งข้อความบอกพริมด้วยพริมจะได้ไม่ต้องห่วง” พริมาผละตัวออกจากผืนป่าแล้วบอกเขาอย่างห่วงใยด้วยประโยคยาวเหยียด “อืม พริมก็พักผ่อนให้ดี ไม่ต้องคิดหรือกังวลกับอะไร” ผืนป่าบอกเธออย่างอบอุ่นอ่อนโยนกลับไป “ฝันดีค่ะ” พริมาบอกก่อนจะขยับไปหอมแก้มสากของเขาแล้วหมุนตัวลงจากรถเดินเข้าบ้านของตัวเองไปและหันมาโบกมือให้เขาอีกครั้ง “.....” ผืนป่ามองรอยยิ้มเศร้าสร้อยของเธอก็ไม่สามารถยิ้มออกมาได้เลย เมื่อเห็นว่าเธอเดินเข้าบ้านไปแล้วเขาก็ขับรถกลับคอนโดของเขา ขับไปพร้อมกับความคิดมากมายที่เขาต้องรีบเปลี่ยนความคิดของตัวเอง ตอนแรกเพราะความต้องการของตัวเองจึงใช้ข้ออ้างที่ว่าอยากให้วิวาห์เชื่อใจและรักเขามากกว่าอีกหน่อย แต่วันนี้หลังจากเขาได้เห็นพริมาแล้วมันทำให้เขาสามารถปล่อยวางความต้องการและความหลงใหลภายนอกที่มีของตัวเองลงได้อย่างง่ายดาย แต่เหตุผลที่เขาอยากให้วิวาห์เชื่อใจและรักเขามากกว่านี้มันก็มีเหตุผลในตัว แม้ว่าเธอจะจริงใจกับเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาถ้าเขากลับไปพูดตอนนี้เขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเธอจะตอบรับเขายังไง ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะคิดกับเขาแบบไหน แล้วก็ตอบไม่ได้ด้วยว่าสุดท้ายแผนการนี้ของเขาจะสำเร็จอย่างที่เขาหวังไว้หรือจะพังจนเขาอาจจะต้องทำร้ายเธอเพื่อผละประโยชน์ให้คนที่สำคัญกว่า ประตูห้องเปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงของผืนป่าก่อนจะตามมาด้วยเสียงทักทายของหญิงสาวที่ยังไม่ได้เข้านอน “ทำไมกลับมาเร็วจังเลยคะ” คำทักทายพร้อมกับรอยยิ้มหวานของวิวาห์ปรากฎขึ้นในสายตาของผืนป่าทันทีที่เขาเข้าห้องมา “ทำไมยังไม่นอนล่ะ” ผืนป่าถามเธอขึ้นเพราะคิดว่าเธอจะอยู่ในห้องนอนไปแล้ว “ว่าจะดูซีรี่ย์ตอนนี้จบก็ไปนอนแล้ว ไม่คิดว่าพี่ป่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้” เพราะเขาบอกไปเจอเพื่อนเธอก็เข้าใจว่าจะต้องกินเหล้าและกลับดึกเลยไม่คิดจะรอเขาอยู่แล้ว แต่ผิดคาด “ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะ มีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า” วิวาห์ถามขึ้นหลังจากเห็นเขาเดินมานั่งข้างๆ เธอด้วยใบหน้าราบเรียบแต่หัวคิ้วติดจะมุ่นไปเล็กน้อย ปกติเขากลับมาถึงห้องคนอย่างเขาจะต้องรีบพุ่งเข้าใส่เธออย่างหิวกระหายไปแล้ว แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ผิดวิสัยของเขามากๆ “มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ” เขาตอบกลับสั้นๆแต่เต็มไปด้วยความหนักใจไม่น้อย “มีอะไรระบายให้วาห์ฟังได้นะ” เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะเล่าหรือไม่ และไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเขาได้ด้วยหรือเปล่า แต่เธอก็สามารถรับฟังเขาได้ “.....” ผืนป่าหันมองหน้าวิวาห์ด้วยใบหน้าราบเรียบแต่หัวคิ้วยังมุ่นราวกับคิดหนักอยู่ แววตาของเขาดูไม่สบายใจเอามากๆ จนเธอสัมผัสได้ “.....” เธอทำได้เพียงยื่อมือไปจับมือเขามากุมไว้อย่างให้กำลังใจโดยไม่ได้คาดคั้นให้เขาพูดอะไรออกมา กระทั่ง “น้องสาวของเพื่อนฉันป่วย และต้องการปลูกถ่ายไขกระดูก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม